Chapter 40 : คนทั้งสามขี้ระแวงขนาดนี้เลยหรอ?
เข้าไปดูข้างในหรอ?
ซาเวียกับพอลคิดไปคิดมาก็รีบหันไปมองชาร์ล
“หัวหน้าพวกเราควรจะเข้าไปดีไหม?”
ชาร์ลมองมาที่พวกเขาแล้วพูดขึ้น “ไคลน์เชิญพวกเราเข้าไปงั้นหรอ? หรือว่าเขาอยากจะ...”
ดวงตาของคนทั้งสอบเต็มไปด้วยความคาดหวัง
บางทีไคลน์อาจจะอยากเลี้ยงอาหารกลางวันพวกเขาก็ได้
ชาร์ลพูดเสียงเบา “อย่าเข้าไปจะดีกว่านี่อาจจะเป็นกับดักก็ได้! ฉันว่าเรื่องนี้มันตงิดๆยังไงอยู่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หัวใจของคนทั้งสองก็ล่วงไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที
จริงสินะก่อนหน้านี้ยังใช้น้ำเสียงเย็นชาอยู่เลยแต่จู่ๆก็อ่อนลงเสียอย่างนั้น นี่มันแปลกเกินไปหน่อยแล้ว!
คนทั้งสามกระซิบกระซาบกันอยู่ข้างล่างโดยที่ไคลน์ไม่ได้ยินเลยว่าพวกเขาคุยอะไรกัน
ครู่หนึ่งต่อมาชาร์ลก็กล่าวออกมาเสียงดัง “ขอบคุณคุณไคลน์ที่หวังดีตอบคำถามให้พวกเราแต่พวกเราไม่ขอเข้าไปในปราสาทดีกว่า หวังว่าแบบนี้คงไม่ถือว่าเป็นการรบกวนคุณนะ”
พอกล่าวจบคนทั้งสามก็หมุนกายจากไป
พวกเขามุ่งหน้าไปยังกำแพงดินด้านหนึ่งและเริ่มทำการขุดทันที
ไคลน์มองพวกเขาและเห็นว่าทิศทางที่คนพวกนั้นเลือกที่จะขุดไปก็คือสุสานแห่งที่เขาเพิ่งจะออกมา
ยังไงก็ตามคนทั้งสามไม่ได้จากไปทันทีแต่เลือกที่จะถอนตัวออกมาอยู่ไม่ห่างจากอุโมงค์นักหลังจากที่ขุดอุโมงค์เสร็จ
“ระวังตัวจังน้า”
ไคลน์ถอนหายใจ
คนทั้งสามถือได้ว่าฉลาดมากและไม่โลภด้วย
ไคลน์คิดอยู่ซักพักแล้วพึมพำออกมา “ถ้าพวกนั้นไม่ทำอะไรก็ดีแล้ว ไปทำอาหารต่อดีกว่า”
ไคลน์หันกลับมาให้ความสนใจกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกครั้ง
หลังจากใส่เนื้อลงไปหม้อต้มบะหมี่ก็ส่งกลิ่นหอมหวนออกมา
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนี้ไม่ต้องใช้เวลาทำนานมากนัก ถ้าต้มนานไปเส้นก็จะเหนียวและรสชาติก็จะไม่ดีมากนัก
เขาตักมันขึ้นมาและใส่ลงไปไว้ในชาม
“แน่ใจนะว่ากินได้?”
ไคลน์ถามจิ้งจอกน้อยที่รออยู่บนโต๊ะ
“โฮ่งๆๆ!”
จิ้งจอกน้อยตบท้องเล็กๆของเธอ
“เอาเถอะยังไงก็เป็นสิ่งมีชีวิตแห่งสุสานนี่นะคงเอาไปเทียบกับหมาหรือแมวทั่วๆไปไม่ได้หรอก”
ไคลน์ตักบะหมี่ให้จิ้งจอกน้อยจนเต็มชาม
น้ำซุปของบะหมี่หม้อนี้ใสเป็นอย่างยิ่งและมีเนื้อมากมายลอยขึ้นๆลงๆอยู่ไม่ขาด
อากาศโดยรอบในพริบตาก็พลันเต็มไปด้วยกลิ่นหอมฟุ้ง!
“กินกันเถอะ”
ไคลน์จัดการกับบะหมี่ส่วนที่เหลือ
เขายืนอยู่บนระเบียงไปกินบะหมี่ไปขณะเดียวกันก็คอยตรวจสอบความเคลื่อนไหวด้านล่างอยู่ตลอด
อึก...
