559-560
9/10
Ep.559
“คิดฆ่าฉัน แกมีความสามารถพอหรือ?”
แม้ปากเอ่ยเช่นนี้ แต่สีหน้าของหลี่เหลียงกลับหมองลงเล็กน้อย พยายามอย่างมากที่จะสงบสติอารมณ์ ไม่ให้แสดงออกว่าหวั่นไหว
“อย่างงั้นหรอ แต่ฉันว่าถ้าทำลายทั้งหัวแก ก็น่าจะฆ่าได้นะ!” ดวงตาของซูเฉินค่อยๆหรี่ลง
เขาพบว่าส่วนอื่นๆของหลี่เหลียงนั้นเปราะบางราวกับกระดาษ แต่ในทางกลับกันตรงส่วนหัวดันแข็งราวกับเหล็ก นี่เป็นอะไรที่แปลกมาก
“ก็ได้ ฉันยอมรับว่าแกพบจุดอ่อนของฉัน แต่แล้วไง? ด้วยความสามารถของแกในตอนนี้ คิดหรือว่าจะทำลายมันได้?” หลี่เหลียงสารภาพอย่างเปิดเผย
ตรงส่วนหัวเป็นจุดอ่อนเดียวของเขาจริงๆ ตราบใดที่กะโหลกแตก ก็มีโอกาสที่เขาจะตาย
อย่างไรก็ตาม ในเมื่ออีกฝ่ายรู้จุดอ่อนของเขาแล้ว ก็ไม่มีทางที่หลี่เหลียงจะประมาท แล้วหลวมตัวไม่ป้องกัน
ครั้งหนึ่งเคยมีผู้ยิ่งใหญ่เผ่าอมตะได้ทำการดัดแปลงศีรษะเขา หลอมรวมมันเข้ากับสมบัติวิเศษที่ทนทานต่อการป้องกันเป็นพิเศษ
อาจกล่าวได้เลยว่า ตอนนี้พลังป้องกันในส่วนศีรษะของเขาอยู่ในระดับที่น่าเหลือเชื่อ ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนเลเวล 8 ก็อย่าหวังว่าจะทำร้ายเขา
แม้ซูเฉินจะทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วยังอยู่ในเลเวล 7 เท่านั้น แล้วจะทำลายการป้องกันของเขาได้อย่างไร?
“ช่างไร้เดียงสา!”
รอยยิ้มเยาะผุดขึ้นบนมุมปากของซูเฉิน ตามมาติดๆด้วยกระบี่ยาวสีดำสนิทปรากฏขึ้นในมือเขา มิใช่ใดอื่น เป็น [กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล]
ถ้าพูดถึงในแง่ของการโจมตีเพียงครั้งเดียว นี่คือกลวิธีโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของซูเฉิน
“นั่นมันอะไร?”
หลี่เหลียงสัมผัสได้ถึงอันตราย ในสายตาที่จับจ้อง [กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล] สั่นไหวเป็นระลอกคลื่น
เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นความผันผวนของพลังมิติอันน่าสยดสยองที่แผ่ออกมาจากกระบี่แยกฟ้า ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด โวยวายด้วยความตกใจ “สิ่งประดิษฐ์เทวะแห่งมิติ!”
“อ้าว นี่แกรู้ด้วยหรอ” ซูเฉินอึ้งไปเล็กน้อย เพราะมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้จักสิ่งประดิษฐ์เทวะ ขนาดเขา มารู้เอาก็ตอนที่ได้ข้อมูลจากหงส์เพลิง
นี่แสดงให้เห็นว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมา หลี่เหลียงต้องพบเจอเรื่องราวมามาก และคงมีความลับมากมายซ่อนอยู่ในตัวเขา
อย่างไรก็ตาม ซูเฉินไม่มีแผนที่จะเจาะลึกลงไป เพราะเป้าหมายหลักของเขาในตอนนี้ มิใช่เค้นถาม แต่เป็นการสังหารหลี่เหลียงอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
[กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล] ฟาดฟันลงในอากาศ พริบตานั้นเอง กระแสวังวนสีดำปรากฏขึ้นเหนือศีรษะหลี่เหลียง ภายในนั้นแฝงไว้ด้วยคลื่นความผันผวนของพลังแห่งมิติอันน่าสะพรึง
“อย่า!”
หลี่เหลียงบังเกิดความกลัว ร้องตะโกนเสียงดัง
แต่ซูเฉินไม่หวั่นไหว ควบคุมกระแสวังวนให้ม้วนลงต่อไป พริบตาที่มันสัมผัสลง หัวของหลี่เหลียงถูกฉีกออกเป็นแผลขนาดใหญ่
“อ๊ากกกกก!”
