การร่วมมือกันของผู้พิทักษ์ระดับสูง
“จริงๆเราก็ตีฝ่าพวกนั้นไปได้ แต่ถ้าเราทำอย่างนั้นชีวิตแสนสงบสุขในโรงเรียนของเราก็คงจบลง เพราะอาจถูกสืบมาถึงตัวเรา งั้นไม่ทำดีกว่า” ชายหนุ่มผมเทาคิด
“แต่ก่อนอื่นเลย...”ราฟเด็ดใบไม้ใกล้ๆมาร้อยต่อกันเป็นที่คลุมท่อนล่างไว้ จากนั้นเขาก็กวาดตาไปรอบๆมองหาบางอย่าง
“อ๊ะ เจอแล้ว เอาตัวนี้แหละ” ราฟสร้างก้อนพลังงานขนาดเท่าลูกแก้วเล็กๆที่มีคุณสมบัติของพิษผสมกับสายฟ้าที่เขาปรับแต่งไว้ออกมา ก่อนจะดีดมันออกไปยังที่ๆหนึ่ง
ตุบ
กาาา!?
ทันใดนั้นเสียงร้องของนกตัวหนึ่งก็ดังขึ้น นกตัวนั้นคืออีกาสีดำสนิทที่หลังจากโดนก้อนพลังงานของราฟเข้าไป ตัวของมันที่มีขนาดจาก 1 เมตรก็ขยายขนาดขึ้นเป็น 5 เมตรทันที ดวงตาของมันแดงก่ำและมีสายฟ้ากระจายอยู่ทั่วร่าง
“สวยงาม ใช้พิษเพิ่มขนาดของมันและใช้ปราณสายฟ้าเปลี่ยนแปลงเซลล์ของมันสร้างอสูรพันธุ์ใหม่ขึ้นมา ขอตั้งชื่อมันว่า อีกาอัสนี หุๆ ให้มันรับบทเป็นสิ่งที่ตกลงมาจากท้องฟ้าละกัน โชคดีนะอีกาน้อย” ราฟพูดจบเขาก็นิ่งเงียบและไม่ขยับเพราะได้ยินเสียงเท้าของผู้คนมากมายที่กำลังเข้ามายังจุดที่เขาอยู่
“ตรงนี้แหละที่อุกกาบาตตกลงมา” มีใครคนหนึ่งพูดขึ้น เขาเป็นชายสวมแว่นตาร่างผอมในชุดบัณฑิตที่ดูฉลาดรอบรู้
“แล้วอุกกาบาตไปอยู่ที่ไหนกัน?” ชายร่างใหญ่สูงสองเมตรที่มาด้วยกันถามชายสวมแว่น
“ฉันจะไปรู้เหรอเจ้าสมองกล้ามนี่ พวกเรามาพร้อมกันไม่ใช่รึไง” ชายสวมแว่นเอ่ยอย่างเหนื่อยใจ
“เออเนอะ ฮ่าๆๆ”
“พวกนายอย่าทำเป็นเล่นไป อาจมีใครบางคนได้อุกกาบาตไปแล้วก็ได้” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด เธอเป็นหญิงสาวที่มีใบหน้าน่ารัก แต่ปราณที่ราฟสัมผัสได้จากตัวเธอนั้นมากกว่าคนสองคนข้างๆเธอรวมกันเสียอีก
‘ผู้ใช้พลังระดับ S 2 และ SS 1 คน เป็นผู้พิทักษ์รึกลุ่มอื่นกันนะ’ ราฟคิดในใจหลังจากเห็นทั้งสามคน ส่วนคนอื่นๆที่ตามมานั้นมีพลังอย่างมากที่สุดก็ระดับ A ทำให้ราฟโล่งใจเพราะการแอบหนีจะได้ง่ายขึ้น
“กิลด์แสงดาราถึงกับให้ผู้บงการอย่างคุณอลิซมาเองเลยเหรอเนี่ย ดูท่าว่ากิลด์อันดับ 1 จะอยากได้อาวุธระดับ SSS อีกชิ้น จะไม่โลภไปหน่อยเหรอ?” เสียงชายหนุ่มที่มีลักษณะเหมือนคุณชายเจ้าสำราญดังขึ้นขณะสะบัดพัดในมือไปมา มืออีกข้างกำลังสวมกอดหญิงสาวที่งดงามและนุ่งผ้าน้อยชิ้นอยู่
“ชเวซอนมินแห่งตระกูลชเว” ชายสวมแว่นในชุดบัณฑิตพูดขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง
“ตระกูลชเวที่เป็นตระกูลอันดับ 4 อ่ะนะ” ชายร่างใหญ่ถามก่อนที่จะฉีกยิ้มกว้างขณะจ้องมองไปที่ชเวซอนมินด้วยดวงตาที่ร้อนแรง
