ดินแดนที่ล่มสลาย
[ห้องของราฟ]
ฉ่าาา
แคร่กๆ
ฟุบ
“อึก” เสียงที่เกิดจากการทำอาหารของราฟได้ทำให้เกิดเสียงกลืนน้ำลายของสองคนและหนึ่งอสูรดังตาม
“หมอนี่บอกว่าเมนูนี้พวกนี้เรียกว่าอะไรนะ?” เรเชลถามพัคแทยังทั้งๆที่สายตาของเธอยังไม่ละไปจากการทำอาหารของชายหนุ่มผมเทาตรงหน้าที่กำลังตัดอาหารเมนูสุดท้ายใส่จาน
“ผัดกะเพราเนื้อวัวสับ ต้มยำกุ้ง ปูผัดผงกะหรี่ ส้มตำไทย...อึก ราฟนายไปหาสูตรพวกนี้มาจากไหน พวกฉันไม่เคยได้ยินเลยว่ามีอาหารน่ากินแบบนี้อยู่บนโลกด้วย” พัคแทยังที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นอัจฉริยะขั้นสุดยอดถามออกมา
“ใช่ ตอบฉันมาเลยนะ แค่ได้กลิ่นของพวกมันฉันก็น้ำลายไหลแล้ว” เรเชลเร่งคำตอบ
ราฟมองหญิงสาวที่เพิ่งบอกเขาด้วยความมั่นใจว่าตัวเองลิ้นเทพด้วยความขบขัน
“มันเป็นอาหารจากไทยน่ะ พวกนายไม่รู้จักเหรอ”
“หะ!? ไทยเหรอ นั่นมันดินแดนที่ล่มสลายเมื่อหลายร้อยปีก่อนนี่ หลังจากคลื่นอสูรปรากฏตอนนี้ก็เป็นแค่หมู่เกาะเล็กๆ แต่ได้ยินว่าคนในประเทศที่เหลือรอดจากการล่มสลายที่เกิดจากปัญหาภายในและคลื่นอสูรนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก นอกจากความแข็งแกร่งที่ยากคาดเดาว่าคืออะไรของไทยแล้ว ฉันก็ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะมีอาหารที่น่าอร่อยแบบนี้อยู่ด้วยนะเนี่ย” เรเชลที่ชอบประวัติศาสตร์โลกพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นที่ได้รับความรู้ใหม่
“แล้วนายไปรู้วิธีทำอาหารพวกนี้มาได้ยังไงอ่ะ” พัคแทยังถามราฟ
“อ้อ ฉันเจอมันขายอยู่ในร้านขายของเก่าน่ะ เจ้าของร้านบอกอ่านไม่ออกเลยขายให้ฉันถูกๆ” ราฟแหลหน้าตายเช่นเคย
“นายจะโชคดีไปแล้วเกินไปแล้ว ว่าแต่...ที่นายทำอาหารให้พวกฉันกินนี่คิดแผนอะไรไว้ล่ะ” เรเชลที่ถึงแม้จะหิวจนอยากพุ่งเข้าไปตักอาหารตรงหน้าเข้าปาก แต่ก็ยังคงสงสัยกับแผนการของชายผมเทา
“สมกับเป็นคุณหนูแห่งตระกูลหลัก...ถึงจะติงต๊องนิดๆก็เถอะ” ประโยคสุดท้ายราฟพูดออกมาเบาๆแต่ก็ยังทำให้เรเชลได้ยิน
“แก๊ ว่าใครติงต๊องยะ”
“เข้าเรื่องกันเลยนะ...”
