การช่วยคนนี่ทำให้รู้สึกดีจริงๆ
ฉึก!
อ๊ากกก!
เสียงของผิวหนังที่ถูกทิ่มแทงดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องคร่ำครวญของชายหนุ่มคนหนึ่ง
“ฮี่ๆ ไม่คิดเลยว่าแค่วันแรกก็มีเหยื่อมาให้ชำแหละถึงที่” เสียงหัวเราะที่แสนสะอิดสะเอียนดังมาจากชายอีกคนที่กำลังเลียมือที่เต็มไปด้วยเลือดของอีกฝ่ายอยู่
กลิ่นอายของปราณที่ทำให้รู้สึกหายใจติดขัดแผ่ออกมาจากร่างของชายตรงหน้า ทำให้ชายหนุ่มที่ถูกแทงรู้ได้ทันทีว่าตนเจอกับเผ่ามารเข้าเสียแล้ว
“ฉันขอยอมแพ้ เอาคะแนนของฉันไปแล้วเลิกยุ่งกับฉันซะ” ชายหนุ่มเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับเผ่ามาร เพราะรู้ว่าตนไม่มีทางชนะ
หลังจากพูดจบแหวนของเขาก็เรืองแสงแล้วดับไปกลายเป็นแหวนธรรมดาเพราะไม่มีแต้มเหลือ ก่อนที่ชายหนุ่มหันหลังเตรียมเดินจากไปเพื่อไปหาคะแนนใหม่
ฟิ้ว!
วูบบบ
ชายหนุ่มที่ระวังตัวอยู่แล้วกระโดดหลบการลอบโจมตีนี้ไปได้อย่างฉิวเฉียด เขาขมวดคิ้วก่อนจะกัดฟันถามเผ่ามารว่า
“แกต้องการอะไรอีก”
“ข้ายังไม่ได้บอกแกเลยว่าให้ไปได้” ชายจากเผ่ามารพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะกางฝ่ามือที่เต็มไปด้วยเลือดออกมา จากนั้นเลือดเหล่านี้ก็ค่อยๆควบรวมกันเป็นกระสุนห้านัด
“โลหิตทะลวงใจ” ชายเผ่ามารพูดขึ้นก่อนที่กระสุนโลหิตทั้งห้านัดก็พุ่งเข้าใส่อวัยวะทั้งห้าของชายหนุ่มคือ หน้าผาก คอ หัวใจ ท้อง และกล่องดวงใจของเหล่าชายชาตรีทุกคน
“อ๊ากกก!” ชายหนุ่มร้องเสียงหลงก่อนที่จะล้มตัวคุกเข่าลงกับพื้น เขารอดตายมาได้เพราะใช้มือทั้งสองข้างที่กลายเป็นหินป้องกันกระสุนที่พุ่งเข้าใส่หน้าผาก คอ และหัวใจเอาไว้ได้ทัน แต่ท้องกับกล่องดวงใจของเขาก็ถูกกระสุนทะลวงทำให้เขาเจ็บปวดแทบขาดใจ
“ไอ้ชั่ว! ฉันขอถอน...อื้อ!” ชายหนุ่มก่นด่าชายเผ่ามาร ก่อนที่จะพูดขอถอนตัวเพราะรู้ว่าไม่มีทางอยู่รอดในเกมนี้ได้แล้ว แต่ปากของเขาก็ถูกเลือดของตัวเองที่แข็งเป็นก้อนจากพลังของชายเผ่ามารอุดปากไว้ทำให้พูดไม่ได้
“จุ๊ๆๆ ไม่เอาน่า อย่าพูดถอนตัวขณะที่ข้ากำลังสนุกอยู่สิ...อ๊ะ โถๆๆ แค่เพราะจะถูกข้าสังหารแค่นี้ถึงกับร้องไห้เลยเหรอ มนุษย์เนี่ยเปราะบางกว่าที่ข้าคิดแฮะ” ชายเผ่ามารใช้ดวงตาสีโลหิตมองชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความคับแค้นใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“เห้อ เห็นแกทำหน้าแบบนี้แล้วหมดอารมณ์เลยว่ะ นึกว่าจะดิ้นรนสู้มากกว่านี้ซะอีก...” ชายหนุ่มผู้มีดวงตาสีโลหิตพูดขึ้นก่อนจะสะบัดมือของเขาอย่างแรง
ฉัวะ!
ขลุกๆๆ
จากนั้นบางสิ่งก็กลิ้งมาหยุดที่เท้าของเขา
แผละ
“เหอะ คิดว่าพลังกายาหินสั่วๆจะป้องกันกระบี่โลหิตของข้าได้งั้นรึ โง่เง่า!” ชายเผ่ามารพูดจบก็ยกเท้าขึ้นก่อนจะเดินจากไปโดยทิ้งร่างไร้หัวของอีกฝ่ายไว้ทั้งอย่างนั้น
.
.
.
“อุก...อ้วกกก” หลังจากชายตาโลหิตจากไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของแมวพันธุ์ขาวมณีตัวหนึ่งก็เผยออกมาใกล้ๆต้นไม้ที่อยู่ห่างไม่ไกลจากที่ๆเกิดการต่อสู้ขึ้น
แกรกๆๆ
จากนั้นร่างของแมวตัวนี้ก็ขยายใหญ่ขึ้นแล้วเปลี่ยนเป็นร่างหญิงสาวผมสีน้ำตาลทองคนหนึ่ง
“เห้อ พอได้ปล่อยออกมาก็ค่อยยังชั่วขึ้นเยอะ แล้วทำไมฉันถึงได้ซวยขนาดนี้เนี่ย เริ่มการแข่งก็เจอเผ่ามารผู้ใช้โลหิตเลย แถมยัง...” หญิงสาวมองไปยังร่างไร้หัวตรงหน้าก่อนจะเปลี่ยนมือของเธอเป็นมือของตัวตุ่นแล้วเริ่มลงมือขุดทราย
.
.
.
“หู้ว เสร็จซะที ฉันทำให้นายได้แค่นี้ ขอให้ไปสู่ภพภูมิที่ดีนะ” หญิงสาวประสานมือเข้าด้วยกันก่อนจะหันหลังเดินจากไป โดยมีกองทรายที่ถูกปักไว้ด้วยก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งให้พอเป็นพิธี
หลังจากเดินมาได้สักพัก หญิงสาวก็หันซ้ายหันขวาก่อนทำหน้าหนักใจ
“มองไปทางไหนก็มีแต่ทราย แล้วเราจะไปทางไหนดีล่ะเนี่ย เอางี้ละกัน” พูดจบสาวเจ้าก็หลับตากางแขนทั้งของข้าง ก่อนที่จะหมุนตัวด้วยความเร็วปกติที่เธอจะไม่มึน แต่ในขณะนั้นเอง
ซูมมม!
“ว๊ายยย!?”
เอี๊ยดดด!
“อื๋อ? ทำไมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอะไรซักอย่าง...ว่าแต่ทำไมสองคนที่เราเห็นตอนทำงานสายการบินราฟแอร์ไลน์ถึงไม่อยู่แล้วล่ะ นี่อุตส่าห์วิ่งมาทันทีเลยนะ! แล้วจะหาคะแนนมาจากไหนล่ะเนี่ยตู...อ๊ะ เรามีคะแนนที่ได้จากการที่เจ้าครึ่งมังกรนั่นถอนตัวไปนี่หว่า ลืมไปเลย แหะๆ” ชายหนุ่มผมเทาพูดกับตัวเองจบก็เกาหัวพร้อมกับหัวเราะแห้งๆคนเดียว แต่แล้วจมูกของเขาก็ได้กลิ่นบางอย่างแล้วหันมามองร่างบางที่ในตอนนี้กำลังมึนงงจากการหมุนด้วยความเร็วที่เกินกว่าที่ตัวเธอจะรับไหว
“อะ อ้วกกก” จากนั้นหญิงสาวก็ก้มลงกับพื้นเพื่ออาเจียน แต่กลับไม่มีอะไรออกมาเพราะหมดไปตั้งแต่รอบแรกแล้ว
“เอ่อ เธอเป็นอะไรมั้ย แล้วทำไมตัวของเธอถึงมีกลิ่นของแมวได้ล่ะเนี่ย เลี้ยงแมวเหรอ?” ราฟถามหญิงสาวด้วยสีหน้าอ่อนโยน
“ฉันไม่เป็นไร เอ่อ ก็ประมาณนั้นแหละ” หญิงสาวตอบคำถามของราฟก่อนจะเงยหน้ามองผู้พูด แต่ทันใดนั้นเอง
ตุบ!
ฟุบ!
ร่างของหญิงสาวล้มลงนอนคว่ำหน้าไปกับพื้นทราย โดยมีชายผมเทายืนกำหมัดหลวมๆพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่แสนจะอ่อนหวานออกมา
“ว่ะ ฮ่าๆๆ ถึงจะไม่เจอสองคนที่เราเห็นตอนแรกแต่ก็เจอกับสาวสวยคนนี้แทน โชคดีจริงๆเลยน้าเราเนี่ย ได้มาเพิ่มอีก 100 คะแนน หุๆ”
“ว่าแต่...ให้สาวสวยแบบนี้นอนคว่ำหน้าก็คงจะไม่งาม ไอเรามันก็เป็นคนดีด้วยสิ อืม...เอางี้ละกัน!” ชายหนุ่มพูดจบก็คว้าเอวหญิงสาวก่อนจะมองหาต้นไม้ที่สูงที่สุดใกล้ตัวแล้วกระโดดขึ้นไปบนยอดของมัน
“อืม ความสูงประมาณ 30 เมตรได้มั้ง แถมยังมีร่มเงาไม่ให้แสงแดดเผาไหม้ผิวหนังของเธอ คงจะปลอดภัยจากอันตรายจนเธอฟื้นขึ้นมาล่ะนะ เห้อ การช่วยเหลือคน(?)นี่ทำให้รู้สึกดีจริงๆ ไปดีกว่า เอิ๊กๆ” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้มภูมิใจก่อนจะกระโดดกลับไปหาสองสาว
.
.
.
[เขตป่าดงดิบ]
ท่ามกลางป่าไม้ที่เต็มไปพืชพรรณนานาชนิด และสรรพสัตว์น้อยใหญ่ ปรากฏร่างของชายหนุ่มดวงตาสีทองกำลังนั่งจ้องไปยังเนื้อที่กำลังย่างอยู่ด้วยแววตาจริงจังก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ทำไมหมอนั่นถึงไม่อยู่ที่นี่นะ” เมื่อชายหนุ่มคิดถึงฝีมือการทำอาหารของเพื่อนของเขาท้องเจ้ากรรมก็ร้องออกมา
แกรกๆ
เสียงแหวกพงหญ้าดังขึ้น พัคแทยังเรียกดาบแสงของเขาออกมาแล้วชูไปยังต้นกำเนิดเสียง
“เมี๊ยววว” เสียงที่เหมือนจะพยายามขู่คำรามดังขึ้นมาจากร่างสีขาวลายพาดกลอนตัวน้อย มันเดินมาที่เท้าของพัคแทยังแล้วเอาเท้าหน้าน้อยๆของมันทำท่าเหมือนตะปบเหยื่อ
“...” พัคแทยังมองเจ้าตัวน้อยด้วยสายตาเรียบเฉย ก่อนจะก้มตัวลงไปช้อนตัวมันขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา
“เมี๊ยววว” ลูกเสือขาวแยกเขี้ยวที่ยังไม่ทันขึ้นใส่แทยัง
“ชะ ชักเข้าใจความรู้สึกของราฟเวลาเล่นกับโกโก้แล้วสิ” ชายหนุ่มยิ้มอ่อนโยนให้เจ้าเสือน้อย แล้วยกมือลูบหัวมันเบาๆ แล้วยื่นหน้าเข้าไปถูกไถแก้มของมัน
“แง๊ววว!” ลูกเสือขาวอ้าปากที่ไร้เขี้ยวของมันงับไปที่แก้มของพัคแทยังแต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ มันเลิกดิ้นรนแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“หวา! ขอโทษๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้แกร้องไห้นะ เลิกร้องๆ โอ๋ๆ” ชายหนุ่มยิ้มแห้งๆก่อนจะอุ้มมันมากอดแล้วแผ่ปราณสุริยันอ่อนๆออกมา เจ้าลูกเสือขาวที่สัมผัสถึงปราณธาตุศักดิ์สิทธิ์ได้ก็กลายเป็นอ้อนพัคแทยังแทน แต่มันก็อ้อนได้ไม่นาน เพราะมีเสียงคนดังขึ้นมาก่อน
“นายน้อย ข้าเจอลูกของพยัคฆ์ทิวาแล้วขอรับ!”
“มันอยู่ไหน ข้าต้องได้มันมาเป็นสัตว์เลี้ยง!”