การพนันระหว่างราฟและซายะ
‘ผมไปก่อนนะคุณเจโรม บายวาตะ บ๊ายๆทุกคน ฝากดูของใช้ในห้องให้ด้วยนะ พอดีต้องไปเดต...แอ๊ก ไปทำธุระกับประธานคนสวยแปปนึงน่ะ อ้อ คุณเจโรมค่าหัวอสูรต่างมิติ 2 หมื่นตัวก็ 20 ล้าน อย่าลืมโอนเงินให้ผมด้วยนะค้าบ’
เจโรมที่ในตอนนี้กำลังอยู่ในห้องทำงานของเขากำลังคิดถึงเรื่องเมื่อเช้าที่คุณหนูของเขาได้คุมตัวราฟออกจากฐาน
“นายว่าราฟจะเป็นมารตามที่คุณหนูบอกรึเปล่า” เจโรมถามวาตะที่กำลังนั่งกินหมูกระทะที่เหลือจากเมื่อวานอยู่ ดูท่าเขาจะชอบมันจริงๆ
“อึก...ผมมั้นใจว่าเขาไม่ใช่มาร เพราะเนตรของผมไม่เห็นไอมารออกจากตัวเขาเลย มีแค่ออร่าสายฟ้ากับพิษที่ผสมกันอยู่เท่านั้น แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมคุณหนูซายะถึงมั่นใจเรื่องนี้นัก” วาตะตอบหลังจากที่กลืนหมูสามชั้นจิ้มน้ำจิ้มสุกี้ลงคอ
“ว่าแต่น้องสาวของนายที่โรงเรียนไอรีนเป็นไงบ้างล่ะ เห็นว่าอยู่ห้องเดียวกับราฟด้วยนี่” เจโรมถามพลางลุกออกจากโต๊ะทำงาน
“อ้อ คาร่าน่ะเหรอครับ ยัยนั่นคงสนุกกับการเรียนกับเพื่อนในห้องนั่นแหละ ที่โรงเรียนคงดังน่าดู สวยขนาดนั้น หุๆ” วาตะพูดพร้อมกับอวยน้องสาวตัวเอง
“อ้อ ดีแล้วๆ...งั่มๆ อื้ม รสชาติยังอร่อยไม่เปลี่ยนเลย สงสัยต้องเก็บเนื้อสัตว์อสูรต่างมิติไว้เยอะๆแล้ว การที่อร่อยได้ขนาดนี้เพราะพวกมันกินแต่พลังธรรมชาติรึเปล่านะ” เจโรมพึมพำกับตัวเองขณะใช้ตะเกียบที่หยิบมาจากลิ้นชักส่วนตัวบนโต๊ะทำงานของเขาคีบเนื้อหมูสไลด์ที่ราฟทำจิ้มน้ำจิ้มสุกี้แล้วเอาเข้าปาก
“...” วาตะได้แต่มองหัวหน้าของเขาด้วยแววตาว่างเปล่า
“หัวหน้า ไม่อายเหรอครับ มาแย่งของลูกน้องกินเนี่ย”
“ชิ คนเราน่ะนะ อยู่ในค่ายเดียวกันก็ต้องแบ่งกันสิ ของอร่อยแบบนี้ฉันจะพลาดได้ยังไง”
“แต่นี่มันเกินไปนะครับ! ถ้าหัวหน้าจะกินด้วยก็มาช่วยผมย่างด้วยเลย!” วาตะโวยวาย
“เออๆ เอาที่คีบมา แค่นี้ก็บ่น ฉันเป็นหัวหน้านะโว้ย”
“สำหรับเรื่องกินไม่มีการแบ่งว่าใครเป็นหัวหน้าใครเป็นลูกน้องหรอกครับ!” วาตะพูดเสียงดังลั่นห้องทำงาน
“ได้ ถ้านายพูดอย่างนี้ ตอนนี้ไม่มีคำว่าเจ้านายลูกน้อง...นี่คือสงคราม...สงครามที่เรียกว่าหมูกระทะ!”
“เข้ามาเลยหัวหน้า!” วาตะหยิบตะเกียบออกมา พร้อมกับใช้พลังสายลมของเขาเพื่อเร่งความเร็วของร่างกายจนถึงระดับเหนือเสียง จากนั้นเขาก็เริ่มสงครามด้วยการยื่นตะเกียบไปที่ชิ้นเนื้อที่สุกแล้ว
“สุกพอดี เกรียมเล็กน้อย นี่แหละสิ่งที่ราฟบอกมา เอาล่ะ ชั้นเลือกนาย!” วาตะร้องออกมา
“หึ ยังอ่อนหัดนัก คิดว่าความเร็วชนะทุกอย่างเหรอ นี่ไม่ใช่วิ่งแข่งนะไอ้หนู...แรงโน้มถ่วง 10 เท่า!”
