เผ่ามาร
“...” ราฟที่กำลังนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียงถึงกับสะดุ้งแล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียง เขาได้รับอนุญาติจากเจโรมให้พักผ่อนเพราะสงครามคลื่นอสูรจบลงเร็วกว่าปกติโดยใช้เวลาแค่ 1 วันทั้งที่ความจริงต้องใช้เวลามากกว่า4วันถึงจะเสร็จ
หลังจากได้ยินเสียงที่แสนจะคุ้นหู เขามองไปยังประตูห้องที่เป็นแหล่งที่มาของเสียง จากนั้นก็ตบหน้าตัวเองเบาๆ
“เราต้องฝันอยู่แน่ๆ ยัยประธานน้ำแข็งนั่นจะมาอยู่นี่ได้ไง หรือว่าเธอชอบเรา หุๆ” หลังจากคิดไร้สาระเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดประตู
ราฟเห็นหญิงสาวแสนสวยที่อยู่ในความทรงจำของเขา โดยในตอนนี้หญิงสาวสวมชุดไปรเวทที่ดูธรรมดาแต่กลับทำให้เธอดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ เธอกอดอกมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
“เอ่อ...ดีจ้า?” ราฟเอียงหัวเล็กน้อยแล้วทักทายหญิงสาว
ซายะเดินเข้ามาในห้องของเขาแล้วสั่งเสียงเรียบ
“ปิดประตู” จากนั้นเธอก็สะบัดมือสร้างบาเรียน้ำแข็งปกคลุมตัวเธอและชายหนุ่มตรงหน้า
‘บาเรียเก็บเสียงงั้นเหรอ’ ราฟคิด หลังจากบาเรียถูกสร้างขึ้น เขาก็ไม่ได้ยินเสียงรอบข้างอีก
“แหม เราพึ่งจะเจอกันเองนะ จะทำเรื่องแบบนี้ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ” ราฟยิ้มแห้งๆ เขาไม่รู้ว่าหญิงสาวมีเรื่องอะไรถึงตามเขามาถึงที่นี่
ชิ้ง
“อึก” ราฟก้มลงมองไปที่ใบดาบน้ำแข็งที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโครตคม เขาเบนสายตาหันมามองหญิงสาวผู้ที่กำลังชี้ดาบมาที่คอของเขา จากนั้นก็ยกมือทั้งสองขึ้นทำท่ายอมแพ้
“อะไรกันคนสวย ไหงเปลี่ยนจากฉากอีโรติกเป็นทริลเลอร์(สยองขวัญ)ไปได้ล่ะเนี่ย รู้มั้ยว่าฉันน่ะ...”
“หุบปากแล้วตอบคำถามฉันมาดีๆ” ซายะเอ่ยเสียงเย็น บรรยากาศในห้องเริ่มเย็นขึ้นจากออร่าสีขาวที่แผ่ออกมาของเธอ
“ก็ได้ๆ ถามมาเลย ว่าแต่เธอรับงานเสริมมั้ย แบบแอร์เคลื่อนที่ไรงี้ ถ้าเป็นตอนหน้าร้อนนี่บอกเลย อื้อหือ...รับเละ!” ชายหนุ่มผมเทายังคงคอนเซ็ปท์ กวนทีนได้ทุกสถานการณ์
“เลิกกวนฉันแล้วตอบมา...นายเป็นผู้ทำสัญญากับมารใช่มั้ย?” ซายะถามพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเป็นปมซึ่งราฟกลับเห็นว่าน่ารักแทนที่จะน่ากลัว
แต่สิ่งที่ชายหนุ่มได้ยินทำให้เขาเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นปากของเขาก็สั่น ไม่นานเสียงหัวเราะก็ดังลั่นห้อง
“อุ้บ ฮ่าๆ อะไรทำให้เธอคิดแบบนั้นล่ะเนี่ย” ราฟกุมท้องของเขาพร้อมกับถามหญิงสาวที่ทำหน้าตาจริงจัง
