ตอนที่แล้วตอนที่189 รวมตัวกันที่ผาแดงโลหิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 191 การชุมนุมของราชาอสูร

ตอนที่ 190 ตั้งหลักปักฐานในจังหวัดกู่ชาน (ตอนสุดท้ายของภาค)


“ทางพระราชสำนักจะส่งคนส่งสารไปที่เมืองเกิดของเจ้าและคฤหาสน์ตระกูลเมิ่งเพื่อประกาศยืนยันการแต่งตั้งยศหลวงให้แก่เจ้าและมอบตราประจำตำแหน่ง” ผู้อาวุโสอี่กล่าวยิ้มๆ “เจ้าสามารถกลับไปที่เมืองเกิดและรับการแต่งตั้งด้วยตนเองได้ เจ้าเองก็สามารถเลือกที่จะไม่ไปได้เช่นกัน ปล่อยให้ผู้นำตระกูลเป็นคนรับแทนใจ เทพอสูรส่วนมากปล่อยให้ผู้นำตระกูลเป็นคนจัดการ”

“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขอให้ผู้นำตระกูลรับแทนก็แล้วกัน” เมิ่งชวนพยักหน้า

แม้เขาจะแวะกลับไปที่เมืองเกิดเพื่อไปดู แต่เขาก็ไม่โง่พอที่จะรออยู่ที่นั่น ใครจะไปรู้ว่าคนส่งสารนั้นจะมาเมื่อไหร่? ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าเทพอสูรไม่ค่อยใส่ใจเรื่องการแต่งตั้งยศเฟิงโปว เฟิงโหว หรือราชันเทพอสูรอยู่แล้ว นั่นเพราะที่เทพอสูรแข็งแกร่งก็เป็นเพราะพละกำลังของตนเอง!

เมื่อขึ้นเป็นเทพอสูรระดับดาวทมิฬแล้ว ทางสำนักพระราชวังจะแต่งตั้งยศเฟิงโปวให้ และเมื่อขึ้นเป็นเทพอสูรระดับไร้ขอบเขต ทางำนักพระราชวังก็จะแต่งตั้งยศราชันให้ ยศฐาบรรดาศักดิ์เหล่านี้นั้นเป็นผลพลอยได้จากความแข็งแกร่ง ทุกคนให้ความเคารพเฟิงโหวและราชันเทพอสูรก็เพราะความแข็งแกร่งของพวกเขา!

…..

ในวันที่ห้าหลังจากกลับไปเขาหยวนชู เมิ่งชวนก็ไปงานเลี้ยงพร้อมกับภรรยา

จางหวินเฟิงยืนอยู่กลางห้องโถง เขาชูจอกขึ้นและมองแขกคนอื่นๆด้วยรอยยิ้ม “ข้าต่อสู้กับอสูรมาตลอดทั้งชีวิตของข้า ข้าใช้วิชาต้องห้ามเทพอสูรมามากมาย แต่ข้าก็ยังมีชีวิตอยู่ได้จนอายุ 189 ปี ทั้งหมดนี้นั่นก็เพราะร่างเทพกายาอมตะของข้า ฮ่าๆ ใช้ในการรักษาตัวเองได้ดีมากเลยล่ะ”

เทพอสูรต่างหัวเราะตาม แน่นอนว่าในยุคสมัยเช่นนี้ เป็นสิ่งที่หายากที่จะได้พบเทพอสูรมหาสุริยันมีอายุได้ถึง 189 ปีเช่นนี้

“ข้ายังเหลือเวลาอีกประมาณหนึ่งปี ข้าไม่มีภารกิจอะไรที่จะต้องทำแล้ว” จางหวินเฟิงกล่าวยิ้มๆ “ข้าจะลงจากเขาในวันพรุ่งนี้และออกไปท่องโลกกว้าง ข้าจะกินอาหารทุกอย่างที่โลกนี้จะมีให้และจะมีความสุขไปกับบรรยากาศของโลกใบนี้ ระหว่างทางข้าก็จะสังหารอสูรไปด้วยเช่นกัน ก่อนข้าจะตาย ข้าจะกลับไปยังเมืองเกิดของข้า และเมื่อถึงเวลานั้น ข้าก็จะไม่รบกวนเพื่อนเก่าของข้าอีกต่อไป”

เมิ่งชวน หยางฟางและเทพอสูรคนอื่นๆต่างมีความรู้สึกที่ผสมปนเปกันไป

จางหวินเฟิงนั้นใกล้จะสิ้นอายุขัยมากแล้ว ดังนั้นเขาหยวนชูจึงไม่ได้ให้ภารกิจใดๆแก่เขาต่อไป

