WS บทที่ 216 ลากทุกคนให้เข้ามา
ในดินแดนมนต์ดำ เมอร์ลินได้พบเพียงนักเวทย์ระดับหกเท่านั้น เช่น พ่อมดลีโอและสมาชิกอย่างเป็นทางการหลายคน เขาไม่เคยเห็นนักเวทย์ระดับเจ็ดมาก่อน นอกจากเขาแล้วพวกนักเวทย์ส่วนใหญ่ในดินแดนมนต์ดำก็แทบไม่ค่อยพบนักเวทย์ระดับเจ็ดด้วยเช่นกัน แม้พวกเขาจะอยู่ที่นี่มานานกว่าสองสามทศวรรษแล้วก็ตาม
แต่ตอนนี้ พ่อมดลีโอกำลังพาเมอร์ลินเข้าไปในหอคอยของนักเวทย์ระดับเจ็ด
เมื่อพวกเขาเข้าไปในหอคอย นักเวทย์เข้ามาหาพวกเขาและถามพ่อมดลีโออย่างสุภาพว่า "พ่อมดลีโอ มีอะไรให้ช่วยไหม"
พ่อมดลีโอเหลือบมองที่นักเวทย์คนนั้นแล้วตอบด้วยน้ำเสียงสงบว่า "เอวิส พาข้าไปที่ชั้นบนของหอคอย ข้าต้องการเปิดใช้งานวงแหวนมนต์ดำ"
“อะไรนะ พ่อมดลีโอ ท่านต้องการเปิดใช้งานวงแหวนมนต์ดำงั้นหรือ? ท่านสามารถเปิดใช้งานได้ก็ต่อเมื่อมีธุระสำคัญจริง ๆ แล้วธุระที่ว่าคืออะไร…?” เอวิสถามอย่างตกใจในขณะที่เขาเหลือบไปที่เมอร์ลินซึ่งยืนอยู่ข้างหลังพ่อมดลีโอ
น้ำเสียงของพ่อมดลีโอเย็นลง ดวงตากลวงของเขาจ้องไปที่เอวิสและดวงตาแนวตั้งสีแดงบนหน้าผากของเขากะพริบเล็กน้อย การแสดงออกของเขากดดันต่อเอวิสอย่างมาก แม้ว่าเอวิสจะเป็นนักเวทย์ระดับสี่แต่เขาก็ยังต้องให้เกียรติพ่อมดลีโอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขาได้เห็นการต่อสู้กับออสมู คนอื่นจะไม่รู้เรื่องนี้แต่เอวิสที่อยู่ในในฐานะคนรับใช้ของนักเวทย์ระดับเจ็ด แม่มดโรเบียรู้ดีว่าพ่อมดลีโอได้ฆ่านักเวทย์ระดับเจ็ดอันทรงพลังของออสมูโดยไม่สนใจความแตกต่างของระดับ
พ่อมดลีโอไล่ตามนักเวทย์ที่ทรงพลังและฆ่าเขาโดยแลกกับแขนเพียงข้างเดียว เรื่องนี้ทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่องค์กรของนักเวทย์ เหตุการณ์นี้อยู่เหนือการคาดการณ์ของพวกเขา
ดังนั้น เบื้องบนของดินแดนมนต์ดำจึงไม่ถือว่าพ่อมดลีโอเป็นนักเวทย์ระดับหกอีกต่อไปแต่กลับมองว่าเป็นนักเวทย์ระดับเจ็ดที่ทรงพลังทีเป็นดั่งเสาหลักของดินแดนมนต์ดำ!
"แน่นอนว่าข้ามีเรื่องสำคัญมากที่จะพูดคุยกับพวกเขา หลังจากที่เปิดใช้งานวงแหวนมนต์ดำ ข้าจะอธิบายให้เหล่านักเวทย์ระดับเจ็ดฟังเอง" พ่อมดลีโอพูดอย่างใจเย็น
ทางเอวิสไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมและพาพวกเขาไปที่ชั้นบนสุดของหอคอยแทน มันเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีอักษรรูนลึกลับจำนวนนับไม่ถ้วนตั้งอยู่อย่างหนาแน่น
นี่คือวงแหวนมนต์ดำ เป็นวงแหวนเวทย์ที่ควบคุมดินแดนมนต์ดำเกือบทั้งหมด มีเพียงนักเวทย์ระดับเจ็ดขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถควบคุมวงแหวนมนต์ดำได้ส่วนหนึ่ง
หากเกิดเหตุการณ์ที่เป็นอันตราย พวกเขาสามารถเปิดใช้งานวงแหวนมนต์ดำได้ นักเวทย์ระดับเจ็ดจะรีบไปที่สถานที่แห่งนี้เมื่อพวกเขาสัมผัสถึงพลังงานของมัน
พ่อมดลีโอมองไปที่วงแหวนมนต์ดำแล้วใช้พลังจิตอันทรงพลังของเขาทันที ทันใดนั้นวงหวนมนต์ดำก็เปิดใช้งานและหอคอยทั้งหมดก็เริ่มเปล่งแสงจาง ๆ
“หืม? วงแหวนมนต์ดำเปิดใช้งานแล้ว เกิดอะไรขึ้น?”