จากความทรงจำของราฟคนก่อน มารคือหนึ่งในสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ที่มีความสามารถในการล่อลวงสิ่งมีชีวิตอื่นให้ทำสัญญาวิญญานกับพวกมัน โดยผู้ที่ทำสัญญาจะได้รับพลังที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตามแต่ระดับของมารที่ทำสัญญาด้วย แต่หลังจากทำสัญญา คนหรือสิ่งมีชีวิตนั้นก็จะถูกมารค่อยๆกลืนกินจิตใจจนในที่สุดก็ถูกมารควบคุมร่างในที่สุด
ส่วนวิญญานของผู้ทำสัญญาที่ถูกกลืนกินก็จะไปเกิดใหม่เป็นสมาชิกของเผ่ามารด้วยพลังของเผ่ามารที่เรียกว่า วิชากำเนิดมาร
ซึ่งการที่มารทำแบบนี้ก็เพราะนี่เป็นวิธีการขยายเผ่าพันธุ์ของพวกมารที่มีบุตรยาก พวกมารเลยใช้วิธีนี้ร่วมกับความสามารถของพวกเขา และด้วยความที่มนุษย์นั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลายหลาย จึงไม่แปลกที่เผ่ามารจะสามารถขยายเผ่าพันธุ์จนกลายเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกนี้
‘การที่เธอมาหาเราที่นี่คงเพราะอยากได้ชื่อเสียงในการจับมารเพียงคนเดียว และเห็นว่าเขาแข็งแกร่งไม่เท่าเธอสินะ’ ราฟคิด
ความจริงแล้วสิ่งที่ชายหนุ่มคิดนั้นถูกต้อง แต่นอกจากความเข้าใจของชายหนุ่มผมเทาแล้ว การที่หญิงสาวมาที่นี่เพียงคนเดียวนั่นเพราะที่นี่อยู่ในความดูแลของตระกูลเธอ และหญิงสาวไม่แน่ใจว่ามารตนไหนที่เขาทำสัญญาด้วย ถ้ามีอะไรที่นอกเหนือจากการควบคุมของเธอเกิดขึ้น เธอยังมีขุนพลประจำตระกูลอย่างเจโรมและว่าที่ขุนพลวาตะที่พร้อมจะเข้ามาช่วยเหลือเธอทันทีที่ได้สัญญานของความช่วยเหลือจากเธอ ทำให้หญิงสาวกล้าที่จะมาหาเขาเพียงลำพัง
“นี่ไม่ใช่เรื่องน่าขำ หยุดหัวเราะแล้วตอบคำถามฉันมา พลังที่นายแสดงออกมาไม่สมควรจะเป็นพลังของคนที่เพิ่งจะได้รับการรู้แจ้ง หลักฐานก็คือการที่อยู่ๆนายก็มีพลังตอนอายุ 17 ทั้งๆที่มันควรจะเกิดขึ้นตอนเด็ก มันแปลกเกินไป และเมื่อรวมกับการที่นายเปลี่ยนจากผู้ไร้พลังระดับ F จนสามารถเอาชนะอสูรหมื่นพิษระดับ A ได้ มันจึงทำให้ฉันมั่นใจว่านายเป็นผู้โง่เขลาที่ขายวิญญานทำสัญญากับมารเพื่อพลัง”
ซายะอธิบายออกมาด้วยความมั่นใจ จากนั้ยเธอก็พูดเสริมอีกว่า
“...และจากพลังที่ที่นายแสดงออกมา มารที่นายทำสัญญาด้วยต้องอยู่ระดับเอิร์ลเป็นอย่างน้อย” หญิงสาวสรุปข้อสมมติฐานของเธอด้วยความมั่นใจ
[ระดับชั้นของมารในเรื่องนี้อิงจากระดับชั้นขุนนางอังกฤษ เรียงจากสูงไปต่ำ คือ ดยุค มาร์ควิส เอิร์ล ไวเคานต์ และบารอน รองลงมาคือระดับอภิชนที่ไม่ใช่ขุนนางอย่างบารอนเนต(ลอร์ด) และอัศวิน(เซอร์) นอกจากนั้นคือมารระดับต่ำหรือก็คือวิญญานที่เกิดใหม่]