“อันที่จริงแล้ว ข้ายังไม่มีโอกาสได้ท่องดูโลกอันกว้างใหญ่นี้เลยในชีวิตนี้ ข้าตั้งหน้าตั้งตารอจริงๆ” จางหวินเฟิงกล่าวก่อนจะถอนหายใจและชูจอกขึ้น “ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างมาเพราะพวกเราเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขผ่านการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายไปด้วยกัน มื้อค่ำของวันนี้คืองานเลี้ยงเพื่อการจากลา และเมื่องานเลี้ยงนี้จบลง พวกเราทุกคนก็จะแยกย้ายไปตามทางของตน เอาล่ะ ฉลอง”

เทพอสูรทุกคนชูจอกขึ้นและยกดื่ม

เมิ่งชวนและจางหวินเฟิงทำงานร่วมกันเป็นเวลาเกือบครึ่งปี พวกเขากลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันจากที่ได้คอยปกป้องกันและกัน ส่วนเทพอสูรคนอื่นๆที่อยู่ตรงนี้นั้น บางคนมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น

เมื่องานเลี้ยงจบลง จางหวินเฟิงก็กล่าวออกมาเสียงดัง “ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่มีวันเลิกรา เราคงต้องแยกจากกันในตอนนี้ คนแก่อย่างข้าก็จะได้พักผ่อนและมีความสุขกับสิ่งต่างๆบนโลกนี้ ส่วนเรื่องสังหารอสูรนั้น ข้าคงต้องฝากที่เหลือให้พวกเจ้าทุกคนในที่แห่งนี้เสียแล้ว”

“ศิษย์พี่จาง ไม่ต้องห่วง พวกเราจะสังหารอสูรอย่างไม่ปราณีแน่”

“พวกเราจะเอาชนะสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรได้เป็นแน่ ศิษย์พี่จางไม่ต้องเป็นห่วง”

เหล่าเทพอสูรต่างให้คำสัญญา

เมื่อทุกสิ่งมาถึงจุดจบ ในที่สุดเหล่าเทพอสูรก็แยกย้ายกันไปตามทางของตน ก่อนรุ่งสางของวันพรุ่ง จางหวินเฟิงก็ลงจากเขาไปคนเดียว ออกไปชื่นชมบรรยากาศของภูเขาและแม่น้ำ และหลายๆสิ่งหลายๆอย่างที่เขาไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน

….

เหล่าเทพอสูรที่อยู่บนเขาต่างถูกส่งลงจากเขาไปเป็นกลุ่ม

ในเย็นวันหนึ่ง เมิ่งชวนกำลังนั่งวาดรูปอยู่ในห้องพร้อมกับที่หลิวชีเยว่ฝึกคัดลายมือ

“นายท่าน ผู้อาวุโสอี่มาหาขอรับ” เสียงของพ่อบ้านหลิวดังออกมาจากด้านนอกห้องหนังสือ

‘ผู้อาวุโสอี่?’ เมิ่งชวนสะดุดใจ เขาหยุดวาดภาพและมองหน้ากับหลิวชีเยว่

“คำสั่งย้ายน่าจะมาถึงแล้ว” หลิวชีเยว่กล่าว

เมิ่งชวนพยักหน้าและเดินออกไปหน้าที่พักพร้อมกับภรรยาเพื่อต้อนรับผู้อาวุโสอี่ในทันที

ผู้อาวุโสอี่เดินฝ่าหิมะมาและยิ้ม “เจ้ากำลังฝึกวาดรูปและคัดลายมืออย่างนั้นรึ? ข้าได้กลิ่นหมึกจางๆลอยออกมา”

“แค่วาดเรื่อยเปื่อยเท่านั้นขอรับ ผู้อาวุโสเชิญทางนี้” เมิ่งชวนและภรรยาต้อนรับผู้อาวุโสอี่ นำทางเขาไปในห้อง

ข้างในห้อง เหล่าคนรับใช้เตรียมชามาให้

ทั้งสามคนนั่งลงก่อนที่คนรับใช้จะเดินออกไป มีเพียงทั้งสามคนที่ยังนั่งอยู่ในห้องนั้น

“คำสั่งย้ายของพวกเจ้ามาแล้ว” ผู้อาวุโสอี่ยิ้ม

ทั้งคู่ตั้งใจฟังในทันที

ผู้อาวุโสอี่หยิบตราหยกสีขาวที่ดูเหมือนสี่เหลี่ยมออกมา ข้างหน้าตราแต่ละอันนั้นมีคำว่า “ลาดตระเวน” เขียนไว้อยู่ เขายื่นมันให้เมิ่งชวนและหลิวชีเยว่

