ดาวตก
[ห้องพยาบาล]
หลังจากราฟพาหญิงสาวมาที่ห้องพยาบาล เขาก็บอกลาหญิงสาวแล้วจากไปพร้อมบอกกับเธอว่า
“ถึงมือพยาบาลแล้ว ฉันไปละ หายไวๆนะยัยนักดาบ แล้วก็ไม่ต้องคิดถึงฉันล่ะ” ราฟฉีกยิ้มกว้าง
“ใครจะคิดถึงนายกัน รีบกลับไปเลย!”
“ฮ่าๆๆ”
หลังจากชายหนุ่มผมเทาออกไป เรเชลก็ถอนหายใจออกมา
“เรียบร้อยแลัว ช่วงนี้เธอก็อย่าฝึกหนักมากล่ะ ถึงฉันจะใช้พลังฟื้นฟูให้จนหายแล้ว แต่ก็เพื่อความชัวร์ล่ะนะ” ครูห้องพยาบาลสาวอายุประมาณ 28 ปีบอกเรเชลด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนหลังจากใช้พลังของเธอรักษาหญิงสาวเสร็จ
“ขอบคุณค่ะ” เรเชลยิ้มตอบ
“ว่าแต่เธอไปทำยังไงถึงทำให้เท้าแตกถึงกระดูกแบบนี้ล่ะ” ครูสาวถามด้วยความสงสัย
“หนูก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ หนูแค่จะเข้าไปใช้ห้องฝึกต่อจากไอ้บ้าคนหนึ่ง รู้ตัวอีกทีก็เป็นแบบนี้แล้ว” เรเชลตอบตามความจริง แต่เมื่อได้ยินดังนั้นครูสาวก็ไม่ถามต่อ เพราะเข้าใจว่านักเรียนคนนี้คงไม่อยากบอกเธอ
“งั้นพักอยู่นี่สักครึ่งวันก่อนให้ร่างกายฟื้นตัวแล้วค่อยกลับห้องพักของเธอนะ ฉันไปล่ะ”
“ค่ะ”
เมื่อครูพยาบาลเดินออกจากห้อง เรเชลก็หันหน้าออกไปนอกหน้าต่างแล้วนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เธอต้องมาอยู่ห้องพยาบาลแห่งนี้
‘หมอนั่นมีพลังอะไรกันแน่ถึงทำให้สามารถอยู่ภายใต้แรงโน้มร่วงระดับที่ทำให้ร่างกายของเราที่มั่นใจว่าฝึกฝนอย่างหนักแล้วบาดเจ็บได้ขนาดนี้ ยังดีนะที่เจ็บแค่เท้า ถ้าโดนทั้งตัวไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น’ หลังจากคิดเสร็จ เธอก็ถอนหายใจ
“จะว่าไปก็เป็นคนดีกว่าที่คิดนะ หมอนั่นน่ะ” เรเชลนึกถึงตอนที่เขาได้พุ่งตัวเข้ามาช่วยเธอด้วยสีหน้าเป็นกังวล จากนั้นหญิงสาวก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
.
.
.
“หิวจังเลยวุ้ย ว่าแต่ พอกลับมาอยู่แรงโน้มถ่วงปกติแล้วรู้สึกร่างกายเบาขึ้นเยอะเลยแฮะ” ราฟพูดกลางลองกระโดดเบาๆ แต่มันกลับทำให้เขาลอยขึ้นไปสามเมตร
“โว้ว...ไหนลองโดดแบบเต็มแรงดูซิ” ราฟร้องอย่างตื่นเต้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะย่อตัวลงและเกร็งกล้ามเนื้อขา จากนั้นจึงกระโดดขึ้นไปเต็มแรง
ซูมมม!
ปังงง!
“เหวอออ!”
การกระโดดของเขาคราวนี้ทำให้พื้นดินแตกเป็นวงกว้างพร้อมกับคลื่นกระแทกของซุปเปอร์โซนิคที่ส่งผลให้ตัวของราฟพุ่งออกไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเสียงหลายเท่า
“อ๊ากกก”
หลังจากที่ร่างกำยำพุ่งหายเข้ากลีบเมฆไปไม่นานเสียงกรีดร้องของราฟก็ดังขึ้น
จากนั้นก็ปรากฏเปลวเพลิงสายหนึ่งพุ่งลงมาจากฟ้าด้วยความเร็วสูง
.
.
.
“ที่รัก ดูสิคะ นั่นดาวตกแหละ”
“ว้าว สวยมากเลย งั้นเรามาอธิษฐานกันเถอะ”
ห่างออกไปไม่ไกล มีคู่รักคู่หนึ่งที่มองเห็นสิ่งที่กำลังตกลงมา จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มหลับตาอธิษฐาน
ทุกคนในเมืองไอรีนที่เห็นปรากฏการณ์นี้ก็รู้สึกตื่นเต้น เพราะในอดีตเคยมีเหตุการณ์ที่มีดาวตกลงมาเช่นกัน เมื่อมีคนเข้าไปตรวจสอบก็พบกับแร่พิเศษจากอุกกาบาตที่มีความทนทานและความแข็งแกร่งแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งพวกเขาได้เรียกมันว่า ซูพริล (Suprill)
ภายหลังจากที่พบแร่ดังกล่าว สงครามระหว่างผู้ใช้พลังก็อุบัติขึ้น สุดท้ายแร่นั้นก็แยกออกนำไปทำเป็นอาวุธวิญญานระดับ SSS 7 ชิ้น ซึ่งผู้ที่ครอบครองพวกมันเหล่านี้ก็คือ 3 ใน 10 อันดับแรกของ 10 ตระกูลผู้พิทักษ์ อีก 1 ชิ้นอยู่กับผู้นำสมาคมผู้พิทัพษ์ อีก 1 ชิ้นอยู่กับหัวหน้ากิลด์แสงดาราที่เป็นกิลด์อันกับ 1 ในปัจจุบัน ส่วนอีก 2 ชิ้นที่เหลือนั้นเป็นของกลุ่มคนที่แข็งแกร่งเสียจนบรรดา 10 ตระกูลหลักไม่กล้าที่จะก่อสงครามชิงอาวุธกับพวกเขา กลุ่มคนเหล่านี้เรียกตัวเองว่า อูโรโบรอส
หลังจากเหตุการณ์นั้นทางกลุ่มผู้นำของโลกทั้งหลายก็ได้ร่วมมือกันแล้วประกาศว่าถ้ามีอุกกาบาตตกลงมาบนโลกอีกครั้ง หากมีใครที่พบเจอแร่นี้แล้วส่งมอบให้พวกเขาก็จะได้เงินรางวัลหมื่นล้านเหรียญเป็นการตอบแทน
ทำให้ในตอนนี้ชาวเมืองไอรีนที่ต้องการเงินรางวัลนั้นต่างพากันไปที่จุดตกของ’อุกกาบาต’ที่ว่าทันที
.
.
ตูมมม!
เปลวเพลิงได้กระแทกลงมาที่จุดที่ราฟเคยอยู่จนเกิดการระเบิดเป็นหลุมขนาดใหญ่
“แอ๊ก!” จากนั้นก็มีร่างของชายหนุ่มผมเทาค่อยๆปีนออกมาจากหลุมนั้น
ชายคนนั้นก็คิอราฟนั้นเอง โดยราฟในตอนนี้นั้นมีสภาพปกติไร้รอยขีดข่วนยกเว้นเสื้อผ้าที่หายไป และควันที่โชยออกมาจากตัวเขา หลังจากขึ้นมาได้ ชายหนุ่มก็บ่นออกมาทันที
“นึกว่าจะตายซะแล้ว ดีนะร่างกายเราดูดซับอากาศบนโลกไว้ตลอดทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีอากาศไว้หายใจ...
“แต่พลังของเราในตอนนี้มันเกินไปมั้ยวะ กระโดดทีเกือบออกนอกโลก แล้วตอนร่วงมานี่โครตเสียวไส้เลย แถมไฟยังลุกท่วมตัวอีก เห้อ...ตอนนี้คงต้องหาเสื้อผ้ามาใส่ก่อนล่ะนะ”
“หืม?...วิชาซ่อนปราณ” ราฟเรียกใช้วิชาซ่อนปราณที่เรียนมาจากหลินอิงอิงแล้วกระโดดขึ้นไปบนยอดต้นไม้ที่สูงที่สุดเท่าที่หาได้ตอนนี้ทันที
ซึ่งวิชาซ่อนปราณนี้เขาเข้าใจมันในระดับลึกซึ้งแล้ว ต่อให้เป็นผู้พิทักษ์ระดับสูงสุดอย่างระดับ SSS ที่มีไม่กี่คนบนโลกก็ตรวจพบชายหนุ่มได้ยากถ้าเขาไม่เคลื่อนไหว
จากนั้นราฟก็เพ่งดวงตาที่พัฒนาขึ้นเช่นเดียวกับร่างกายของเขาอย่างเต็มที่ ทำให้ตอนนี้ชายหนุ่มสามารถมองเห็นได้ไกลกว่าห้าพันลี้(2500 กิโลเมตร) และถ้าหากใช้ร่วมกับพลังสายฟ้าของเขาจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นสองเท่าเป็นหมื่นลี้ แต่นั่นจะต้องใช้ปราณที่ทำให้เสี่ยงตรวจพบจากพวกระดับสูง ซึ่งราฟคิดว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ภาพที่เขาเห็นคือผู้คนจำนวนมากกำลังเดินทางเข้ามายังจุดที่เขาอยู่ ทำให้ราฟตื่นตระหนกทันที
“พวกนั้นมาทำอะไรที่นี่วะ” ราฟที่สงสัยได้เงี่ยหูของเขาที่พัฒนาขึ้นเช่นกันฟังบทสนทนาของผู้คนที่กำลังใกล้เข้ามา
“เร็วเข้า! กิลด์แสงดาราต้องได้ครอบครองแร่พิเศษนี้”
“อย่าหวังซะให้ยาก แร่ซูพริลนี้ต้องเป็นของสมาคมผู้พิทักษ์”
“พวกแกคิดว่าถ้าได้ครอบครองซูพริลแล้วจะรับแรงกดดันจากพวกเรา 10 ตระกูลหลักได้งั้นเหรอ อยากก่อสงครามโลกรึไง”
“เหอะ 10 ตระกูลหลักก็ใช่ว่าจะปรองดองกันนี่ หลังจากตระกูล 3 อันดับแรกได้ครอบครองอาวุธซูพริลไป 7 ตระกูลที่เหลือก็ไม่พอใจอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วถ้าพวกมันได้แร่นี้ไปอีก พวกแกที่เหลือจะไม่สู้กันเองรีไงฮะ หึๆ”
“แก!” คนจาก 1 ใน 10 ตระกูลหลักกัดฟันแน่นโดยไม่โต้กลับ เพราะเรื่องนี้เป็นความจริงที่ทุกคนรู้กันดี
“อย่าทะเลาะกัน ไม่ว่ายังไงคราวนี้พวกผู้นำก็จะตกลงกันเองอยู่ดี สนใจแค่ว่าจะชิงซูพริลมาแล้วไปรับเงินรางวัลจากพวกผู้นำยังไงก่อนเถอะ”
“เห็นด้วย”
“ก็ได้”
.
.
.
“โอ้ว เป็นอย่างนี้นี่เอง พวกนี้คิดว่าตัวเราที่พุ่งลงมาจากฟ้าคืออุกกาบาตที่มีแร่ซูพริลสินะ เหอๆ” หลังจากราฟเข้าใจทุกอย่างเขาก็ยิ้มแห้งๆออกมา
“ตูจะหนีจากพวกนี้แบบไม่ถูกเห็นได้ยังไงล่ะวะเนี่ย?”