ออกเดินทาง
หลังจากราฟแยกตัวกับหลินอิงอิง เขาก็รีบกลับหอโดยการใช้ความเร็วสูงสุดที่คนปกติมองไม่เห็น แค่รู้สึกเหมือนกับว่ามีกระแสลมผ่านพวกเขาไปเท่านั้น
ราฟใช้เส้นทางที่ไม่ทำให้ใครว่าเขามาจากเทือกเขาหลังโรงเรียน เพราะกลัวว่าจะมีคนเอาไปเชื่อมโยงกับเหตุการณ์พลังงานที่หายไปของเขตแดนเทพสายฟ้า ทำให้เขาต้องใช้เวลานานมากกว่าเท่าตัวกว่าจะมาถึงที่หอพักของเขา
เมื่อราฟมาถึงหอพัก ก็เป็นช่วงเย็นแล้ว ชายหนุ่มผมเทาเดินไปหาวัตถุดิบมาทำอาหาร ซึ่งวันนี้เขาทำมากกว่าปกติเพราะในตอนที่กลับมาเขาใช้ความเร็วสูงสุดมากเกินไปทำให้แต่เดิมที่หิวอยู่แล้วกลายเป็นหิวมากกว่าเดิม
หลังจากเขาทานเสร็จ ราฟก็เตรียมเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวสำหรับ 1 สัปดาห์เพื่อไปประตูมิติพรุ่งนี้ จากนั้นเขาก็เข้านอนทันที
วันต่อมา
ราฟเดินทางแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายด้วยรถไฟลอยฟ้าพลังงานปราณที่เป็นนวัตกรรมที่ไม่เป็นพิษกับสิ่งแวดล้อม ตอนแรกที่เห็นมันเขาอดทึ่งกับการบริการสาธารณะของเมืองนี้ไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าเมืองอื่นจะเป็นยังไง แต่จากความทรงจำในร่างนี้ เมืองไอรีนเป็นเมืองที่เขาคิดว่าน่าอยู่ที่สุด เมื่อเทียบกับที่ ๆ เขาจากมาแบบทิ้งกันไม่เห็นฝุ่น ไม่ว่าจะเป็นการจราจร สาธารณสุข และเศรษฐกิจ ทั้งหมดถูกจัดสรรอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีมาก ไม่มีใครอดอยาก ไม่มีขอทาน ไม่มีคนตกงาน เพราะเมืองนี้สามารถหางานให้คนที่ต้องการได้เสมอ ทั้งหมดนี่ต้องยกให้ผู้บริหารของเมืองที่ถูกเลือกจากสมาคมผู้พิทักษ์ให้มาดูแลเมืองไอรีนแห่งนี้ ตอนแรกที่ผู้นำคนนั้นมา ชาวเมืองไอรีนไม่เห็นด้วยเพราะเห็นว่าเขายังอายุน้อยเกินไป แต่หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ต้องยอมรับในการบริหารจัดการเมืองของเขาที่ทำให้เมืองดีดีขึ้นกว่าแต่ก่อนหลายเท่า
หลังจากราฟลงมาจากรถไฟลอยฟ้า เขาก็เห็นชายสวมชุดสูทคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขาด้วยสายตาที่ดูหงุดหงิดและมีท่าทางเบื่อหน่ายพร้อมกับถามเขาเสียงเย็นชาว่า
“แกคือไอ้เด็กเส้นที่ถูกส่งมาเป็นปลิงเกาะพวกฉันสินะ”
“หา?” เมื่อราฟได้ยินคำพูดเสียดสีขอชายหนุ่มตรงหน้า เขาก็มองตาของชายหนุ่มคนนั้นพร้อมกับนึกสงสัยว่าทำไมการที่เขามารับโทษถึงกลายเป็นปลิงได้
ในตอนแรกราฟอยากซัดหมัดใส่ชายในชุดสูทแต่เขาหยุดความคิดนั้นเสียก่อน เพราะเขายังต้องอยู่ที่นี่อีก 1 สัปดาห์ การหาศัตรูเพิ่มมีแต่จะสร้างปัญหาในการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขของเขา อีกอย่าง...เขาขี้เกียจมีเรื่อง ถ้าเรื่องไม่มาหาเขาก่อน เขาก็คร้านจะไปยุ่งให้เปลืองพื้นที่สมองอันแสนมีค่าในการจำหนังโป...หนังสือของเขา
‘จะว่าไป โลกนี้มีหนังอย่างว่าป่าววะ ถ้าไม่มีแล้วเราทำนี่คือรวยเละ เหะๆๆ แค่กๆ’ ราฟเลิกคิดเรื่องอื่นแล้วหันมาถามคนตรงหน้า
“ทำไมคุณ(มึง)ถึงถามคำถามเหมือนเซบาสเตียนแบบนั้นล่ะครับ ผมแค่มารับการลงโทษจากทางโรงเรียนเอง ไม่ได้มาเป็นปลิงเกาะใครซักหน่อย” ราฟพูดพร้อมยิ้มยียวนกวนอวัยวะเบื้องล่าง(เท้า)
“เหอะ นั่นมันก็แค่ข้ออ้างของแกเท่านั้น มันไม่มีหรอกที่ประธานสภานักเรียนอย่างชิโรคามิ ซายะจะส่งนักเรียนระดับ F อย่างแกให้มาติดตามพวกฉันเข้าไปสู้กับอสูรระดับ A ได้ง่ายๆนอกจากจะเป็นลูกคุณหนูจากตระกูลผู้ก่อตั้งน่ะ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าแกจะไม่มีอภิสิทธิ์อะไรที่นี่ พวกฉันจะไม่ดูแลแก แต่จะทำหน้าที่ในการล่าอสูร เพราะฉะนั้นก็ดูแลตัวเองซะ แต่ระดับอย่างแกคงไม่รอดหรอก เหอๆ” ชายชุดสูทพูดพร้อมกับทำเสียงขึ้นจมูก
“ว่าไงนะ...หือ เมื่อกี้ว่าไงนะ อสูรระดับ A? ที่นี่ไม่ใช่ประตูมิติระดับ C หรอกเหรอ?” ราฟงง
“ระดับ C บ้าอะไร ที่นี่มันประตูมิติระดับ A โว้ย”
‘เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ตามที่ครูคนสวยบอกมาที่นี่เป็นประตูมิติระดับ C ที่พึ่งถูกค้นพบนี่ เธอยังบอกอีกว่ายัยประธานน้ำแข็งใสนั่นส่งมา...เดี๋ยวนะ! เห้อ เข้าใจละ แสบนักนะยัยประธาน!’ ราฟเอามือกุมหัวหลังจากเดาเรื่องคร่าวๆได้
ชายขุดสูทมองท่าทางของราฟและเริ่มเข้าใจขึ้นมาแล้วว่าทั้งสองฝ่ายโดนหลอก ท่าทางของเขาจึงอ่อนลงเล็กน้อย
“ดูเหมือนว่าจะเป็นการเข้าใจผิดสินะ ต้องขอโทษด้วยที่ทำตัวหยาบคาย งั้นขอแนะนำตัวใหม่ ฉันเจโรม เป็นผู้พิทักษ์ระดับ A สังกัดตระกูลชิโรคามิ” เจโรมยื่นมือขวาออกมาทักทาย
“อ้อ ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่เข้าใจกันก็พอ” ราฟพูดพร้อมกับยิ้มใสซื่อให้ชายตรงหน้า
‘ดูจากรอยยิ้มแล้วน่าจะเป็นคนดีใช้ได้แฮะ อืม...จากสถานการณ์ในตอนนี้เหมือนว่าเจ้าเด็กนี่จะโดนคุณหนูซายะหลอกให้มาสินะ เห้อ คงไปทำอะไรให้เจ้าหญิงเยือกแข็งอย่างเธอโกรธเข้าเลยต้องมาอยู่ที่นี่แทนประตูมิติระดับ C ระดับอย่างเขาคงเอาตัวรอดที่นี่ได้ยาก แต่ช่างเถอะ มันเป็นคำสั่งของผู้สืบทอดตระกูลนี่นะ เราแค่พาไปอยู่แค่ในฐาน 1 อาทิตย์ก็พอ’ เมื่อเจโรมคิดเสร็จเขาก็พูดกับราฟว่า
“ไอ้หนู ตามฉันมา”
“อะ โอ้วว” ราฟตอบรับแล้วเดินตามชายในชุทสูทไป
ระหว่างทางที่ราฟได้ตามเจโรมมา เขาพบว่าสถานที่ที่เป็นแหล่งกำเนิดประตูมิติแห่งนี้เต็มไปด้วยสัตว์มีพิษเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นงู กบ แมลงมีพิษทั้งหลาย แต่เมื่อพวกราฟเดินผ่านพวกมันก็ได้แค่หลบทางให้เท่านั้น
“มันคือไอเทมกันสัตว์มีพิษงั้นเหรอ” ราฟถามด้วยความสงสัย
“หือ ใช่ ไอเทมจำเป็นสำหรับเดินป่าน่ะ สร้างจากแก่นพิษของอสรพิษทมิฬ สัตว์อสูรระดับ A ถ้าอยากได้ก็ต้องเก็บเงินซื้อเอาจากร้านค้าอสูรเอาเองล่ะนะ”
‘น่าสนใจแฮะ แต่ร่างกายเราน่าจะดูดซับพิษพวกนี้ได้อยู่ดี สงสัย 7 วันที่เหลือต้องไปขอพิษจากพวกอสูรในป่านี่ซะแล้ว ฮี่ๆ
หลังจากตามเจโรมมาได้สักพัก ราฟก็เห็นสิ่งปลูกสร้างที่เหมือนกับฐานทัพขนาดย่อมๆ และมีผู้คนจำนวนหนึ่งในชุดเกราะกำลังฝึกซ้อมสู้รบกับสัตว์อสูรกันอย่างขยันขันแข็ง
เมื่อพวกที่ซ้อมรบเห็นผู้มาใหม่ พวกเขาก็ทักทายทันที
“หัวหน้า ยินดีต้อนรับกลับครับ/คะ!”
“เห นี่คุณพรี่เป็นหัวหน้าที่นี่เหรอ สุดยอดไปเลยน้า” ราฟพูดด้วยเสียงยานคางชวนตบจนเจโรมคิ้วกระตุก
“เด็กใหม่ เอาสัมภาระไปเก็บที่ห้องหมายเลข 51 แล้วมาฟังแผนการรับมือสัตว์อสูรในอีก 10 นาที” เจโรมสั่งชายหนุ่มเสียงเรียบ
“โอ้ว” ราฟรับคำแล้วเดินไปที่หอพักเพื่อหาห้องนอนของเขาทันที