“ลาดตระเวน?” เมิ่งชวนและหลิวชีเยว่รับตรานั้นไป เมื่อพิจารณาดูก็พบแผนที่สลักเอาไว้บนนั้น แผนที่นั้นเป็นพื้นที่รอบๆรัฐอู่และรัฐเฉียน

“เพราะว่าในตอนนี้เมืองด่านขนาดเล็กและขนาดกลางถูกทิ้งจนหมด จำนวนเทพอสูรที่ต้องใช้ในการป้องกันเมืองด่านขนาดใหญ่ทั้งเจ็ดจึงลดลงอย่างมหาศาล” ผู้อาวุโสอี่กล่าว “เทพอสูรของเขาหยวนชูของเราแทบทั้งหมดกลายเป็นส่วนหนึ่งของข่ายปฐพี และจะถูกจัดการให้กระจายออกไปให้เหมือนกับเป็นตาข่ายขนาดยักษ์ที่ปกคลุมไปทั่วทั้งโลก! พวกเราสามารถสังหารอสูรที่รวมตัวกันเมื่อใดก็ได้”

“ยิ่งไปกว่านั้น การเกณฑ์ทหารถูกเปลี่ยนใหม่ มนุษย์ทุกคนจะต้องรับราชการทหารเป็นเวลาสามปีเมื่ออายุย่างเข้า 20 พวกเขาไม่ต้องออกไปสู้รบในช่วงสามปีนั้น แต่พวกเขาจะทำหน้าที่ออกลาดตระเวนไปทั่วโลก” ผู้อาวุโสอี่กล่าว “พวกเราจะกระจายกำลังทหารจำนวนนับไม่ถ้วนออกไปทั่วโลก นั่นทำให้เครือข่ายของเราไม่มีทางถูกทำลายและหนีไปไหนได้ ปราการหมู่บ้านทุกแห่งบนโลกนี้จะกลายเป็นข่ายข้อมูลที่สำคัญ”

เมิ่งชวนและหลิวชีเยว่พยักหน้า

ระบบนี้นั้นดูรัดกุมมาก ด้วยการใช้ทหารมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนคอยเป็นดวงตาและใช้ปราการหมู่บ้านเป็นข่ายข้อมูล และเมืองใหญ่จะกลายเป็นจุดศูนย์กลาง เทพอสูรจำนวนมากจะสามารถเคลื่อนพลได้ในทันที

“ข่ายปฐพีสามารถสังหารอสูรธรรมดาและราชาอสูรที่อ่อนแอได้อย่างง่ายดาย” ผู้อาวุโสอี่กล่าว “หากพวกเราพบเจอราชาอสูรที่ทรงพลังและอันตรายที่รุนแรงกว่านี้ พวกเราจะส่งหน่วยลาดตระเวนออกไปจัดการกับปัญหา”

“หน่วยลาดตระเวนนั้นส่วนมากเป็นเฟิงโหวเทพอสูรและราชันเทพอสูร มีเทพอสูรมหาสุริยันระดับสูงไม่กี่คนที่ทำหน้าที่นี้เช่นกัน เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้วก็มีอสูรมากมายเข้ามาในโลกมนุษย์ กระทั่งเฟิงโหวเทพอสูรและราชันเทพอสูรก็ไม่สามารถจัดการกับทุกสิ่งได้ด้วยตนเอง”

“พวกเจ้าทั้งคู่เป็นกลุ่มเดียวกัน พวกเจ้าจะต้องหนีและต่อสู้ไปด้วยกัน” ผู้อาวุโสอี่ยิ้มและมองมาที่ทั้งคู่ “เขตที่พวกเจ้ารับหน้าที่ดูแลนั้นคือจังหวัดกู่ชานและพื้นที่รอบๆเมืองนั้น 1000 ลี้ หากมีคนต้องการความช่วยเหลือ ตราหน่วยลาดตระเวนจะเตือนเจ้าเอง”

“รับทราบ” ทั้งคู่พยักหน้า

“พวกเจ้าทั้งคู่จะอาศัยอยู่ในเมืองกู่ชาน ส่วนพวกเจ้าจะอาศัยอยู่ที่ไหนนั้น พวกเจ้าเลือกเองได้เลย แต่จงจำไว้ว่าอย่าให้ผู้ใดรู้ว่าเจ้าคือเทพอสูร” ผู้อาวุโสอี่กล่าว “จากนี้ไป เทพอสูรของเขาหยวนชูเราส่วนมากจะซ่อนตัวและกระจายไปทั่วทั้งโลก หากพวกเราเผยตัวตนของพวกเขา ราชาอสูรอาจพยายามลอบสังหารเทพอสูรของเราได้”

