ศิษย์ของจักรพรรดิโลหิต
แต่ในขณะที่ราฟกำลังพูดอยู่นั้น เนโรที่เขาคิดว่าหมดสติอยู่ก็ลืมตาตื่นขึ้น
ตูมมม
“โว้ว”
“...”
ทั้งสองคนที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพลังอันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากตัวของเนโรก็รีบถอยให้ห่างจากร่างนั้นทันที
“หืม พวกเจ้าเองเหรอที่ทำร้ายศิษย์น้องเล็กของข้าจนทำให้ตราประทับทาสของเจ้ามารชั้นต่ำนี่ถูกเปิดใช้ให้อัญเชิญข้ามา เห้อ เจ้าเด็กนี่ก็เหลือเกินจริงๆ มีพลังที่สามารถฟื้นคืนชีพจักรพรรดิมารที่ล่วงลับไปได้แท้ๆ แต่กลับอยากเอามาลองใช้กับพวกอสูรโบราณไร้สมองแบบนี้เสียได้” เสียงหวานที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแสนเย็นชาดังออกมาจากปากของเนโร ก่อนที่จะมองไปยังซากของอสูรบรรพกาลที่ล้มลงกับพื้นเพราะฝีมือของราฟ
“...” ราฟที่ได้ยินเสียงใหม่ของเนโรถึงกับแคะหูก่อนจะถามออกมาว่า
“นี่ รุ่นพี่ ทำไมแอ๊บเสียงสาวแบบนั้นล่ะ แหม หรือว่าที่กลายเป็นมารเพราะอยากเป็นสาวชิมิฮะ อะไรก๊าน เรื่องแค่นี้เอง ไม่ต้องไปเป็นมารหรอก ถ้าพี่อยากเปลี่ยนเพศผมจัดให้ได้น้า...เหวอ” ราฟที่กำลังเอามือกุมคางพลางพูดด้วยรอยยิ้มขี้เล่นอยู่รีบหลบบอลพลังงานสีดำทะมึนที่พุ่งออกมาจากฝ่ามือของเนโรทันที
“สามหาว! ข้าคือวาเนสซ่า ศิษย์เอกของจักรพรรดิโลหิต ผู้งดงามที่สุดในแดนมาร ไม่ใช่คนที่อยากแปลงเพศ!...ไอ้เด็กเหลือขอ! แน่จริงอย่าหลบ!” เนโรตะโกนออกมา
“เง่ะ ไหงคุณพี่เปลี่ยนชื่อเป็นวาเนสซ่าซะงั้นอ่ะ...ว่าแต่ทำไมพลังพี่แกโหดกว่าเดิมหลายเท่าเลยฟะ” ราฟที่วิ่งหลบบอลพลังของเนโรพึมพำกับตัวเอง
“เจ้านี่ไม่ใช่เนโร” เป็นพัคแทยังที่ตอบคำถามของชายหนุ่มผมเทา ในตอนนี้ดวงตาของเขากำลังเปล่งแสงออกมา
“หือ แล้วมันเป็นใครอ่ะ” ราฟหันหน้ามาถามขณะใช้มือปัดบอลพลังงานออกไป
“อ๊าก แสบโว้ย เหมือนโดนน้ำมันลวกเลย”
“ความแข็งแกร่งของร่างกายนั่นมันอะไรกัน” วาเนสซ่าหรือผู้ที่ควบคุมร่างเนโรอยู่ขมวดคิ้วมุ่นหลังจากเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าสามารถปัดบอลพลังของเขาได้ด้วยมือเปล่า
“เอ่อ มัน...ไม่ใช่สิ คนๆนั้นเป็นผู้หญิง” พัคแทยังตอบด้วยใบหน้าที่เริ่มมีสีแดงระเรื่อ ก่อนที่เขาจะสะบัดหน้าไปมา
“หืม ผู้หญิงเหรอ แล้วทำไมนายถึงทำหน้าเขินแบบนั้นล่ะ” ราฟที่เห็นสีหน้าของสหายร่วมรบถามด้วยความงุนงง
“ธะ เธอกำลังปะ เปลือยอยู่” พัคแทยังหลับตาก้มหน้าลงตอบ
“...”
หลังจากได้ยินคำตอบของพัคแทยัง ราฟก็นิ่งไป จนทำให้บอลพลังงานที่ไล่ตามมาอัดเข้ากับร่างกายของชายหนุ่มเข้าอย่างจัง
ตูมมม
“สำเร็จ” วาเนสซ่ายิ้มเย็น แต่เธอก็ยินดีกับชัยชนะนี้ได้ไม่นาน เพราะว่า...
“เดี๋ยวๆ นี่นายจะทำอะไรน่ะ” เสียงของพัคแทยังดังขึ้น
“อยู่นิ่งๆ ขอฉันจับมันแปปเดียว ไม่เจ็บหรอก” ราฟที่เคลื่อนไหวไปอยู่หน้าพัคแทยังด้วยความเร็วเพียงพริบตาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“...นายจับตาฉันแล้วได้อะไรเนี่ย?” พัคแทยังถามด้วยความงุนงง
“ไม่มีอะไรมาก...อ้ะ เรียบร้อย เบิกเนตร!” ราฟกะพริบตาไปมาสักพักก่อนจะสะบัดหน้าไปทางร่างของเนโร
“อุว้าว สะ สุดยอด” เสียงของราฟดังลั่นห้องจนทำให้วาเนสซ่าที่ได้ยินแบบนั้นรู้สึกใจคอไม่ดี
“ทำไมนายถึงใช้เนตรสีทองได้กัน!? ไม่ใช่สิ จากสีหน้าแบบนั้นนายกำลังคิดอะไรกันอยู่เนี่ย!” พัคแทยังถามด้วยความตกใจ
“พวกเจ้าเป็นบ้าอะไรกัน ข้าไม่สนใจที่จะสนทนากับพวกเจ้าแล้ว! ประตูมิติ จงเปิด!” วาเนสซ่าที่รู้สึกเหมือนถูกคุกคามด้วยสายตาอยู่รีบสะบัดมือออกมาก่อนที่ร่างของเนโรที่เธอควบคุมอยู่กับเซอร์เกรย์สันจะถูกคลื่นสีดำสนิทกลืนกินไป
“ไม่ดีแล้ว จับพวกมันไว้” พัคแทยังรีบตะโกนออกมาก่อนที่จะซัดฝ่ามือสุริยันใส่คลื่นทมิฬเหล่านี้จนบางส่วนแตกกระจาย แต่ก็ยังไม่สามารถไล่ตามจับพวกมารได้
“เอ่อ โทษทีนะพลังของฉันตอนนี้ใช้ได้แค่ระดับกายภาพอ่ะ จะให้ตบความมืดเหมือนนายคงไม่ไหว เมื่อกี้ตอนฉันตบบอลพลังก็โดนมันดันกลับ เจ็บเอาเรื่องเลยนา” ราฟยักไหล่ก่อนจะโชว์ฝ่ามือของเขาที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยแดงเถือกให้ชายตาทองดู
“เห้อ ช่างมันเถอะ อย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่าตอนนี้จักรพรรดิโลหิต 1 ใน 9 จักรพรรดิแห่งเผ่ามารผู้อยู่เหลือเหล่าดยุกขึ้นไปอีกกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ ที่เหลือเราก็แค่ต้องรายงานมันให้กับทางสมาคมผู้พิทักษ์”
“โอ้ว...ว่าแต่เราลืมอะไรไปรึเปล่านะ” ราฟตอบรับคำพูดของพัคแทยัง ก่อนที่จะยิ้มแห้งๆออกมา
“พวกเราต้องไปช่วยสมาชิกที่เหลือ สัตว์อสูรพวกนั้น คนที่รับมือมันได้อย่างน้อยต้องเป็นผู้ใช้พลังระดับ S ซึ่งจากที่เห็นมีแค่คุณหนูเรเชลเท่านั้นที่มีความสามารถเพียงพอ แต่ดูจากจำนวนของพวกมันเธอไม่ไหวแน่ ไปกันเถอะ” พัคแทยังที่นึกขึ้นได้เช่นกันรีบพูดเร่งราฟก่อนที่เขาจะใช้ความเร็วแสงของเราพุ่งออกไปนอกห้องทันที
“เห้อ” ราฟที่เห็นว่าพัคแทยังจากไปแล้วก็หันหน้ามาหาซากศพชองเหล่าอสูรบรรพกาลที่ล้มตายอยู่
“ดูดกลืน” จากนั้นกระแสปราณที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือดของเผ่ามารที่ยังคงตกค้างอยู่ก็ถูกดูดเข้าไปในร่างของชายหนุ่มผมเทา
“ฟู่ อร่อยอยู่แฮะ รสชาติเหมือนหมาล่าเลย ที่นี้ก็ไม่มีไอมารตกค้างที่อาจทำให้คนไม่ดีที่สัมผัสมันกลายเป็นมารเหลือละ เอาล่ะ ไปช่วยยัยนักดาบดีกว่า” ราฟฉีกยิ้มกว้างก่อนที่จะเคลื่อนที่ตามพัคแทยังไป
.
.
.
“ตัดนภา!”
“เจี๊ยก” ที่ใจกลางศูนย์วิจัย เสียงร้องของอสูรตนหนึ่งดังขึ้นก่อนที่จะเกิดแรงกระแทกที่พื้นตามด้วยมีร่างของหญิงสาวผมบลอนด์คนหนึ่งกระเด็นออกมา
“ไอ้ลิงบ้านี่...พวกเธอไว้มั้ย” เรเชลหันมาถามสมาชิกชมรมของเธอขณะใช้ดาบเรเปียร์ป้องกันการทุบของอสูรวานรตรงหน้า
“แค่กๆ ยังไหวอยู่ ขอโทษนะ ที่พลังของฉันช่วยอะไรไม่ได้เลยน่ะ” เสียงของหญิงสาวอีกคนดังขึ้นด้วยความเสียใจ
“ฉันก็ด้วย พลังของพวกเราเป็นทำได้แค่รักษากับใช้คลื่นเสียงสนับสนุนให้เธอเท่านั้น แค่เธอช่วยพวกเราทุกคนให้แยกกันหนีจากพวกมันทั้งหมดไปได้ก็มากพอแล้ว หนีไปซะ มันจะดีกว่านะถ้าเธอทิ้งพวกเราไปแล้วไปตามคนมาช่วยน่ะ” เสียงของชายหนุ่มอีกคนดังขึ้นด้วยใบหน้าปล่อยวาง แขนซ้ายของเขาหายไปเพราะถูกอสูรวานรสีชาดใช้ลาวาหลอม ตอนนี้เขาไม่เหลือความหวังอะไรแล้ว
“อย่าพึ่งหมดหวังสิ เรายังมีพัคแทยังกับเจ้าบ้านั่นอยู่นะ” เรเชลรีบท้วง
“พัคแทยังอาจจะมาช่วยได้ แต่เธอคิดว่าเจ้าโรคจิตที่ชอบตามส่องคุณซายะจะทำอะไรกับสถานการณ์นี้ได้งั้นเหรอ”
“...หมอนั่นไม่ได้อ่อนแอ” เรเชลตอบกลับ ขณะนึกถึงร่างกายที่สามารถทนทานสายฟ้าสวรรค์ของตระกูลหลินได้ของชายคนนั้น
ก๊าซซซ
โฮกกก
“ไม่ดีแล้ว วิหกวายุกับมังกรโลหะกำลังกลับมาหลังจากตามพวกเราคนอื่นที่แยกหนีไป ฟังจากเสียงของมันพวกเขาคงไม่รอดแล้ว” หญิงสาวเพื่อนของเรเชลที่กำลังนั่งกุมเข่าสะอื้นออกมา
“เรเชล ลิลลี่ พวกเธอรีบหนีไป ฉันจะต้านพวกมันไว้เอง” ชายหนุ่มที่เหลือแขนขวาข้างเดียวใช้แรงที่ยังเหลืออยู่คว้าคอเสื้อของลิลลี่ที่กำลังสั่นกลัวโยนไปทางเรเชล ก่อนที่เขาจะหันไปมองอสูรวานรสีชาดที่กำลังเยื้องกรายเข้ามาหาพวกเขาด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว จากนั้นกระแสพลังก็ไหลเวียนไปทั่วร่างของเขาแล้วกลายเป็นคลื่นโซนิคกระแทกไปที่ร่างของวานรสีชาดที่กำลังแสยะยิ้มอยู่