ตอนที่แล้วบทที่ 411 ท้าทาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 413 ไล่ออก!

บทที่ 412 ไอ้โง่นี่ใคร?(ตอนฟรี)


บทที่ 412 ไอ้โง่นี่ใคร?

สมาคมศิลปะการต่อสู้และสโมสรอื่นๆของนักศึกษาส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในอาคารคอมเพล็กซ์ของสหพันธ์มหาวิทยาลัย  พื้นที่ของที่นี่กว้างขวางมาก แถมยังปล่อยให้เช่า และเมื่อนักศึกษาเช่าแล้ว พวกเขาสามารถตกแต่งและออกแบบภายในตามสไตล์ที่ตัวเองต้องการได้

อย่างไรก็ตาม บางองค์กรที่เป็นกีฬาอย่างเช่นสมาคมกังฟู สมาคมเทควันโดหรือสมาคมอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับศิลปะการต่อสู้และกีฬาในร่มส่วนใหญ่อยู่ที่ชั้นหนึ่งหรือชั้นใต้ดินของอาคารคอมเพล็กซ์

เหตุผลง่ายๆคือ ถ้าจัดสรรให้องค์กรเหล่านั้นอยู่ชั้นบน เพียงแค่การกระโดดโลดเต้นในทุกๆวัน พื้นก็อาจจะประสบปัญหาการรับน้ำหนักที่มากเกินไป ประกอบกับผลกระทบที่อาจจะเกิดจากการส่งเสียงดังไปที่ชั้นล่าง ทางสหพันธ์มหาวิทยาลัยจึงจัดการออกมาในลักษณะนี้

โชคดีที่อาคารคอมเพล็กซ์มีพื้นที่ที่ใหญ่มาก ใช้แค่ชั้นแรกและชั้นใต้ดินก็เพียงพอแล้วสำหรับองค์กรประเภทนี้

สมาคมกังฟูอยู่สุดทางทิศตะวันออกของชั้น 1 พื้นที่ของสมาคมมีขนาดเท่ากับห้องเรียนขนาดปกติ 2 ห้อง พื้นที่ครึ่งหนึ่งมีไว้สำหรับฝึกฝน และอีกครึ่งหนึ่งใช้เป็นห้องสำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้าและห้องอาบน้ำ

แน่นอนว่ายังมีห้องเล็กๆ ที่มีขนาดประมาณ 20 ตารางเมตร ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับประธานและรองประธานสมาคมได้ปรึกษาหารือเรื่องต่างๆ หรือจะเรียกว่าเป็นห้องประชุมขนาดเล็กก็ได้ ปกติแล้วหากมีเรื่องเล็กๆน้อยๆ พวกเขาจะพูดคุยปรึกษาหารือกันที่นี่ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกทุกคนพวกเขาจะเลือกใช้พื้นที่ฝึกซ้อมด้านนอกเป็นที่ประชุม สมาชิกทุกคนจะนั่งบนพื้นซึ่งเป็นอะไรที่ง่ายและสะดวก

ในความเป็นจริง ตั้งแต่ตอนเริ่มก่อตั้งสมาคมกังฟู สมาชิกทุกคนก็มารวมตัวกันที่ห้องซ้อมอยู่แล้ว ส่วนห้องประชุมขนาดเล็กเพิ่งสร้างเพิ่มขึ้นมาทีหลัง

เมื่อจี้เฟิงและคนอื่นๆมาถึงที่นี่หลังจากที่รับประทานอาหารกลางวันเสร็จ พวกเขาก็พบแต่ความว่างเปล่า ในห้องฝึกซ้อมไม่มีใครอยู่เลย มีเพียงกระสอบทรายไม่กี่อันแขวนอยู่ และยังมีอุปกรณ์การฝึกง่ายๆไม่กี่อย่าง แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของใครเลย

“ที่นี่คือสมาคมศิลปะการต่อสู้กังฟู?” จางเล่ยรู้สึกกระจ่างชัดขึ้นมาทันทีเขายิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสาวๆถึงได้เทใจไปที่สมาคมเทควันโดกันหมด! ห้องแบบนี้จะไปเทียบอะไรกับคนอื่นได้!”