เขากลืนบะหมี่ลงไปคำใหญ่และรู้สึกเพลิดเพลินไปกับมันไม่น้อย
...
ชาร์ลกับพวกนั่งกินเนื้อย่างและจิบน้ำทีละนิดๆ
แม้ว่ากลิ่นของเนื้อย่างจะไม่เลวแต่ก็สู้กลิ่นของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่ได้อยู่ดี
ภาพลวงตาทั้งหมดนี้คือภาพลวงตา!
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะมองไปทางปราสาทโบราณหลังนั้น
ในใจของพวกเขาริษยาเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากผ่านไปซักพักชาร์ลก็พูดขึ้น “สรุปแล้วไอ้ปราสาทโบราณนี่มันคืออะไรกันแน่? ฉันลองถามคนในช่องแชทแล้วก็ไม่มีใครรู้เลย”
“ฮึ่ม ฉันเองก็ลองถามในช่องแชทโลกแล้วแต่ก็ไม่มีใครรู้เหมือนกัน แต่เห็นว่าเริ่มมีบางคนส่งข้อความส่วนตัวไปหาไคลน์แล้วมารอดูกันว่าเขาจะตอบว่ายังไง”
“ยังไงก็เถอะเมื่อครู่นี้ถือว่าอันตรายมากจริงๆ โชคดีที่พวกเราฉลาดพอและไม่ตกกับดักของหมอนั่น”
“หรือที่หมอนั่นมีทรัพยากรมากมายก็เพราะเขาแย่งชิงจากผู้เล่นคนอื่นเอา? น่ากลัวจริงๆ”
“เฮ้อ เมื่อไหร่พวกเราจะขุดไปเจอกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบ้างนะ?”
ซาเวียกับพอลคุยกันไม่หยุด
กลับกันกับชาร์ลที่เงียบอยู่ตลอดเวลา ความสนใจของเขาส่วนใหญ่มุ่งเป้าไปที่ปราสาทโบราณหลังนั้นเสียมากกว่า
เขาในตอนนี้เรียกว่าระแวงอย่างถึงที่สุดเลยก็ว่าได้
...
ไคลน์มีนิสัยชอบทำอะไรหลายๆอย่างไปด้วยขณะกิน
เขาเริ่มทำการตรวจสอบสถานการณ์ทางด้านล่างและเมื่อเห็นว่าคนทั้งสามนั่งกินเนื้อย่างกันอย่างว่าง่ายเขาก็เปิดช่องแชทขึ้นมาเผื่อว่าจะได้ข้อมูลอะไรที่มีประโยชน์บ้าง
ในตอนนั้นเองที่เขาได้พบว่าคนอื่นๆเริ่มคุยกันเรื่องเขาอีกแล้ว
“ปราสาทนั่นต้องเป็นสิ่งก่อสร้างพิเศษในสุสานแน่ ไคลน์ก็แค่ไม่อยากจะบอกพวกเราเท่านั้น”
“เฮอะๆ ทำไมฉันไม่เห็นเคยเจอปราสาทแบบนั้นมาก่อนเลยล่ะ? บางทีเจ้าหมอนั่นอาจจะพูดอะไรไร้สาระก็ได้”
“ทุกๆคนครั้งต่อไปที่พวกนายเจอไคลน์ขอให้พวกนายระวังตัวเอาไว้ให้ดีๆนะ จากที่คนที่ชื่อพอลบอกมาดูเหมือนไคลน์จะมีนิสัยไม่ค่อยดีเท่าไหร่...”
“ไคลน์จอมวายร้าย!”
เนื่องจากคำอธิบายของพอลทำให้ดูเหมือนว่าไคลน์จะกลายเป็นตัวอันตรายและวายร้ายไปแล้ว
ไคลน์ไม่รู้เลยว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
หลังจากผ่านมื้ออาหารกลางวัน
ไคลน์ทำการตรวจสอบคำใบ้ของเส้นทางทั้งหมดอีกครั้ง
ชาร์ลกับพวกพากันไปยังสุสานทางด้านซ้ายแล้วขณะที่ไคลน์เองก็เตรียมตัวจะมุ่งหน้าไปยังสุสานทางด้านขวา
ตอนนี้ชาร์ลกับพวกคิดจะมุ่งหน้าไปยังสุสานแห่งที่แล้วที่ไคลน์ผ่านมาดังนั้นเส้นทางที่ไคลน์เลือกได้จึงเหลือเพียงสี่เส้นทางเท่านั้น
[ขุดขึ้นไปทางด้านบนท่านจะได้รับทรัพยากรเล็กน้อยแต่จงระวังตัวเรือดบนพื้น เมื่อใดที่ท่านเหยียบพวกมันกลิ่นของพวกมันจะติดตัวท่านไปทั้งวัน แค่กลิ่นของพวกมันก็คงพอทำให้ท่านขยะแขยงจนอยากสำรอกแล้ว]
[ขุดลงไปทางด้านล่างท่าจะพบหีบสมบัติไม้สองหีบแต่มีรังของหมาป่าทรายเขาเดียวอยู่ในสุสานแห่งนี้ด้วย]
[สุสานทางด้านหน้ามีปุ๋ยอยู่ ปุ๋ยนี้เหมาะสำหรับใช้ในการปลูกพืช]
[ขุดไปทางด้านหลังท่าจะพบกับคนแคระนักขุดทองผู้ครอบครองไอเทมจำนวนมาก ท่านสามารถเลือกที่จะสังหารเขาเพื่อแย่งสมบัติหรือแลกเปลี่ยนกับเขาก็ย่อมได้ แต่ถ้าท่านเลือกที่จะสังหารเขามีโอกาสสูงมากที่เขาจะหนีไป]
“คนแคระนักขุดทอง?”
ไคลน์ติดสตั้นไปชั่วครู่เมื่อเห็นคำใบ้ของเส้นทางทางด้านหลัง
ในสุสานแห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตอื่นที่สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งของได้ด้วย?
‘เปิดคู่มือ’ ไคลน์กล่าวขึ้นมาเงียบๆในใจ
รายชื่อจำนวนมากปรากฏขึ้นมา
“ค้นหาคนแคระนักขุดทอง”
รายชื่อจำนวนมากเลื่อนผ่านไป
จากนั้นก็หยุดลงตรงบรรทัดหนึ่ง
...
[คนแคระนักขุดทอง : สิ่งมีชีวิตแห่งสุสานชนิดหนึ่งที่สามารถเดินสองขาได้ พวกเขามีร่างกายเตี้ยและดูผิดรูปผิดร่าง คนแคระนักขุดทองแต่ละคนต่างก็มีลักษณะแตกต่างกันออกไปแต่มักจะสะพายกระเป๋าใบใหญ่ไปไหนมาไหนเสนอเหมือนๆกัน ภายในนั้นมีสมบัติมากมายถูกเก็บเอาไว้และพวกเขาถือว่าเป็นพ่อค้าเคลื่อนที่ในโลกแห่งสุสานเลยก็ว่าได้ พวกเขาทั้งฉลาดเฉลียวและเชื่อถือได้ พวกเขาถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับความเชี่ยวชาญในด้านดินทรายซึ่งทำให้พวกเขามีความสามารถในการขุดเจาะพื้นดินได้อย่างง่ายดาย ประสาทสัมผัสต่ออันตรายของพวกเขาสูงมาก พวกเขาว่องไวมากทำให้สิ่งมีชีวิตแห่งสุสานส่วนใหญ่ไม่อาจจับตัวพวกเขาได้ นอกจากนี้พวกเขายังมีนิสัยชอบค้นหาสมบัติอีกด้วย - สิ่งที่ชอบคืออาหารอร่อย]
[สกิล : ขุดดินได้อย่างรวดเร็ว]
[จุดอ่อน : ร่างกายอ่อนแอ]
[ระดับความอันตราย : 8]
“ตรวจสอบรายละเอียดสกิล”
[ขุดดินได้อย่างรวดเร็ว : สามารถขุดดินหลบหนีไปได้ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที]
หลังจากอ่านรายละเอียดไคลน์ก็ทิ้งไอเดียที่จะสังหารคนแคระนักขุดทองไป
แม้ว่าระดับความอันตรายของคนแคระนักขุดทองจะต่ำแต่ความสามารถในการหลบหนีของพวกเขาถือว่าโดดเด่นมาก
แต่ถ้าเขาคิดที่จะแลกเปลี่ยนล่ะก็...
ไคลน์เริ่มจุดเตาบาบิคิวอีกครั้ง
บางทีลองยั่วอีกฝ่ายด้วยเนื้อย่างก็ไม่เลว
แม้ว่าท้ายที่สุดจะแลกเปลี่ยนไม่สำเร็จแต่การได้เห็นคนแคระนักขุดทองตัวเป็นๆก็น่าจะเป็นบุญตาไม่น้อย
[TL : เปลี่ยนจากสัตว์อสูรแห่งสุสานเป็นสิ่งมีชีวิตแห่งสุสานนะครับ]