“สะ สายตาแบบนั้นมันอะไรกัน ถึงโลกนี้จะยอมรับเพศที่สามกันแล้วแต่ฉันก็ไม่สนใจผู้ชายหรอกนะ” ชเวซอนมินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดจนชายร่างใหญ่คิ้วกระตุก
“ใครจะชอบแกฟะ ฉันก็ชอบผู้หญิงโว้ย เลิกพูดมากแล้วมาสู้กัน”
“เหอะ ฉันไม่เกลือกกลั้วกับคนบ้าพลังที่ดูไร้สมองอย่างนายหรอก เอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่มันเจริญใจกว่านี้ดีกว่า” ชายหนุ่มเจ้าสำราญกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะลูบเอวสาวข้างกายไปมา
“แก!” ชายร่างใหญ่คำรามออกมาขณะที่มีไอน้ำลอยออกมาจากตัวเขา
“หยุดเลยลุค” หลังจากเสียงหวานพูดขึ้น ร่างกายของชายร่างใหญ่หรือลุคก็นิ่งค้างไป
“ทางเราต้องขออภัยคุณชายชเวกับความก้าวร้าวของสมาชิกเราด้วย” อลิซโค้งตัวเป็นการขอโทษ
“เอ่อ ไม่เป็นไร” ชเวซอนมินมองหญิงสาวตรงหน้าที่ใช้เพียงแค่คำพูดก็สามารถจัดการชายที่ตัวใหญ่กว่าเธอหลายเท่าได้อย่างง่ายดายด้วยความตกใจ มือที่ลูบเอวหญิงสาวข้างกายถึงกับหยุดชะงัก
“กิลด์อันดับ 1 กับตระกูลชเวงั้นเหรอ ดูท่าตระกูลที่เหลือยังมาไม่ถึงสินะ ดี ดี ดี” เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มอีกคนดังขึ้น เขาเป็นชายวัยกลางคนท่าทางคล้ายเมามาย ในมือถือขวดน้ำเต้าที่น่าจะใส่เหล้าไว้
“จอมสุราจินหู่(พยัคฆ์ทองคำ) สมาคมตัดสินใจส่งผู้บริหารขี้เมาอย่างคุณมาเลยเหรอ” ลุคที่พึ่งหลุดจากพลังของอลิซถามขึ้น
“ก็นะ คนอื่นมันยุ่งอยู่กับการบุกยึดพื้นที่จากอสูรคืนจนต้องให้ชายแก่คนนี้มาแทนน่ะ” จินหู่ตอบด้วยรอยยิ้มของคนเมาก่อนยกน้ำเต้าที่เต็มไปด้วยสุราขึ้นมาดื่ม
“เอาล่ะ อุกกาบาตหายไปสินะ พวกเจ้ามีใครที่มีพลังแกะรอยคนร้ายที่มาถึงนี่เป็นคนแรกบ้างมั้ย” จอมสุราถามคนทั้งสี่
“ฉันทำเอง” ชายสวมแว่นตอบก่อนที่จะเอื้อมมือไปข้างหน้า จากนั้นอักขระสีดำสนิทก็ออกมาจากฝ่ามือของเขาแล้วลอยขึ้นไปบนฟ้า
“อักขระแห่งความตาย...วิชาอัญเชิญวิญญาน” หลังจากชายสวมแว่นพูดจบ เสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังออกมาจากทุกทิศทาง จากนั้นก็มีวิญญานชายหญิงหลายตนปรากฏขึ้นแล้วลอยมาวนรอบตัวของชายสวมแว่น กลิ่นอายแห่งความตายกระจายไปทั่ว
“หาตัวคนที่มาถึงที่นี่เป็นคนแรก” ชายสวมแว่นพูดกับวิญญานที่วนรอบตัวเขาอยู่
“เป็นพลังที่สยองเหมือนเดิม” ลุคพึมพำ
“ช่างเป็นพลังที่ไม่งดงามเอาซะเลย” ชเวซอนมินบ่นออกมา ส่วนอลิซและจินหู่มองด้วยสายตาเรียบเฉย
“สมแล้วที่ได้รับฉายาผู้คุมวิญญาน” อลิซยิ้มออกมา
“เจอแล้ว!” ไม่นานชายสวมแว่นก็เงยหน้ามองขึ้นไปยังยอดต้นไม้ต้นหนึ่ง
.