หลี่เหลียงกรีดร้องน่าสังเวช ตลอดทั้งใบหน้าของเขากลายเป็นบิดเบี้ยว
ซูเฉินทำเป็นมองไม่เห็น ยังคงควบคุมวังวนทมิฬเข้าทำลายหัวหลี่เหลียง
กริ๊ก!
ตามมาด้วยเสียงกระดูกแตกอันคมชัด หัวใหญ่ของหลี่เหลียงหายวับไปด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า พริบตาเดียวก็หายไปกว่าหนึ่งส่วนสามแล้ว
และในเวลานั้นเอง ซูเฉินก็สังเกตเห็น ว่าข้างในกะโหลกของหลี่เหลียง มีแก่นผลึกขนาดเท่ากำปั้นถูกฝังอยู่ ข้างในมันแผ่ไปด้วยกลิ่นอายแห่งชีวิตอันเข้มข้น
“หรือว่านี่คือต้นตอของพลังพิเศษที่ใช้รักษาของหลี่เหลียง?”
หัวใจของซูเฉินเริ่มเต้นแรง ปลดปล่อยพลังจิตเขาห่อหุ้มแก่นผลึกนี้ แล้วค่อยๆดึงมันออกมา
“ซูเฉิน ถ้าแกกล้าดึงเอาแก่นผลึกออกจากหัวฉัน นายท่านปีศาจจะไม่มีวันยอมปล่อยแกไป!” หลี่เหลียงส่งเสียงขู่อย่างบ้าคลั่ง
ซูเฉินคิดนำแก่นผลึกออก นี่ทำให้หลี่เหลียงรู้สึกหวาดกลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้
‘ดูเหมือนการคาดเดาของฉันจะถูกต้อง’ ซูเฉินเยาะเย้ยในใจ เพิ่มพลังแห่งจิตวิญญาณยิ่งกว่าเดิม สุดท้ายดึงเอาแก่นผลึกออกมาได้ในคราวเดียว
“ซูเฉิน แกจะต้องไม่ตายดี …”
หลังจากที่สูญเสียแก่นผลึก หัวของหลี่เหลียงก็พังทลายลงอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตาสลายเป็นความว่างเปล่า เหลือเพียงเสียงฟู่ๆ ที่แฝงไปด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจทิ้งเอาไว้
10/10
Ep.560
การตายของหลี่เหลียง ชักนำหมอกสีเทาที่ปกคลุมรอบๆหายไปเช่นกัน
พวกซอมบี้ก็เหมือนจะตระหนักถึงมัน เริ่มกระสับกระส่าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าผู้ฝึกตนเลเวล 6 ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
เพื่อตรวจว่าพลังพิเศษในการฟื้นคืนชีพของหลี่เหลียงหายไปแล้วจริงๆหรือไม่ ซูเฉินเหยียดมือ และยิงเวทย์ไฟออกไป
เห็นแค่เพียงบอลไฟขนาดเท่าอ่างล้างหน้าตกลงกลางฝูงซอมบี้ ยามระเบิดดั่งภูเขาไฟปะทุ ซอมบี้หลายร้อยตัวถูกสังหารลงในจุดนั้นทันที
และหลังจากที่ซอมบี้เหล่านั้นตาย ก็มีเศษชิ้นส่วนจำนวนมากสะท้อนแสงขึ้นมาจากศพ
การที่สามารถดรอปชิ้นส่วนได้ แสดงว่าซอมบี้พวกนี้ตายแล้วจริงๆ ไม่อาจฟื้นคืนชีพได้อีก
เห็นแบบนี้ มุมปากของซูเฉินยกยิ้ม หันไปกล่าวกับ [รถศึกอัจฉริยะ] ว่า “เสี่ยวจือ กวาดล้างพวกซอมบี้ให้หมด!”
“น้อมรับคำสั่ง”
[รถศึกอัจฉริยะ] เปิดโหมดสังหาร เริ่มไล่ฆ่าซอมบี้อย่างบ้าคลั่ง
ส่วนซูเฉินกวาดตามองไปอีกทาง แต่แล้วเขาก็ต้องพบกับเรื่องคาดไม่ถึง
เพราะเวลานี้ หงส์เพลิงและชายชุดขาวหายไปแล้ว
ก่อนหน้านี้ เขาปล่อยสัตว์เลี้ยงวิญญาณทั้งสามตัวโอบล้อมชายชุดขาวเอาไว้ เป็นไปได้ไหมว่าอีกฝ่ายจะหนีไปแล้ว?
ด้วยความสงสัย ซูเฉินจึงเอ่ยถาด้วยความกังวลว่า “เสี่ยวปา แล้วหงส์เพลิงกับมนุษย์คนนั้นไปไหนแล้ว?”
เต่าทรราชปราณฟ้าเหยียบย่ำซอมบี้ฝูงหนึ่งในคราวเดียว หันมามองซูเฉิน “เจ้านาย ชายคนนั้นใช้เทคนิคเคลื่อนอัสนีหลบหนีไปแล้ว ตอนนี้หงส์เพลิงกำลังไล่ตามไป”
“เทคนิคเคลื่อนอัสนี?” ซูเฉินทวนคำ เขาไม่เคยได้ยินชื่อเทคนิคเคลื่อนอัสนีมาก่อน
แต่จะยังไงก็ตาม อีกฝ่ายสามารถหนีจากการปิดล้อมของสัตว์เลี้ยงวิญญาณทั้งสามตัว เห็นได้ชัดว่าเทคนิคนี้ร้ายกาจมาก
หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
ซูเฉินก็ตัดสินใจเรียกต้นหลิววัชระออกมา เอ่ยสั่งว่า “เสี่ยวหลิว ฆ่าพวกซอมบี้ให้หมด แล้วจับกุมเผ่าอมตะทั้งสามตนไว้ ฉันอยากเค้นข้อมูลจากพวกมัน”
“ขอรับ”
ต้นหลิววัชระตอบกลับ เริ่มทำหน้าที่ของตนทันที อ้อมไปดักเผ่าอมตะตนแรกที่คิดหลบหนีไป
ซูเฉินกระโดดขึ้นฟ้า ทะยานไปบนอากาศแล้วกวาดสายตามองรอบๆ ไม่นานก็พบร่องรอยของหงส์เพลิง เร่งเปิดใช้งาน [รองเท้าเพิ่มความเร็ว] แล้วไล่ตามไป
ชายชุดขาวมีส่วนเกี่ยวข้องกับที่อยู่ของต้นผลสายฟ้าห้าสาย ซูเฉินจะไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายไป
ส่วนเรื่องซอมบี้ 100,000 ตัวในศึกนี้ แม้จะมีจำนวนมาก แต่เลเวลไม่ได้สูงอะไร
ด้วย [รถศึกอัจฉริยะ] กับการร่วมมือของสัตว์เลี้ยงวิญญาณเลเวล 6 สองตัว และต้นหลิววัชระที่มีกำลังรบไม่ด้อยไปกว่าเขา น่าจะสามารถกวาดล้างพวกมันได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ
ซูเฉินวิ่งไปตลอดทาง ไม่นานก็มาถึงขอบหน้าผา
ณ ขณะนี้ หงส์เพลิงกำลังยืนอยู่บนขอบหน้าผา ก้มมองลงไป
ซูเฉินลดระดับลงมา เดินไปข้างหงส์เพลิง เอ่ยถามว่า “เสี่ยวเหยียน เจ้าหมอนั่นหายไปไหนแล้ว?”
“เจ้านาย เขาหนีเข้าไปในชั้นสสารพิษ” หงส์เพลิงตอบกลับทันที
“เข้าสู่ชั้นสสารพิษแล้ว?”
ซูเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย หรี่ตากวาดมองลงไปยังก้นหน้าผา
เห็นแค่เพียงหมอกสีดำพลุ่งพล่าน ให้ความรู้สึกน่าขนลุกและสยดสยองแก่ผู้คน กะดูด้วยสายตา เหมือนว่าจะมองลึกลงไปได้แค่ไม่เกิน 50 เมตรเท่านั้น
“เจ้านาย ชายผู้นั้นหนีเข้าไปในชั้นสสาร เขาคงตายแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย” หงส์เพลิงเสนอความคิดเห็น
มันอยู่ในเกาะหวังซวี่มานานหลายทศวรรษ ย่อมเคยได้ยินเรื่องความน่ากลัวของชั้นสสารพิษ
มีข่าวลือว่า กระทั่งผู้แข็งแกร่งระดับเทวะ ที่อาจหาญเข้ามา ก็ยังต้องตกตาย
ขณะที่ชายชุดขาวมีเลเวลแค่ 6 เท่านั้น การบุกเข้าไป คงต้องตายไม่มีโอกาสรอด
แต่ซูเฉินไม่คิดอย่างนั้น
เนื่องจากชายชุดขาวมีเทคนิคเคลื่อนอัสนีอยู่ในมือ อีกฝ่ายย่อมไม่มีทางแสวงหาความตายด้วยตัวเองแน่ๆ หากไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย
เราระลึกย้อนถึงเหมิงเซิ่ง ว่าอีกฝ่ายเข้าไปในชั้นสสารพิษ แล้วยังสามารถรอดชีวิตกลับออกมาได้
จากสองประเด็นนี้ เมื่อนำมาเชื่อมเข้าด้วยกัน ซูเฉินแทบจะมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าชายชุดขาวต้องมีไพ่อะไรบางอย่าง เขาถึงกล้าเข้าไปในชั้นสสารพิษ