“ขอรับ/เจ้าค่ะ” เมิ่งชวนและหลิวชีเยว่เข้าใจว่าทำไมต้องเก็บเป็นความลับ

“ปลอมตัวเป็นเช่นมนุษย์ธรรมดาและอาศัยอยู่ในเมืองกู่ชานอย่างเงียบๆ พวกเจ้าจะใช้ชีวิตตามปกติเช่นมนุษย์ธรรมดา” ผู้อาวุโสอี่กล่าว “หากพวกเจ้าได้รับภารกิจ พวกเจ้าต้องไปทำให้สำเร็จในทันที แน่นอนว่า ข้าคิดว่าคงมีภารกิจสำหรับพวกเจ้าทั้งสองไม่มากนักหรอก ราชาอสูรที่แข็งแกร่งจะถูกเฟิงโหวเทพอสูรจัดการ ส่วนพวกที่อ่อนแอนั้นทางข่ายปฐพีก็สามารถจัดการได้โดยตรง พวกเจ้าคงได้ออกไปจัดการเพียงไม่กี่ครั้งต่อปีหรอก”

“อีกอย่าง เรื่องที่พวกเจ้าทั้งสองอาศัยอยู่ในเมืองกู่ชานเองก็เป็นความลับ! ในเขาหยวนชู มีเพียงเจ้าเขาหยวนชู เหล่าปรมาจารย์ และข้าที่รู้ว่าเจ้าอยู่ที่ใด ห้ามบอกเรื่องนี้กับครอบครัวหรือสหายของเจ้าเด็ดขาด เมื่อมีคนพบว่าพวกเจ้าอยู่ที่ใด อสูรและนิกายอสูรฟ้าอาจรู้ได้ในทันทีหลังจากสำรวจดูอีกนิดหน่อย พวกมันอาจส่งราชาอสูรระดับสี่ไปที่เมืองกู่ชานเพื่อตามหาพวกเจ้าเลยก็เป็นได้”

“และในฐานะหน่วนลาดตระเวนแล้ว พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องทำเรื่องอะไรเล็กๆน้อยๆ ไม่มีเทพอสูรคนใดที่สามารถสั่งเจ้าได้ พวกเจ้าทั้งสองจะรับคำสั่งจากเขาหยวนชูโดยตรงเพียงเท่านั้น” เจ้าเขาหยวนชูกล่าว

ในเวลาเดียวกันในเมืองตงหนิง คนส่งสารจากพระราชสำนักก็ไปถึงคฤหาสน์บรรพบุรุษตระกูลเมิ่ง เมิ่งต้าเจียงและคนในตระกูลออกไปต้อนรับพวกเขา

คนส่งสารจากพระราชสำนักได้ประกาศยืนยันการแต่งตั้งยศให้ทุกคนฟัง! นั่นทำให้หลายๆคนที่ดูอยู่ต้องตกใจ นั่นเป็นเพราะนับตั้งแต่ราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่ถูกก่อตั้งขึ้นมา ไม่เคยมีผู้ใดในเมืองตงหนิงได้รับยศหลวงเลยแม้แต่ผู้เดียว!

“เฟิงโหวตงหนิง เมิ่งชวน?”

“นายน้อยเมิ่งช่างน่าประทับใจจริงๆ ในตอนนั้นข้ารับรู้ได้เลยว่าเขานั้นสุดยอด เพียงแค่สิบปีเขาก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเฟิงโปวแล้ว”

“ในอีกไม่กี่ปี เขาอาจได้รับตำแหน่งเฟิงโหวเลยก็เป็นได้”

“เมืองตงหนิงของเราภาคภูมิใจที่มีเทพอสูรที่แข็งแกร่งแกร่งเช่นนี้”

“ข้าสงสัยเหลือเกินว่านายน้อยเมิ่งจะขึ้นเป็นราชันเทพอสูรได้หรือไม่”

คนในเมืองตงหนิงต่างรู้สึกภาคภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ส่วนตระกูลเทพอสูรอื่นๆในเมืองตงหนิงนั้นต่างอยู่ในสภาวะที่สาหัส หลังจากที่เมิ่งชวนกูตายจากอาการบาดเจ็บสาหัส เมิ่งชวนก็ทะยานขึ้นโดดเด่นแทบจะในทันที เขาสอบได้ที่หนึ่งในการสอบเข้าเขาหยวนชู และเขาได้รับตำแหน่งเฟิงโปวหลังขึ้นเขาไปได้กี่ปีกัน? มีเทพอสูรมหาสุริยันเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ประสบความสำเร็จเช่นนั้นได้ ยิ่งไปกว่านั้น ปกติแล้วยังใช้เวลานานกว่าจะสะสมแต้มได้มากเท่านั้น

การได้รับตำแหน่งเฟิงโปวตอนอายุเพียงเท่านี้นั้น ในอนาคตเขาจะได้รับตำแหน่งเฟิงโหวอย่างแน่นอน!