“...” ราฟ
“เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรจะโต้แย้งก็รับการจับกุมแล้วไปพิสูจน์ตัวตนที่สมาคมผู้พิทักษ์กับฉันซะดีๆ ดีใจไว้ล่ะ นายคือมารตนแรกที่ฉันจับได้ หึๆ” หญิงสาวโบกมือ จากนั้นอากาศก็รวมตัวกันกลายเป็นกุญแจมือสวมเข้าที่ข้อมือของชายหนุ่มที่กำลังทำหน้าเหวออยู่
‘ยัยนี่ก็ขี้มโนพอๆกับยัยนักดาบนั่นเลยแฮะ ไม่สิ หนักกว่าเย๊อะ’ หลังจากคิดเสร็จ เขาก็ถอนหายใจออกมา
“หึ เถียงไม่ได้ล่ะสิ เพราะที่ฉันพูดทุกอย่างมันคือความจริง เอาล่ะไปได้แล้ว อย่าคิดหนีล่ะ เพราะฉันฆ่านายแน่ เจ้ามารร้าย” หญิงสาวสั่งเสียงเรียบที่เจือความสุขจางๆที่ได้จับเจ้าโรคจิตนี่เข้าคุก
“...” ราฟเดินตามหญิงสาวไปโดยไม่โต้ตอบอะไรทำให้เธอเข้าใจว่าเขาคงกลัวจนทำอะไรไม่ถูก
‘เหอๆ การมโนขั้นเทพ นี่ถ้าเป็นประเทศของเรา ถ้าเธอสอบข้อสอบเชื่อมโยงคงได้ 101 เต็ม 100 ไม่สิ ให้ 200 เลย...เดี๋ยวนะ จำได้ว่าในโลกนี้สมาคมจะพิสูจน์ความเป็นมารโดยให้ผู้ต้องสงสัยสัมผัสลูกแก้วแห่งธาตุนี่นา ถ้าสัมผัสแล้วมึไอมารปนอยู่ก็มั่นใจได้เลยว่าเป็นมาร หุๆ อยากรู้จังว่าถ้ายัยนี่เห็นว่าที่มโนมาทั้งหมดมันผิดจะเป็นยังไงน้า’ เมื่อคิดแบบนั้นเขาก็ถามกับหญิงสาวว่า
“เดี๋ยวก่อนประธาน แล้วสัมภาระของผมในห้องล่ะ”
“ทิ้งไว้นี่แหละ จะถูกจับอยู่แล้ว ยังมาหวงของอีก”
“แล้วสัตว์เลี้ยงของผมล่ะ ผมเอามันไปด้วยได้มั้ย?” ราฟถามพลางชี้ไปที่โกโก้ซึ่งนั่งแลบลิ้นมองทั้งอยู่อยู่บนเตียง
‘นะ น่ารัก’ เมื่อซายะหันไปเห็นโกโก้ เธอก็คิดในใจ จากนั้นก็ตอบกลับชายหนุ่ม
“ได้สิ แต่ฉันจะดูแลมันเอง” เมื่อเธอพูดจบ มือที่มีนิ้วเรียวสวยก็เอื้อมไปจับร่างน้อยๆของโกโก้ขึ้นมาอุ้มไว้บนอกทันที
‘นะ นุ่มจัง’ หญิงสาวคิดอย่างมีความสุขโดยที่ใบหน้ายังคงเย็นชาเช่นเดิม
โกโก้ส่งสายตาถามความเห็นของเจ้านายของเธอโดยไม่พูดอะไรออกมา
‘นายท่าน เอาไงดีคะ?’ โกโก้ถามราฟผ่านกระแสจิตที่ได้รับมาหลังทำสัญญากัน
‘อย่าทำร้ายเธอ แกล้งเป็นสุนัขธรรมดาแล้วทำตัวดีๆเข้าไว้’ ราฟที่ขี้เกียจพูดกับหญิงสาวตรงหน้าแล้วเห็นเธอมองโกโก้ด้วยความหลงใหล เลยให้โกโก้เรียกความสนใจจากเธอเสียเลย โกโก้เลยได้แต่ถอนหายใจเบาๆแล้วทำตัวเป็นสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักในอ้อมแขนของหญิงสาวอย่างช่วยไม่ได้
‘อืม ร่างกายของเธอคนนี้เย็นสบายดีจังเลยนายท่าน แต่ยังไงสายฟ้าของนายท่านก็ดีที่สุดสำหรับข้าอยู่ดี บ๊อกๆ’ โกโก้คิดหลังจากอยู่ในอ้อมแขนของหญิงสาวแล้วประจบเจ้านายของเธอทันทีโดยหวังว่าจะโดนสายฟ้าอีกครั้ง
“...”