“แอ้ก ขะ ขี้โกงนี่หว่าหัวหน้า อะเหื้อ ม่ายยย ต้าวเนื้อของข้าาา” วาตะได้แต่มองเจโรมพรากเนื้อที่เขาเล็งไว้ออกไปตาละห้อย
“เอาน่า ฉันแค่กินครึ่งเดียวเอง อย่าบ่น อ๊ะ ชิ้นนี้มันไหม้จนดำแล้วนี่ เอ้านี่ ฉันให้ ว่ะฮ่าๆๆ”
“...” เหล่านักรบอสูรในฐานทัพเจโรมที่ในตอนนี้กำลังนั่งรวมกลุ่มกันกินหมูกระทะเช่นกันได้แต่มองหัวหน้าและรองหัวหน้าของพวกเขาผ่านหน้าต่างด้วยสายตาทำนองว่า
‘พวกคุณพี่ช่วยทำตัวให้สมกับตำแหน่งขุนพลกับว่าที่ขุนพลประจำตระกูลชิโรคามิที่เป็น 1 ใน 10 ตระกูลหลักของโลกหน่อยหน่อยเถ๊อะ!’
.
.
.
สมาคมผู้พิทักษ์ สาขาเมืองไอรีน
หลังจากใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการนั่งรถลอยฟ้าพลังงานน้ำ ราฟและซายะก็มาถึงหน้าสมาคม ราฟตะลึงกับความใหญ่โตและสวยงามของสมาคมที่มีการตกแต่งที่คล้ายกับสถาปัตยกรรมวิหารพาร์เธนอนของกรีกโบราณ
“โครตสวยเลยวุ้ย นี่ขนาดเป็นแค่สาขาย่อยนะ สาขาหลักจะขนาดไหนเนี่ย”
ราฟเห็นผู้คนมากมายเข้าออกสมาคมไม่ขาดสาย และเห็นคนเข้าแถวต่อคิวเพื่อทำธุระกับสมาคม ทำให้เขาที่เป็นคนเกลียดการเข้าแถวอยู่แล้วไม่ค่อยอยากต่อคิวมากนัก
‘เห้อ นอกจากเข้าแถวกลางแดดในโรงเรียนแต่พวกครูกลับกางร่มไม่ก็หลบอยู่ใต้หลังคาแล้ว เรายังต้องมาต่อคิวยาวเหยียดนี่อีกเหรอ...ถ้าเป็นแถวซื้อเกมนี่จะไม่บ่นเลย แค่กๆ’
“นี่ คุณประธาน จะต่อคิวจริงๆเหรอ คนเยอะมากเลยนา กลับกันเถอะ แล้วค่อยขอลูกแก้วแห่งธาตุจากตระกูลของเธอมาตรวจฉันก็ได้ น่าจะมีนี่เนอะ”
“ลูกแก้วแห่งธาตุมีแค่ที่สมาคมเท่านั้น” ซายะที่ลูบหัวโกโก้ในอ้อมแขนของเธออยู่ตอบเสียงเรียบ จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์แล้วยื่นบัตรสีดำไปให้เธอ
“ฉันต้องการใช้ลูกแก้วแห่งธาตุ”
“บัตรแบล็คการ์ด!?” พนักงานรีบตรวจสอบข้อมูลในบัตรจากนั้นจึงโค้งตัวให้ซายะแล้วส่งบัตรคืนเธอ
“โปรดตามเจ้าหน้าที่คนนี้ไปได้เลยค่ะคุณหนูซายะ” พนักงานประชาสัมพันธ์สาวเอ่ยด้วยรอยยิ้มพร้อมกับผายมือไปที่เจ้าหน้าที่ชายในชุดสูทที่เดินเข้ามาหาพวกเขา
“อืม” ซายะตอบรับ แล้วหันไปหาราฟ
“ทำหน้าแบบนั้นทำไม ตามฉันมา”
ราฟได้แต่มองการกระทำของเธออึ้งๆ พร้อมกับคิดในใจ
‘เห้อ มันเป็นสัจธรรมจริงๆสินะ ไม่ว่าโลกนี้หรือโลกเก่า...อำนาจคือทุกอย่าง’ จากนั้นชายหนุ่มก็เดินตามซายะและเจ้าหน้าที่ไป
เมื่อทั้งสามคนเดินเข้ามาในห้องระดับสูงที่เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์อย่างดีเพื่อรับรองแขกระดับสูงสุดอย่างเจ้าของแบล็คการ์ดที่มีให้แค่ผู้นำและทายาทของตระกูลหลักทั้งสิบ และผู้พิทักษ์ระดับ S ขั้นสูงสุดที่มีเพียงแค่ 7 คนเท่านั้น