เมิ่งชวนได้เป็นเฟิงโปวอย่างนั้นรึ? อวิ๋นฟู่อันนั่งอยู่ในห้องหนังสือ เขาดูแก่ลงมาก พ่อของเขา อวิ๋นว่านไห่ตายไปในการต่อสู้ อวิ๋นว่านไห่ได้ทิ้งสมบัติของตระกูลอวิ๋นไว้ให้พร้อมกับแต้ม พวกเขาจึงมีสมบัติเป็นจำนวนมาก แต่หากพวกเขาไม่ผลิตเทพอสูรใหม่ออกมา ตระกูลของพวกเขาก็จะล่มลงอย่างรวดเร็ว

เมื่อได้เห็นเมิ่งชวนพุ่งทะยานโดดเด่นเช่นนี้แล้ว อวิ๋นฟู่อันก็รู้สึกเสียใจอย่างแท้จริง เขาเป็นชายที่เก่งกาจในการจัดการกับผู้คน เขาชื่นชมผู้แข็งแกร่งและบดขยี้ผู้อ่อนแอ แต่ช่างน่าเศร้าที่แม้เขาจะตบหน้าตัวเองไปสักกี่ที เมิ่งชวน เทพอสูรมหาสุริยันคนนั้นก็ไม่มีความสัมพันธ์กับตระกูลเขาอีกต่อไป

‘ก็แค่ลูกสาวไม่ใช่รึยังไงกัน? ทำไมข้าถึงเร่งร้อนยกเลิกการหมั้นหมายกัน? ทำไมข้าถึงได้โง่เง่าเช่นนั้น?’ อวิ๋นฟู่อันได้แต่ปลดปล่อยอารมณ์นั้นในห้องหนังสือ

เขาพลาดโอกาสไป โอกาสที่จะไม่มีอีกเป็นครั้งที่สอง

….

เมิ่งชวนและหลิวชีเยว่ไปถึงเมืองกู่ชานด้วยนก

“นับจากนี้ไป นี่จะเป็นบ้านของพวกเรา” เมิ่งชวนและหลิวชีเยว่ยืนอยู่หน้าบ้านหลังใหม่ ทั้งสองคนเลือกบ้านหลังนี้เองกับนายหน้า พวกเขาเลือกหลังนี้หลังจากไปดูหลายๆหลัง

หน้าที่หน่วยลาดตระเวนนั้นไม่รู้จะจบลงเมื่อไหร่ ทั้งคู่คงได้อาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน

“ดีเลย” หลิวชีเยว่มองดูบ้านตรงหน้าด้วยความพึงพอใจ นกสีเทาหน้าตาเหมือนนกนางแอ่นบินข้ามบ้านและเกาะลงบนไหล่ของหลิวชีเยว่ มันเป็นราชาอสูรระดับสามราคาเกือบ 1.5 ล้านแต้ม ตั้งแต่ที่เหล่าอสูรเข้ามาในโลกมนุษย์เป็นจำนวนมาก นกเหล่านี้ก็ถูกลงมาก ตอนนี้พวกมันราคาครึ่งหนึ่งจากเมื่อแต่ก่อน

นกเหล่านี้สามารถเปลี่ยนขนาดได้ ปกติแล้วพวกมันจะมีขนาดเท่ากับฝ่ามือ เพราะได้วิชาลับจากเขาหยวนชูที่สามารถสะกดพลังในร่างของมันลงและปลอมตัวให้เหมือนกับนกธรรมดาได้

“ตอนนี้พวกเราก็ขาดแค่ลูกเท่านั้น” เมิ่งชวนมองดูบ้านตรงหน้าและยิ้มให้ภรรยาของตน

หลิวชีเยว่หัวเราะออกมา

เมื่อได้อยู่อย่างสงบสุขเช่นนี้ ก็ได้เวลาที่จะมีลูกแล้วล่ะ

ตอนสุดท้ายของภาค คลื่นใต้น้ำ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด