เคล็ดวิชาซ่อนปราณ
“เดี๋ยวก่อนสิครูหลินคนสวย มันไม่ใช่อย่างที่ครูคิดหรอกนะครับ พอดีวันนี้ผมมาฝึกใช้พลังที่นี่แล้วดันถูกฟ้าผ่าใส่ทำให้เสื้อผ้าถูกเผาไปหมดน่ะครับ มองตาผมสิ ผมเป็นผู้บริสุทธิ์นะ!” ราฟรีบแก้ตัวทันทีเพราะไม่อยากให้เรื่องที่เขาเป็นชีเปลือยในเทือกเขาถูกแพร่กระจายออกไป เพราะแค่ข่าวลือของเจ้าของร่างคนก่อนก็ทำให้เขาต้องกลายเป็นคนโรคจิตในสายตาคนอื่นมากพอแล้ว
“ไม่ต้องพูดมากแล้ว ตอบฉันมาตามตรง นายเป็นคนดูดกลืนสายฟ้าสวรรค์ด้วยร่างกายของนายจนหมดใช่มั้ย? ...อย่าปฏิเสธซะให้ยาก เพราะฉันมองด้วยเนตรสายฟ้าประจำตระกูลของฉันแล้ว”
ขณะที่ราฟกำลังจะอ้าปากพูดปฏิเสธ หญิงสาวก็พูดดักทางแล้วชี้นิ้วไปที่ดวงตาของเธอที่เรืองแสงสีฟ้าอ่อน ๆ ออกมา
“เง่ะ แล้วจะให้ผมตอบทำไมครับ ในเมื่อครูรู้คำตอบอยู่แล้ว” ราฟอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้ พร้อมกับรู้สึกตกใจที่ถูกหญิงสาวมองออก
‘เดี๋ยวนะ เนตรสายฟ้า? ของตระกูลหลิน? ชิบหาย!’ เมื่อราฟคิดถึงสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าพูดออกมา ราฟก็ตั้งการ์ดระวังตัวทันที เพราะเขากลัวว่าจะถูกหลินอิงอิงที่เป็นคนของตระกูลหลินเอาเรื่อง
“ไอ้ท่าทางเหมือนกับเห็นฉันเป็นศัตรูแบบนั้นนั่นมันอะไรกันน่ะเจ้าบ้านี่ ฉันไม่ได้จะมาทำร้ายนายสักหน่อย อีกอย่างเรื่องพลังของนายน่ะ ฉันรู้ตั้งแต่ตอนที่นายดูดซับทัณฑ์มังกรสายฟ้าของฉันที่ห้องสภานักเรียนแล้วล่ะ เพราะงั้นถ้าฉันจะทำร้ายนายฉันทำตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพราะดันแอบดูดพลังปราณของฉันไปนี่นะ แล้วอีกอย่าง...ไปหาที่หลบซะ ฉันไม่อยากตาบอด” หลินอิงอิงกล่าวขึ้นยิ้ม ๆ พร้อมกับมองนักเรียนของเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยนและใบหน้าที่แดงเล็กน้อยหลังจากเห็นร่างกายกำยำของราฟ มันทำให้เธอนึกถึงตอนที่เจอเขาที่หอพัก...หญิงสาวรีบสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปทันที
จากสายตาของเธอที่มองผ่านเนตรสายฟ้า เธอมองเห็นว่าร่างกายของราฟเต็มไปด้วยยสายฟ้าที่ไหลผ่านไปทั่วร่างของชายหนุ่มเสมือนว่าเขาคือต้นกำเนิดของสายฟ้า หลินอิงอิงมองได้สักพักก็รีบเลิกใช้เนตรสายฟ้าทันทีเพราะเธอรู้สึกแสบตากับปริมาณของสายฟ้าของนักเรียนเธอ