“ฉันอยากให้เธอช่วยหาวัตถุดิบให้หน่อย ธุรกิจของตระกูลเธอคือตามล่าวัตถุดิบนี่นะ พอดีฉันจะเปิดร้านอาหารไว้ทำหลังเกษียณตอนแก้ไขปัญหาบนโลกนี้หมดแล้วน่ะ”
“หลังเกษียณ? นี่นายอายุเท่าไหร่เอง คิดถึงการเกษียณแล้ว?” เรเชลมวดคิ้ว ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ก็ได้ ฉันมีลางสังหรณ์ว่ามันต้องทำเงินได้มหาศาลแน่...ตกลง! แต่ฉันขอ 20% แทนค่าหาวัตตุดิบนะ นี่จะเป็นธุรกิจครั้งแรกของฉัน อย่าทำให้เสียล่ะ”
“อื้ม เรื่องรายละเอียดไว้ค่อยคุยกันอีกที ตอนนี้มากินกันเถอะ โกโก้คะ มากินข้าวกานนน” ราฟพูดจบเขาก็หยิบจานไก่ย่างตัวนึงให้โกโก้ที่มีโต๊ะแยกให้นั่งข้างๆเขา ก่อนที่จะเดินเสิร์ฟอาหารทั้งหมดลงบนโต๊ะอาหาร
“ฉันรอคำนี้มานานแล้ว!” เรเขลพูดขึ้นด้วยความดีใจ
พักแทยังที่หลังจากได้ยินคำของราฟก็กลืนน้ำลายรอบที่สิบ ก่อนจะเริ่มหยิบช้อนตักข้าวผัดกะเพราขึ้นมาแล้วเอาเข้าปาก
ทันใดนั้นใบหน้าที่แสนหล่อเหลาของเขาก็เหมือนจะมีแสงสีทองส่องออกมาบางๆ
“อร่อยยย” พัคแทยังพูดโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ขณะตักอาหารจานอื่นมากินด้วยความรวดเร็ว
เรเชลในตอนนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากพัคแทยังเท่าไหร่นัก
‘ไม่คิดว่าพวกเขาจะชอบขนาดนี้แฮะ แต่อย่างว่าแหละนะ อาหารส่วนใหญ่บนโลกนี้ถึงจะเหมือนกับโลกเก่าของเรา แต่หลังจากคลื่นอสูรปรากฏสูตรอาหารทั้งหลายก็ได้ถูกพวกมันทำลายไม่ก็หายสาบสูญไปหลายร้อยหลายพันปีแล้ว”
หลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเสร็จ ราฟก็มองทั้งสองคนที่ทำเหมือนกำลังแข่งขันชิงแชมป์กินจุกันอยู่ด้วยรอยยิ้มจางๆ ก่อนจะลงมือกินเช่นกัน
.
.
.
หลังจากกินอิ่มพัคแทยังที่ถึงแม้จะกินไปมากเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้ทำให้ท้องของเขาป่องออกมาแต่อย่างใดซึ่งเป็นผลมาจากปราณสุริยันที่คอยเผาผลาญไขมันและพลังงานส่วนเกินออกไปจนหมดหันไปมองโกโก้ด้วยสายตาแปลกๆแล้วเอ่ยถามราฟ
“ฉันว่าจะถามตั้งนานแล้ว นายเอาอสูรระดับ S เข้ามาในห้องได้ยังไง”
เคร้ง
เสียงกระดูกปีกไก่ในมือของเรเชลที่ยังคงละเอียดละไมการการรับรสไก่ย่างอยู่ดังขึ้นทันทีที่พัคแทยังพูดจบ
“ระ ระดับ S? เด็กคนนี้อ่ะนะ!?” เรเชลอ้าปากหวอจนหมดงามเหลือแต่ความน่ารักแบบตลกๆ
“หืม เด็กคนนี้ไม่ใช่ระดับ A เหรอ ส่วนคำถามของนาย...เพราะฉันใช้วิชาซ่อนปราณกับโกโก้ไว้น่ะ”
“อ้อ เข้าใจละ เด็กคนนี้คงวิวัฒนาการหลังมาอยู่กับนายสินะ นายให้อะไรมันกินเหรอ” พัคแทยังถามด้วยความสงสัย
“สายฟ้าของฉันน่ะ” ราฟตอบขณะเกาคางโกโก้ที่กำลังทำหน้าเคลิ้มแล้วล้มลงกับพื้นนอนแผ่เพื่อหวังให้ราฟทำมันต่อไป
“น่าร๊ากกก” เรเชลที่อยากเข้าไปกอดโกโกร้องออกมา แต่เธอทำไม่ได้เพราะตอนนี้มือทั้งสองข้างกับลังถือไก่ย่างอยู่
“...” พัคแทยังที่เห็นแบบนั้นก็อดไปได้เอื้อมมือไปเกาพุงโกโก้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
‘นะ นายท่าน ข้าคิดว่าจะตายเพราะสำลักความสุขแล้ว สหายของนายท่านคนนี้ช่างหล่อเหลายิ่งนัก ยิ่งกว่าท่านพ่อของข้าอีก บ๊อกๆ’ โกโก้ส่งกระแสจิตมาให้ราฟได้ยินแค่คนเดียวด้วยน้ำเสียงเคลิบเคลิ้ม
‘...’ ราฟ
.