เจ้าหน้าที่ได้อธิบายการใช้งานที่พวกเรารู้อยู่แล้ว จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องไปเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวกับเจ้าของแบล็คการ์ด ซายะวางโกโก้ลงบนโซฟาที่อยู่ในห้อง แล้วเดินนำราฟไปที่แท่นวางลูกแก้วแห่งธาตุ
“เอามือวางบนลูกแก้วซะ” ซายะสั่งพร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมาอัดวิดีโอไว้เป็นหลับฐาน
“จิ๊ รอบคอบซะจริงนะ งั้นเอางี้ ไหนๆเธอก็จะได้ชื่อเสียงจากการจับฉันแล้ว เรามาพนันกันมั้ย?” ราฟพูดพลางหยิบมือถือขึ้นมากดครู่หนึ่ง
“ทำไมฉันต้องพนันด้วย ยังไงนายก็จะถูกจับแน่ๆอยู่แล้ว” ซายะยิ้มเย็น
“ก็นะ บางทีอาจจะมีโอกาสที่ฉันไม่ใช่มารก็ได้นี่นา หรือว่า...” ราฟเว้นช่วงคำพูดจากนั้นก็ยื่นหน้ามาใกล้หญิงสาวที่จ้องหน้าเขากลับแบบไม่ถอย
“เธอกลัว?”
“หา!? ใครกลัวนาย อย่ามาพูดจาพล่อยๆนะ ก็ได้ ฉันรับคำท้า นายว่ามาเลย”
“ดีมาก กล้าหาญสมกับเป็นทายาทผู้นำตระกูลหลัก สิ่งที่ฉันจะพนันกับเธอก็คือ ถ้าฉันเป็นมารจริงๆฉันจะโอนเงินรางวัลที่ได้รับจากคุณเจโรมให้เธอทั้งหมด รวมเป็นเงิน 20 ล้าน เพราะถ้าฉันเป็นมารจริงฉันติดคุกตลอดชีวิตไม่ก็โดนประหารแน่ ทำให้ฉันคงไม่ได้ใช้มัน เธอเอาไปได้เลย” ราฟพูดพร้อมกับชูมือถือที่แสดงจำนวนเงินในบัญชีของเขาให้หญิงสาวดู
“แต่ถ้าเธอแพ้...” ราฟเว้นข่วงอีกรอบ
“เลิกอมพะนำแล้วพูดมา”
“...เธอต้องหอมแก้มฉัน” ราฟฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาดุจเสือที่มีสีดำเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืนของเขาฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมา
‘ว่ะฮ่าๆๆ สหายราฟบนฟ้า ฉันจะทำให้ความฝันของนายเป็นจริงโดยการให้คนที่นายปลื้มหอมแก้มร่างกายของนายเอง หวังว่านายคงจะมองดูจากบนฟ้าอย่างมีความสุขนะสหาย หุๆ’
“บะ บ้าเหรอ ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้นด้วย ขอปฏิเสธ!” ซายะขมวดคิ้วปฏิเสธเสียงแข็งทันที
“เธอกลัวจริงๆด้วย ความจริงแล้วเธอก็ไม่แน่ใจว่าฉันเป็นมารรึเปล่าสินะ ฮี่ๆ ไม่คิดเลยว่าคุณหนูซายะแห่งตระกูลชิโรคามิจะโลเลได้ขนาดนี้”
“ฮึ่ม งั้นก็ได้! ใครว่าฉันไม่มั่นใจกัน รีบวางมือลงบนลูกแก้วแล้วรีบเข้าคุกไปเลย!” ซายะพูดเสียงดัง ความเย็นชาบนใบหน้าของเธอเหมือนจะหายไปเพราะความโกรธซึ่งรวมถึงสติของเธอด้วย ใบหน้าที่แดงก่ำของเธอทำให้ราฟหัวเราะในใจ
‘ยุง่ายจังแฮะ พวกคุณหนูนี่โกรธง่ายแบบนี้เหมือนกันมั้ยนะ ยังไงก็เถอะ เหยื่อติดเบ็ดแล้ว หุๆ’
หลังจากคิดเสร็จชายหนุ่มก็ยื่นมือไปวางบนลูกแก้วทันที
จากนั้นลูกแก้วก็เปล่งแสงออกมาทั่วห้อง