ตู้เส้าเฟิงและคนอื่นๆจากสมาคมกังฟูรู้สึกอับอายเล็กน้อย เพราะที่นี่มันก็ดูโทรมอยู่หน่อยๆ จริงๆแล้วจะเรียกว่าสมาคมมันอาจจะดูดีเกินไป เพราะเท่าที่เห็นมันเป็นแค่ห้องฝึกซ้อมที่ว่างเปล่าเท่านั้น!

“นายนี่หยาบคายชะมัด!” ตู้เส้าเฟิงพูดเสียงอู้อี้ “การยินดีกับความโชคร้ายของคนอื่นนี่มันไม่ดีเลย นายต้องคิดสิว่าจะทำยังไงให้สมาคมกังฟูของเราแข็งแกร่งขึ้น! พวกเราจะได้สามารถเอาชนะสมาคมเทควันโดได้ ด้วยวิธีนี้จะทำให้ผู้หญิงที่นายชอบไม่ไปหมกมุ่นอยู่กับหัวหน้าทีมของสมาคมเทควันโดอีก...”

ก่อนที่เขาจะพูดจบก็ถูกจางเล่ยถลึงตาใส่  “เหล่าตู้ ก่อนหน้านี้ฉันบอกนายไว้ว่ายังไง? อย่าพูดมาก…”

จี้เฟิงที่อยู่ข้างๆเขาหัวเราะขึ้นมาทันที “เล่ยซือ ที่นายสนใจการแข่งขันระหว่างสมาคมกังฟูกับสมาคมเทควันโดมากขนาดนี้เป็นเพราะผู้หญิงที่นายชอบอยู่ในสมาคมเทควันโดนี่เองสินะ? พี่ชาย นายจำที่รับปากฉันไม่ได้แล้วใช่มั้ย?”

จางเล่ยหัวเราะแห้งๆและพูดว่า “มันก็ไม่ใช่เรื่องนั้นซะทีเดียว ดูสิ! เหล่าตู้ไม่ใช่เพื่อนของเราหรอกเหรอ? เขาลงแข่งขันประลองฝีมือทั้งที แน่นอนว่าเราก็ต้องสนับสนุนเขาอยู่แล้วใช่มั้ย? แล้วไหนๆ เราก็ไปเชียร์เพื่อนของเราอยู่แล้ว แถมยังได้เห็นอีกฝ่ายโชคร้าย เรื่องยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวแบบนี้ทำไมฉันถึงจะไม่ทำมันล่ะ?”

จี้เฟิงแค่นเสียงทันที “นาย... ฉันพอจะรู้แล้วล่ะว่าทำไมนายถึงได้คะยั้นคะยอให้ฉันมาที่นี่ขนาดนี้...”

ก่อนหน้านี้จางเล่ยเคยพูดถึงผู้หญิงที่เขาชอบอยู่หลายครั้ง ว่ากันว่าเธอชอบพออยู่กับหัวหน้าทีมคนหนึ่งของสมาคมเทควันโด ในตอนนั้นจี้เฟิงเหมือนจะพูดคุยกับเขาอยู่สองสามคำ และจี้เฟิงก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้อีกเลย แต่ไม่คิดเลยว่าผู้ชายคนนี้จะเก็บมันไว้ในใจของเขา!

“หึหึ!” จางเล่ยไม่มีความอายใดๆ เขาพูดขึ้นว่า “ที่จริงแล้วการทำแบบนี้มันก็ไม่เลวเหมือนกันแฮะ แบบนี้จะได้ทำให้ผู้หญิงคนนั้นเห็นได้ชัดๆไปเลยว่า แท้จริงแล้วเทควันโดที่เธอชอบมันอาจจะไม่ได้ดีอย่างที่เธอคิด!”

จี้เฟิงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ผู้หญิงคนอื่นจะชอบใคร นั่นคือสิทธิเสรีภาพของคนอื่น แต่เจ้าหมอนี่กลับคิดแต่จะทำลายมัน ช่าง....

“เล่ยซือ ถ้าเรื่องนี้ฉันคงต้องขอบาย จะให้ฉันไปช่วยต่อยตีกับคนอื่น ฉันไม่ทำแน่นอน นายก็รู้สถานการณ์ของตัวเองดี ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นชอบนายเข้าจริงๆ นายคิดว่าการคบหากันของพวกนายมันจะเป็นไปได้มั้ย? อย่าทำร้ายความรู้สึกใครเลย!”

จางเล่ยรู้สึกเซ็งขึ้นมาทันที เขาส่ายหัวและพูดว่า “ช่วยไม่ได้ เรื่องแบบนี้มันก็เดาอนาคตกันยาก ต่อให้ฉันระวังมาก... เฮ้อ ช่างมันเถอะ ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว นายพูดถูก ฉันควรลืมมันไปซะ!”

จี้เฟิงอดยิ้มออกมาไม่ได้ จางเล่ยเป็นคนมีเหตุผลมาแต่ไหนแต่ไร แม้ว่าบางครั้งเขาจะเป็นคนหุนหันพลันแล่นไปบ้าง แต่เขาก็สามารถแยกแยะได้ว่าเรื่องไหนหนักเรื่องไหนเบา

“ถ้านายอยากมีชีวิตที่ดี ก็อย่าไปยุ่งกับเธอเลย!” จี้เฟิงยิ้ม “เอาล่ะ บอกฉันมาว่าพวกนายพาฉันมาที่นี่ทำไม? ไม่เห็นจะมีใครอยู่ หรือการแข่งขันตอนบ่ายจะเกิดขึ้นที่นี่?”

“แน่นอนอยู่แล้วว่าไม่ใช่ สถานที่ของเรามันเล็กเกินไป แล้วพวกเราก็ไม่มีลานประลองด้วย!” เหลียงฟ่านพูดว่า “ที่เราพานายมาที่นี่เพราะตอนนี้ประธานกับรองประธานอยู่ที่นี่ เขาน่าจะอยู่ในห้องแต่งตัว ฉันไปดูแป็บ!”

“งั้นฉันจะไปดูที่ห้องประชุมเล็ก!” ซูป๋อพูด

ทั้งสองเดินไปทันที จี้เฟิงคว้าตัวจางเล่ยและดึงเขามาไว้ข้างๆและกระซิบว่า “เล่ยซือ นายจำสิ่งที่ฉันบอกนายได้ใช่มั้ย? อย่าคิดฟุ้งซ่านอีก เว้นแต่ว่านายจะได้รับความยินยอมจากที่บ้าน ไม่อย่างนั้นมันจะเท่ากับว่าเป็นการทำร้ายผู้หญิงคนอื่น!”

จางเล่ยยิ้มและพูดว่า “เจ้าบ้า นายน่าจะรู้จักฉันดี ถ้าฉันยอมปล่อยวาง มันคงเป็นเรื่องโกหก แต่นายไม่ต้องห่วง ฉันรู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ ฉันจะไม่ทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าแน่!”

“บ่ายนี้ถ้านายเจอหัวหน้าทีมเทควันโดคนนั้นหรือเจอผู้หญิงที่นายชอบ นายห้ามโมโหโอเคมั้ย?” จี้เฟิงยังคงรู้สึกไม่วางใจ และอดไม่ได้ที่จะกำชับเขา

“ตราบใดที่พวกนั้นไม่ได้มายั่วโมโหฉัน ฉันก็จะไม่เป็นฝ่ายไปหาเรื่องพวกนั้นก่อน แบบนี้โอเคแล้วใช่มั้ย?” จางเล่ยพูดกระแทกเสียง

จี้เฟิงปล่อยเขาและพ่นลมออกจมูก “ถ้านายกล้าทำอะไรบุ่มบ่าม อย่าหาว่าฉันขี้ฟ้องก็แล้วกัน!”

จางเล่ยเหมือนจะลืมหายใจ จากนั้นไม่นานก็พ่นลมออกจมูก “นายจะเอาเล่ยเล่ยมากดดันฉันไม่ได้! ถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นแบบนี้ ฉันคงไม่แนะนำเล่ยเล่ยให้นายหรอก ทำไมน้องเขยของฉันถึงได้เป็นคนที่ไร้ยางอายแบบนี้!”

จี้เฟิงหัวเราะ “ตอนนี้เพิ่งจะมารู้สึกเสียใจ มันสายไปแล้ว! ฮ่าๆๆ”

ตู้เส้าเฟิงเองก็หัวเราะคิกคักอยู่ข้างๆเช่นกัน “จางเล่ย ตอนนี้พวกเขามีกันสองคน ส่วนนายเป็นแค่คนโสด นายคนเดียวสู้พวกเขาไม่ได้หรอก ยอมรับเถอะ!”

จางเล่ยเบ้ปากและกล่าวว่า “นี่ฉันหัวเดียวกระเทียมลีบแล้วจริงๆสินะ แม้แต่เหล่าตู้ก็พูดกับฉันแบบนี้!”

ตู้เส้าเฟิงและจี้เฟิงก็หัวเราะออกมาพร้อมกันทันที จางเล่ยก็หัวเราะไปด้วยเช่นกัน

ในตอนนั้นเอง ซูป๋อและคนอื่นก็เดินออกมาจากห้องประชุมเล็ก เหลียงฟ่านก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัวเช่นกัน

“พวกเขามาแล้ว” ตู้เส้าเฟิงพูดเบาๆ “คนที่เดินนำหน้าสุดคือฮั่นเจิ้นเฟิง ประธานสมาคมศิลปะการต่อสู้กังฟู!”

จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร เขามาที่นี่เพื่อมาเป็นผู้ชมและทำความรู้จักกับฮั่นเจิ้นเฟิงเท่านั้น

“เส้าเฟิง จางเล่ย พวกนายมาแล้ว!” ฮั่นเจิ้นเฟิงเดินเข้ามาหาพวกเขาและทักทายด้วยรอยยิ้ม “นี่คือ...”

“จี้เฟิง ฉันเป็นเพื่อนกับจางเล่ยแล้วก็เหล่าตู้ พอดีได้ยินมาว่าเหล่าตู้จะเขาร่วมการแข่งขันประลองฝีมือในตอนบ่าย ฉันเลยตั้งใจจะมาเชียร์เขาเป็นพิเศษ!” จี้เฟิงยิ้ม

“อ้อ นายคือจี้เฟิงนี่เอง!” ดวงตาของฮั่นเจิ้นเฟิงเป็นประกาย เขายิ้มทันทีและกล่าวว่า “ฉันเคยได้ยินเส้าเฟิงพูดถึงนายมานานแล้ว เขาบอกว่าฝีมือการต่อสู้ของนายแข็งแกร่งมาก และฉันก็เคยได้ยินชื่อเสียงของนายจากบอร์ดมหาลัยมาไม่น้อย ยินดีที่ได้รู้จักนะ!”

จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “ฉันก็เหมือนกัน!”

“ได้นายมาเข้าร่วม ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ครั้งนี้ฉันมั่นใจมากว่าเราจะสามารถเอาชนะสมาคมเทควันโดได้อย่างแน่นอน!” ฮั่นเจิ้นเฟิงกล่าวอย่างมีความสุข

จี้เฟิงส่ายหัวและรีบอธิบายทันที “ขอโทษด้วย วันนี้ฉันมาเพื่อเป็นผู้ชมเท่านั้น ฉันแค่อยากมาให้กำลังใจเหล่าตู้ ส่วนเรื่องอื่นๆฉันขอเอาไว้ก่อนแล้วกันนะ ฉันยังไม่อยากเข้าร่วมอะไรทั้งสิ้น”

“แบบนั้นจะดีเหรอ? จากที่ได้ยินมาด้วยฝีมือของนาย ถ้านายไม่เข้าร่วมจะเป็นอะไรที่น่าเสียดายมาก...” ฮั่นเจิ้นเฟิงกล่าวด้วยความเสียดาย “ทำไมนายไม่ลองคิดดูอีกทีล่ะ? ถึงยังไงตอนนี้ก็ยังเหลือเวลาอีกสักพักกว่าจะถึงเวลาประลอง”

จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้ม “ไม่ต้องคิดแล้ว ฉันไม่ชอบเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ เป็นแค่ผู้ชมจะดีกว่า!”

ความท้าทายระหว่างสมาคมของเหล่านักศึกษา สำหรับจี้เฟิงที่ผ่านการต่อสู้กับยอดฝีมืออย่างเทียนกั๋วถงมาแล้ว มันเลยไม่ค่อยน่าสนใจมากนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในบรรดานักศึกษาด้วยกันเอง เขาไม่คิดว่าจะมียอดฝีมืออย่างเทียนกั๋วถงอยู่อีก ดังนั้นการเข้าร่วมการประลองกับพวกเขาไม่น่าจะได้ประโยชน์อะไร

นอกจากนี้ จี้เฟิงไม่ใช่คนที่ชอบกีฬาประเภทศิลปะการต่อสู้ เพราะทักษะที่เขาเรียนส่วนใหญ่ล้วนเอาไปใช้ในความเป็นจริง เจ็บจริง กระดูกหักจริง และตายจริง! นอกจากนี้เขาเองก็ไม่ชอบที่จะต้องไปประลองฝีมือกับใคร ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยสนใจที่จะเข้าร่วมการแข่งขันในวันนี้

ถ้าไม่ใช่เพราะการแข่งขันการประลองนี้มีตู้เส้าเฟิงเข้าร่วมด้วย จี้เฟิงก็คงไม่มา

ใครจะรู้ว่าทันทีที่เขาพูดจบ ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น “อะไรนะ? ไม่ชอบเรื่องแบบนี้? ... ไม่ใช่ว่าแสร้งทำตัวเป็นยอดฝีมือ แล้วพอถึงเวลาที่แสดงฝีมือจริงๆ ก็เลยไม่กล้า คงไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ใช่มั้ย?”

จี้เฟิงขมวดคิ้วและเหลือบมองไปยังคนที่พูด

เขาเป็นนักศึกษาที่สวมชุดกีฬาของหลี่หนิง (LI-NING) เขาเดินเข้ามาพร้อมกับขยับข้อมือและเช็ดกำปั้นของเขาเป็นครั้งคราว ราวกับคนที่กำลังอุ่นเครื่องก่อนมีเรื่อง

จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร

สีหน้าของฮั่นเจิ้นเฟิงเปลี่ยนไปทันที “เยี่ยนเฟย อย่าพูดเหลวไหล!”

ในใจของฮั่นเจิ้นเฟิงไม่สบอารมณ์มาก เยี่ยนเฟยทำเรื่องที่มากเกินไป ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเป็นฝ่ายไปหาเรื่องคนของสมาคมเทควันโดก่อน ตอนนี้ก็คงไม่ต้องมาปวดหัวเรื่องการประลองกับสมาคมเทควันโด ตอนนี้ต้องการจะหายอดฝีมือมาเข้าร่วมสักคนก็แสนจะยาก แต่เขากลับมาพูดจาแบบนี้อีก

“จี้เฟิง อย่าถือสาเขาเลย เขาก็เป็นแบบนี้...” ฮั่นเจิ้นเฟิงพยายามประนีประนอม แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ก็ได้ยินเสียงอันโวยวายของเยี่ยนเฟยพูดขัดจังหวะเขา “ฉันไม่ได้พูดเหลวไหล เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าเขาเป็นยอดฝีมือจริงๆ ก็ให้เขามาลองสู้กับฉัน ถ้าเขามีฝีมือจริงๆ แค่การเคลื่อนไหวฉันก็ดูออกแล้ว!”

ฮั่นเจิ้นเฟิงกำลังจะอ้าปากพูด แต่จางเล่ยที่มองเยี่ยนเฟยด้วยความประหลาดใจก็พูดอย่างดูถูกว่า “ไอ้โง่นี่ใคร?”

…จบบทที่ 412~❤️

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด