Chapter 36 : อัพเกรดฐานรูน!
[แจ้งเตือนจากระบบ : รูนน้ำ -3 , รูนดิน -3 , รูนลม -3 , รูนไฟ -3 , ดวงวิญญาณ -5 , เหล็ก -50 , ทองแดง -50 , หิน -50 , ไม้ -50 , ทราย -50]
ไคลน์ถือคัมภีร์อัพเกรดระดับต่ำเอาไว้ในมือ
พอเขากดยืนยันการใช้งานทรัพยากรจำนวนมหาศาลก็หายวับไปกับตา
เช่นเดียวกับคัมภีร์ยกระดับความแข็งแกร่ง คัมภีร์ยกระดับฐานรูนเองเมื่อใช้งานก็สลายกลายเป็นเถ้าถ่านเช่นเดียวกัน
ยังไงก็ตามเถ้าที่ว่านี้ไม่ได้หลอมผสานเข้ากับร่างกายของไคลน์เหมือนกับคัมภีร์ยกระดับความแข็งแกร่ง
เถ้าที่ว่านี้จู่ๆก็ถูกสายลมจากที่ใดก็ไม่ทราบพัดปลิวว่อนไปทั่วทุกสารทิศภายในฐานรูน
จำนวนของเถ้ายิ่งนานเข้ายิ่งมากขึ้นเรื่อยๆราวกับฝูงผึ้งที่บินกวาดผ่านไปทั่วฐานรูน
เถ้าพวกนี้ลอยไปติดอยู่บนเพดานบ้าง พื้นดินบ้างหรือกำแพงบ้างจากนั้นไม่นานนักทั่วทั้งฐานรูนก็เริ่มสั่นไหวขึ้นมาพร้อมๆกับขนาดพื้นที่ที่ขยายออกจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
กำแพงเองก็สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
หนึ่งเมตร , สองเมตร , สามเมตร...
“โฮ่งๆๆ!”
จิ้งจอกน้อยที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างแตกตื่นรีบพุ่งตัวเข้ามาซุกอกไคลน์ด้วยความหวาดกลัว
เจ้าตัวน้อยตัวนี้แม้ในการต่อสู้จะห้าวหาญไม่น้อยแต่ในเวลาแบบนี้กลับไม่มีความกล้าเอาซะเลย เดาว่าคงพยายามทำตัวให้ดูน่ารักล่ะสิ!
ครืน!
ไคลน์รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพื้นดินใต้เท้าของเขายกตัวขึ้น
“นี่มัน...”
“เพิ่มชั้นหรอ?”
“หรือกำลังลอยอยู่?”
ไคลน์อดจินตนาการไปไกลไม่ได้
ถ้าลอยได้จริงๆก็คงดี!
กระบวนการอัพเกรดใช้เวลาไปหนึ่งนาทีเต็ม
[แจ้งเตือนจากระบบ : ฐานรูนได้รับการยกระดับแล้ว]
[แจ้งเตือนจากระบบ : ฐานรูนชั้นเยี่ยมยกระดับขึ้นเป็นฐานรูนระดับสมบูรณ์]
เมื่อเสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นฐานรูนก็หยุดสั่น
ของตกแต่งภายในฐานรูนในตอนนี้ถือได้ว่ากลายเป็นของใหม่ทั้งหมดเลยก็ว่าได้
ดูไปแล้วรายละเอียดของพวกมันยิ่งชัดกว่าก่อนหน้านี้อีก
กำแพงเองก็ขาวสนิทไร้มลทินและพื้นไม้เองก็ถูกประดับประดาเอาไว้ด้วยลวดลายแปลกตา
ยิ่งไปกว่านั้นภายในฐานรูนยังไม่ใช่ห้องเพียงห้องเดียวโดดๆอีกต่อไป
“นี่คือห้องนอนสินะ...แล้วนี่แถมเตียงไซส์ยักษ์มาให้หลังนึงด้วยเหรอเนี่ย?”
ดูเหมือนว่าห้องที่ไคลน์ยืนอยู่จะเป็นห้องนอนเนื่องจากมีเตียงนอนกับตู้เสื้อผ้าวางเอาไว้
แสงสว่างส่องผ่านหน้าต่างสองบานที่ติดอยู่บนกำแพงเข้ามา
ห้องนอนมีเพียงหนึ่งห้องเท่านั้นและพื้นที่ภายในห้องก็ไม่ได้แตกต่างไปจากก่อนอัพเกรดแต่อย่างใด
“ไปดูข้างนอกบ้างดีกว่า”
ไคลน์เดินออกจากห้องนอนมายังห้องโถงกลาง
ขนาดของพื้นที่ตรงนี้เทียบเท่ากับห้องนอนแต่มีเตาผิงใหม่เอี่ยมเพิ่มเข้ามาแทน
บริเวณด้านหน้าห้องโถงมีประตูเหล็กขนาดใหญ่ที่กึ่งเปิดกึ่งปิดติดเอาไว้
ไคลน์เดินไปที่ประตูแล้วมองออกไปด้วยความสงสัย
พื้นบริเวณด้านนอกไม่ใช่ทรายแต่อย่างใด
ไคลน์เดินออกไปและก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าตัวเองอยู่บนชั้นสอง เขาในตอนนี้กำลังยืนอยู่บนระเบียงที่ทำขึ้นมาจากหิน
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือฐานรูนของเขากลายเป็นอาคารขนาดย่อมไปแล้ว!
รอบๆบ้านของเขามีกำแพงหินครึ่งวงกลมที่สูงราวๆ1.2เมตรโผล่ขึ้นมา
ไคลน์ที่ยืนอยู่บนระเบียงมองไปมองมาอยู่ซักพักก่อนจะหันหัวกลับเข้าบ้านไป
“นี่มัน...ปราสาทโบราณรึไง?”
ไคลน์แสดงสีหน้าประหลาดๆออกมา
การตกแต่งภายในอาจจะค่อนข้างสมัยใหม่แต่การตกแต่งภายนอกกลับเป็นสไตล์ปราสาทยุคกลางที่โดยรวมแล้วมีสีสันค่อนไปทางมืดๆทึบๆ
“ลงไปดูชั้นล่างดีกว่า!”
ไคลน์เดินกลับเข้าไปยังห้องโถงและเดินลงไปตามบันไดวนจนไปถึงชั้นล่าง
พื้นที่ในชั้นล่างใหญ่และกว้างขวางกว่าชั้นบนอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ว่าจะเป็นเตาบาบิคิว ฟาร์มเพาะเนื้อและอื่นๆทั้งหลายต่างก็ถูกกองเอาไว้ที่ชั้นนี้ทั้งสิ้น
ประตูหลักเองก็เป็นประตูเหล็กเช่นเดียวกับประตูระเบียงบนชั้นสอง
ดูๆไปแล้วฐานรูนในตอนนี้น่าจะสูงราวๆสิบสองถึงสิบสามเมตรได้เรียกได้ว่าพอๆกับปราสาทขนาดเล็กเลย
ไคลน์เดินออกมาด้านนอกแล้วหันหน้าเข้าหาฐานรูนพร้อมกับเดินถอยหลังไปเรื่อยๆจนหลังชนเข้ากับกำแพงดิน
จิ้งจอกน้อยที่อยู่ข้างๆเองก็ทำแบบเดียวกันโดยที่เดินตามเขามาทุกย่างก้าว
ปราสาททั้งหลังเต็มไปด้วยกลิ่นอายหนักหน่วง โบราณและเรียบง่าย
ตั้งตระหง่านเช่นนี้ราวกับปราสาทที่ไม่อาจตีแตก
จากนั้นไคลน์ก็เดินทองน่องไปรอบๆฐานรูนของเขา
เขาค่อนข้างพอใจกับการอัพเกรดครั้งนี้ไม่น้อยเลย
ในโลกใบนี้เขาคงเป็นคนแรกและคนเดียวที่อัพเกรดฐานรูนแล้วอย่างแน่นอน!
...
หลังจากล้างเนื้อล้างตัวเสร็จเขาก็ทานอาหารเช้าแบบง่ายๆ
และเมื่อเขากลับมาตรวจสอบคำใบ้อีกครั้งก็พบว่าพวกมันเปลี่ยนไปแล้ว
[มีหีบสมบัติเหล็กรอท่านอยู่ในสุสานด้านหน้า ภายในนั้นอาจจะมีสิ่งของดีๆรอให้ท่านไปเก็บเกี่ยวแต่มีไนท์วิสเลอร์ผู้น่าสงสารอยู่สองตัวที่กำลังเร้นกายอยู่ภายในชั้นดิน พวกมันกำลังภาวนาขออย่าให้ถูกสิ่งมีชีวิตใดๆภายในโลกแห่งสุสานมาพบเจอเข้า]
ไคลน์ที่เห็นดังนี้ก็ไม่รอช้าหยิบเอาพลั่วขึ้นมาเริ่มทำการขุดทันที
หลังจากขุดมาได้ยี่สิบกว่าครั้งเขาก็พบเข้ากับหลุมดำอันคุ้นตา
เขาหยิบเอาใบพัดลอยลมออกมาใส่เอาไว้และถือใบดาบรูนความเร็วสูงเอาไว้ในมือข้างหนึ่งขณะที่อีกข้างหนึ่งกำหน้าไม้รูนเอาไว้แน่น
จากนั้นสองขาของเขาก็ก้าวเข้าสู่หลุมดำเบื้องหน้า!
ภายในสุสานแห่งที่ยี่สิบสาม
เมื่อเข้ามาถึงสิ่งแรกที่ไคลน์เห็นก็คือหีบสมบัติเหล็กที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
“ตรงนั้นสินะ...”
นอกจากนี้ไคลน์ก็ยังสังเกตุเห็นกองดินสองกองที่สุมอยู่ใกล้ๆกับหีบสมบัติเหล็กด้วยเช่นกัน
เมื่อลองมองดูอย่างละเอียดเขาก็พบว่าภายใต้กองดินนั้นมีดวงตาสองคู่กำลังจ้องมองมา
แน่นอนว่าสีของดวงตาพวกมันก็เป็นสีเดียวกับพื้นทรายเลยทำให้ดูออกยากเล็กน้อย
เรียกได้ว่าง่ายที่จะมองข้ามเลยก็ว่าได้
“โฮ่งๆ!”
จิ้งจอกน้อยแอบงับขากางเกงของไคลน์เบาๆเพื่อส่งสัญญาณ
ไคลน์ก้มลงทำทีเป็นปัดทรายออกจากเท้าแต่ในเวลาเดียวกันเขาก็ส่งเสียงเบาๆออกมาบอกกับจิ้งจอกน้อยว่า “ทำทีว่าไม่เห็นไปก่อน”
จิ้งจอกน้อยเองก็เข้าใจ
แม้ว่าในช่วงเวลากลางวันไนท์วิสเลอร์จะค่อนข้างอ่อนแอแต่พวกมันก็สามารถบินได้ดังนั้นการสังหารพวกมันทิ้งจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ดังนั้นเขาจึงคิดจะแสร้งทำเป็นเปิดหีบแล้วค่อยลอบจู่โจมพวกมันในตอนที่พวกมันไม่ทันตั้งตัว
‘ลดการป้องกันลงเมื่อไหร่ล่ะก็..!’
ไคลน์เดินต่อไปเรื่อยๆโดยที่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่หีบสมบัติเหล็กเหมือนเดิม
จิ้งจอกน้อยเองก็ตามมาติดๆด้วยท่าทีเชิดหน้าชูตาอย่างจองหองราวกับไม่สนใจกองทรายพวกนั้นเลย
หนึ่งบุรุษหนึ่งจิ้งจอกเดินผ่านกองทรายไป
ไคลน์หันหัวกลับมาและส่งสัญญาณให้จิ้งจอกน้อยเล็กน้อยก่อนจะชักเท้ากลับ
ในตอนนั้นเอง
กองทรายสองกองเองก็ค่อยๆขยับอย่างช้าๆ
ฟิ้ว!
เสียงนี้แผ่วเบาเป็นอย่างยิ่ง
ไนท์วิสเลอร์ทั้งสองตัวเผยกายออกมาแล้ว
ลักษณะของพวกมันดูคล้ายกับหมาป่าผสมกับกิ้งก่าไม่น้อย ร่างกายของพวกมันมีสีดำสนิทและมีลวดลายแปลกๆอยู่บนผิวหนัง บนหลังของพวกมันมีปีกอยู่คู่หนึ่งและปากเองก็ยาวเหมือนกับนกวีด
พวกมันดูเหมือนจะมีความคิดเดียวกันในหัวนั่นก็คือ – ลอบโจมตีอีกฝ่ายขณะหันหลังซะ!
ทันใดนั้นเองจิ้งจอกน้อยก็หันหัวกลับมาเช่นเดียวกับไคลน์ที่ชักดาบรูนรออยู่ก่อนแล้ว
ทั้งสองฝ่ายเข้าประชันหน้ากันพอดิบพอดี
ไคลน์แสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย
ไนท์วิสเลอร์ทั้งสองตัวตกตะลึงไปชั่วครู่ก่อนจะทราบแล้วว่าพวกมันกำลังตกอยู่ในอันตราย พวกมันจึงรีบกระพือปีกบินพยายามบินหนีขึ้นไปบนฟ้าในทันที
ฟิ้ว!
เงาดาบวาบผ่าน
หัวของหนึ่งในสองไนท์วิสเลอร์ถูกแยกออกเป็นสองส่วน
และในตอนที่ไนท์วิสเลอร์อีกตัวจะทันได้บินหนีขึ้นไปไคลน์ก็ก้าวเข้ามาและใช้ดาบของเขาแทงเข้าไปที่ลำคอของมันจนมิด
เมื่อเขาดึงดาบออกมาจากคอของมันเลือดก็ทะลักออกมาราวกับน้ำพุโลหิต