‘ปริมาณสายฟ้านี่มันอะไรกัน ขนาดพ่อของเรายังเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ เหมือนกับเจ้าเด็กนี่ไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นเทพสายฟ้าจำแลงมาอย่างนั้นแหละ นี่ถ้าคนในตระกูลเห็นเข้าคงอยากจับเขาเข้าตระกูลแน่ ๆ แต่คนนิสัยเพี้ยนอย่างเขาจะยอมอยู่ในตระกูลเฉย ๆ งั้นเหรอ? มีหวังได้ก่อนเรื่องไม่เว้นวันแน่ ไม่ได้การละ ฉันต้องหาวิธีที่จะทำให้เขาไม่ถูกตรวจเจอจากคนตระกูล ทำยังไงดีเนี่ยเรา คิด ๆ ๆ...อ๊ะ วิธีนี้น่าจะได้ผลแฮะ’ หลังคิดเสร็จหลินอิงอิงก็ได้หยิบกระดาษเปล่าในกระเป๋าของเธอขึ้นมา แล้วหลับตาของเธอลงพร้อมยื่นมือทั้งสองข้างออกมา โดยมือซ้ายปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาทำให้กระดาษลอย ส่วนมือขวาได้วาดมือไปมากลางอากาศพร้อมกับมีสายฟ้าแลบออกมา และกระดาษก็เริ่มมีตัวหนังสือเกิดขึ้นมาท่ามกลางความแปลกใจของราฟที่ยื่นหัวออกมาดูโดยที่ตัวแอบอยู่หลังต้นไม้ตามคำสั่งของหญิงสาว เมื่อเวลาผ่านไปสักพักหลินอิงอิงก็ลืมตาขึ้นแล้วยื่นกระดาษไปให้ชายหนุ่ม
ราฟที่ยื่นมือออกไปรับกระดาษมาก็มองมันด้วยความสนใจ ภาษาที่หลินอิงอิงเขียนเป็นภาษาของโลกใหม่ที่เขาไม่รู้จัก แต่สามารถอ่านได้ด้วยความทรงจะของร่างนี้
“เคล็ดวิชาซ่อนปราณ? มันคืออะไรเหรอครับ?” ราฟถามด้วยความสงสัย
“มันเป็นวิชาที่จะทำให้ผู้ใช้กลบกลิ่นอายปราณของตัวเองได้น่ะ ยิ่งเชี่ยวชาญมากเท่าไหร่ก็ยิ่งกลบปราณได้มากเท่านั้น ถ้านายเชี่ยวชาญจนถึงระดับแก่นแท้จริง ๆ ต่อให้นายเจอคนที่มีความสามารถเรื่องการตรวจจับ นายก็จะเป็นเหมือนคนธรรมดาที่ไม่มีพลังในสายตาของพวกเขา...เอ๋ นี่นาย ทำได้ทันทีเลยงั้นเหรอ?” หญิงสาวพูดยังไม่ทันจบ กลิ่นอายสายฟ้าที่รุนแรงจนหลินอิงอิงที่ไม่ต้องใช้เนตรสายฟ้าก็ยังคงสัมผัสได้ อยู่ ๆ ก็หายไปเหมือนกับว่าเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น
“หือ ผมก็แค่นึกภาพตามมันก็ได้เลย” ราฟพูดด้วยเสียงเรียบ ๆ แต่ในใจของเขาตอนนี้รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
‘ว่ะ 555 ประสาทสัมผัสที่ดีขึ้นมันทำให้เข้าใจอะไรได้ง่ายขึ้นหลายเท่าเลยแฮะ ดูหน้าครูคนสวยสิ อึ้งกิมกี่ไปเลย ฮี่ ๆ ต่อไปนี้เราคือราฟสไตน์ เคี๊ยก ๆ…แค่ก ๆ เสียงหัวเราะดูชั่วร้ายไปแฮะ เอางี้ดีกว่า ก๊าก ๆ’
ในขณะที่ราฟคิดเรื่องไร้สาระในใจด้วยใบหน้านิ่งประหนึ่งเซียนที่น่านับถืออยู่นั้น หลินอิงอิงได้ช็อคไปเป็นที่เรียบร้อย