.
.
ก่อนหน้านั้นไม่กี่วินาที
ราฟที่หลบอยู่บนยอดไม้มองการกระทำของทั้งห้าคนด้วยใบหน้าจริงจัง
‘มีระดับ S กับ SS มาเพิ่ม 2 คนเหรอ แต่ละคนท่าทางเอาเรื่องทั้งนั้น ซวยจริงๆเลยวันนี้’ ราฟถอนหายใจ
‘หวังว่าพวกเขาจะหลงกลคิดว่าอุกกาบาตที่ตกมาคืออีกาอัสนีนะ’
‘หือ...ชิบหาย! โลกนี้มีหมอผีด้วยเหรอวะ!?’ ราฟอ้าปากค้าง
“เจอแล้ว!” จากนั้นชายสวมแว่นที่ทำท่าราวกับกำลังรับฟังเหล่าวิญญานอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองมายังยอดไม้ที่ราฟอยู่
“เชี่ย!? พลังอะไรวะ โครตโกง แค่ถามวิญญานก็รู้ความจริงแล้ว” ราฟพึมพำออกมาก่อนที่จะใช้วิชาท่าร่างไร้เงา ที่เป็นวิชาเคลื่อนที่ที่เขาเรียนมาตอนอยู่ห้องฝึกซ้อมจนเชี่ยวชาญหลบหนีออกจากตรงนั้นทันที
วูบบบ
สิ่งที่คนทั้งห้าที่อยู่ด้านล่างเห็นคือเงาร่างสายหนึ่งที่พุ่งตัวหลบหนีไป
“ความเร็วแบบนี้...ยอดฝีมือ!? อย่างที่คิด อุกกาบาตถูกเขาชิงไปแล้วสินะ” อลิซพูดก่อนจะหันไปมองลุค
“ตามเงานั่นไป”
“รับทราบ” ลุคฉีกยิ้มกว้างขณะตอบรับ ก่อนที่ทั้งร่างของเขาจะเต็มไปด้วยไอความร้อนที่แผ่ออกมารอบร่างของเขา จากนั้นชายร่างใหญ่ก็ย่อตัวลงแล้วพุ่งตัวออกไปยังทิศทางที่เงาร่างนั้นหนีไปด้วยความเร็วเหนือเสียงจนเกิดคลื่นโซนิคตามมา
ตูมมม
“เป็นพลังที่ไร้ซึ่งความสวยงาม แต่ก็ทรงพลังใช้ได้ล่ะนะ” ชเวซอนมินพูดขึ้นขณะที่มือข้างที่ว่างของเขาเอื้อมมือไปข้างหน้าและดูดกลืนแรงกระแทกที่มาทางเขาให้หายไป จนสามารถป้องกันตัวเขาและหญิงสาวข้างกายไว้ได้อย่างง่ายดาย
ชายสวมแว่นก็ใช้อักขระของเขารวมตัวกันเป็นโล่เพื่อปกป้องตัวเขาและอลิซไว้ ส่วนจอมสุราจินหู่ที่ไม่ได้ใช้พลังอะไร เขากลับเลือกที่จะเอาขวดน้ำเต้าไปซ่อนไว้ด้านหลังแล้วบ่นออกมา
“เจ้านั่นมันไม่สนคนที่อยู่รอบข้างเลยรึไง น้ำเต้าของข้าเกือบแตกเพราะแรงกระแทกนี่เลยนะ”
“ยังคงเป็นวิชากายาทองคำที่แข็งแกร่งเช่นเคย” อลิซกล่าวชื่นชมด้วยรอยยิ้ม
“ยอเกินไปแล้ว พวกเราก็ตามเงานั่นไปกันเถอะ แล้วค่อยมาคุยเรื่องส่วนแบ่งกัน” จินหู่บอกด้วยใบหน้าที่ยังคงแดงก่ำจากสุรา
ทั้งสามคนที่เหลือตอบรับ แล้วหันไปสั่งลูกน้องของแต่ละคนให้ตามมาสมทบทีหลัง ก่อนที่พวกเขาจะใช้วิชาท่าร่างของตนพุ่งตามลุคไป