.
.
“งั้นฉันไปก่อนนะ พวกนายน่าจะทำตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ใช่มั้ย” หลังจากที่กินอาหารกันอิ่มไม่นาน เรเชลก็บอกลาทั้งสองคน
“อืม” พัคแทยังพยักหน้า
“ไว้เจอกันใหม่ยัยนักดาบ” ราฟพูดยิ้มๆ
“บ๊อกๆ” โกโก้เห่าบ๊ายบายหญิงสาว
เมื่อเรเชลออกไป พัคแทยังก็หันมาถามว่า
“แล้วพวกเราจะเริ่มกันยังไง”
“นายก็แค่อัดพลังของนายมาใส่ฉันเท่าที่ทำได้ก็พอ”
“โอเค...” พัคแทยังซัดพลังของเขาใส่ราฟทันที
ซูมมม
“แม่เจ้าโว้ย พลังโครตบริสุทธิ์เลย อร่อยเหาะ” ราฟที่ได้สัมผัสกับพลังของพัคแทยังยิ้มกว้างออกมา รสชาติของมันที่กำลังแทรกซึมไปทั้วร่างของเขาทำให้รู้สึกเหมือนกินช็อคโกแลตเคลือบคาราเมลเข้าไป
ฟุบ
“หู้ว” พัคแทยังพ่นลมออกมาด้วยความเหนื่อยหอบ เขามองชายผมเทาตรงหน้าที่ถึงจะรับพลังของเขาเข้าไปเต็มที่แต่กลับไม่เป็นอะไรเลยด้วยสายตาอึ้งๆ
“พูดตามตรงเลยว่านายคือหนึ่งในคนที่ฉันไม่อยากเป็นศัตรูที่สุด เพราะนายคือหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งและรับมือยากที่สุดในอนาคตแน่นอน” พัคแทยังยิ้มออกมาก่อนชมราฟอย่างจริงใจ
“ฉันก็ไม่ได้อยากเป็นศัตรูกับเพื่อนดีๆอย่างนายหรอก ฉันแค่รู้วิธีใช้ให้ประสิทธิภาพมากที่สุดน่ะ อย่างของนายฉันว่าพลังมันน่าจะทำให้เป็นอมตะได้เลยนะ ขอแค่นายได้สัมผัสแสงแดดก็คงไม่มีวันตาย”
“เพื่อน!? นายมองฉันเป็นเพื่อนงั้นเหรอ” พัคแทยังหันมาถามราฟด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ทำไมล่ะ ตอนนี้เราไม่ใช่เพื่อนกันเหรอ รึนายไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉัน?” ราฟถามด้วยความงุนงงกับท่าทางของขายหนุ่มตาทองตรงหน้า
“ไม่ๆ ฉันแค่ดีใจที่นายบอกว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน เพราะฉันไม่เคยมีเพื่อนเลย เมื่อก่อนเอาแต่เรียนการต่อสู้ตลอดน่ะ” พัคแทยังเกาแก้มอายๆแล้วพูดอย่างมีความสุข ก่อนจะพูดต่อว่า
“เรื่องพลังของฉัน...ฉันยังไม่เคยตายมาก่อน ปกติใช้แค่ฟื้นฟูร่างกายจากอาการบาดเจ็บ แต่ยังไงขอให้มันเป็นตามที่นายพูดละกัน” พัคแทยังลุกขึ้นก่อนจะบอกลาราฟแล้วขอตัวกลับไปนอน
“โอ้ว โอเค บาย”
“บาย ไว้เจอกัน”