‘การเรียนรู้ในชั่วพริบตา!? พลังของเขามันแค่ดูดซับพลังแปลงเป็นพลังกายนี่ แสดงว่าเจ้าเด็กนี่เป็นอัจฉริยะตั้งแต่แรกแล้วงั้นเหรอ?’ หญิงสาวคิดพร้อมกับนึกถึงตอนที่ชายหนุ่มใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนอย่างไร้ตัวตน
‘ชะ ช่างเป็นการใช้ชีวิตที่สิ้นเปลืองอะไรเช่นนี้’ หลินอิงอิงได้แต่เอามือก่ายหน้าผาก จากนั้นเธอก็เลิกสนใจ เพราะถึงเขาจะเป็นอัจฉริยะ แต่เขาได้เลือกใช้ชีวิตแบบนี้แล้ว เธอไม่อยากเขาไปก้าวก่ายชีวิตนักเรียนของเธอ เว้นแต่ตอนที่เขาก่อเรื่องล่ะนะ
ที่สำคัญกว่านั้นคือหลินอิงอิงอยากรู้ว่าราฟจะไปได้อีกไกลแค่ไหน
“ว่าแต่ครูหลิน ครูไม่โกรธเหรอที่ผมเอาสายฟ้าของตระกูลครูไปน่ะ?” หลังจากราฟเลิกคิดไร้สาระเสร็จ เขาก็เลิกเก๊กขรึมแล้วถามหญิงสาวด้วยความสงสัย
“ไม่หรอก พลังพวกนั้นก็สำคัญจริง ๆ นั่นแหละ เพราะพลังที่เหลือจากเขตแดนเทพสายฟ้าพวกนั้นทางตระกูลฉันจะเอาไปทำเป็นคัมภีร์เรียกสายฟ้าออกมาโจมตีสัตว์อสูรแทนน่ะ แต่ตอนนี้คัมภีรพวกนั้นมีเยอะเต็มคลังจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว จะเอาไปขายก็ไม่ได้ เพราะคนที่ใช้ได้ทีแค่คนตระกูลหลินเท่านั้น มันเป็นกฎของตระกูล ส่วนเรื่องพลังส่วนเกินที่ถูกเก็บไว้ใช้ครั้งต่อไปมันมีเหลือเยอะพอแล้ว นายลองคิดดูสิ ตลอดการระยะเวลาพันปี คิดว่าจะมีพลังงานเหลือให้ใช้ขนาดไหนกันล่ะ” หลินอิงอิงอธิบาย
‘ความรู้ใหม่แฮะ แต่ก็ดีแล้วที่ไม่เกิดปัญหาตามมา’ ราฟยิ้มกว้าง (เอ็งแหละสร้างปัญหาให้เขา)
ราฟบอกขอบคุณครูสาว แล้วขอตัวกลับหอไปเตรียมตัวเพื่อไปรับโทษที่ประตูมิติระดับ C พรุ่งนี้
หลินอิงอิงพยักหน้า แล้วมองดูราฟเดินจากไปด้วยสายตาครุ่นคิด
‘พลังของเขาเลยระดับ C ไปไกลโขแล้ว อาจจะอยู่ระดับ A หรือระดับ S ได้เลย ในตอนนี้ประตูมิติระดับ C คงไม่ใช่บทลงโทษสำหรับเขา แต่เป็นของเล่นสำหรับเขามากกว่า ที่สำคัญคือตอนนี้โลกมีติงต๊องที่ดันแข็งแกร่งเพิ่มเข้ามาแล้วสินะ เห้อ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าโลกจะปั่นป่วนเพราะเจ้าหมอนี่กันนะ’
หญิงสาวเลิกคิดเลิกคิดเรื่องพวกนี้ เพราะเธอคิดว่าดีซะอีกที่มีคนแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น จะได้ช่วยทวงคืนเขตแดนมนุษย์มี่ถูกอสูรยึดครองกลับคืนมา
หลินอิงอิงได้แต่ภาวนาไม่ให้นักเรียนของเธอไปก่อเรื่องอะไรที่นั่นก็พอแล้ว