"วงแหวนมนต์ดำถูกเปิดใช้งานอีกครั้งหรือว่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับออซมู?"
นักเวทย์ระดับเจ็ดบางคนกำลังปรุงยา ในขณะที่บางคนกำลังสร้างอุปกรณ์เวทมนต์แปลกๆ ในทางกลับกัน บางคนกำลังศึกษาคาถาของพวกเขา อย่างไรก็ตาม การเปิดใช้งานของวงแหวนมนต์ดำได้ดึงความสนใจของพวกเขา พวกเขาก็จ้องมองไปที่หอคอยสูงในดินแดนมนต์ดำ มันเรียกร้องให้นักเวทย์ระดับเจ็ดทั้งหมดมุ่งหน้าไปที่นั่น
*หวู่ม!!*
คนแรกที่มาถึงคือหญิงชราที่ผมของเธอห้อยหลวม ๆ สวมชุดคลุมที่มีขอบสีทอง
“เอวิสเกิดอะไรขึ้น ใครเปิดใช้งานวงแหวนมนต์ดำ?”
หญิงชราคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากแม่มดโรเบีย นักเวทย์ระดับเจ็ดที่เอวิสรับใช้ เธอยังเป็นคนที่เลือกเซซิลแทนเมอร์ลิน ในระหว่างงานชุมนุมนักเวทย์
เอวิสโค้งคำนับอย่างรวดเร็วและตอบด้วยความเคารพ "อาจารย์โรบีย พ่อมดลีโอเป็นคนเปิดใช้งานวงแหวนมนต์ดำขอรับ"
"ลีโองั้นเหรอ?"
แม่มดโรเบียจ้องมองพ่อมดลีโอและเปิดเผยการแสดงออกที่ซับซ้อน ในขณะที่เธอกำลังจะซักถามพ่อมดลีโอ ก็มีนักเวทย์ระดับเจ็ดอีกเข้ามาขัดจังหวะการพูดของเธอ
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมวงแหวนมนต์ดำถึงถูกเปิดใช้งานอีกครั้ง?”
คนที่พูดคือพ่อมดฮิวเซียสที่สวมชุดคลุมสีดำ เขาเป็นคนที่นำพ่อมดลีโอและคนอื่นๆ มาจัดการกับพวกออซมู
“เจ้าพวกโง่ ไม่ต้องตกใจ ข้าจะบอกเหตุผลที่ข้าเปิดใช้งานวงแหวนมนต์ดำให้พวกเจ้าฟังเอง”
พ่อมดลีโอแสดงรอยยิ้มที่หายากขณะที่เขาตอบพ่อมดฮิวเซียส ดูเหมือนเขาจะสนิทกับพ่อมดฮิวเซียสเพราะเขาเล่นตลกกับพ่อมดฮิวเซียส
“ลีโอ เกิดอะไรขึ้น”
พ่อมดฮิวเซียสเหลือบมองพ่อมดลีโอจากบนลงล่างและพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ จากนั้นเขาเหลือบมองที่เมอร์ลินซึ่งยืนอยู่ข้างหลังพ่อมดลีโอ
“อาจเป็นเพราะชายหนุ่มคนนี้หรือเปล่า” พ่อมดฮิวซียสหรี่ตาและจ้องไปที่เมอร์ลิน ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นักเวทย์ที่ไม่คุ้นเคยจำนวนมากก็มาถึง เมอร์ลินนับจำนวนคนและพบว่ามีประมาณแปดคน ถ้าเขารวมพ่อมดลีโอด้วย ก็จะมีทั้งหมดเก้าคน
นักเวทย์เหล่านี้มีความพิเศษ พวกเขาทั้งหมดเป็นนักเวทย์ระดับเจ็ดที่แข็งแกร่ง โดยปกติแล้วจะเรื่องยากมากที่จะได้พบกับนักเวทย์ระดับเจ็ดแต่ตอนนี้มีพวกเขามากกว่าแปดคนมารวมตัวกันที่นี่
“เอาล่ะ ทุกคนมากันครบแล้ว”
ดวงตาแนวตั้งสีแดงของพ่อมดลีโอตรวจดูฝูงชนและพบว่าผู้ที่มาได้มาถึงครบแล้ว ดังนั้นเขาจึงพาเมอร์ลินเข้ามาในห้องที่เขาเตรียมไว้เมื่อสักครู่นี้
นักเวทย์ระดับเจ็ดพบว่าในห้องมีที่นั่งจัดไว้ให้พวกเขาอย่างเพียงพอ เมื่อทุกคนนั่งลง พ่อมดฮิวเซียสได้เริ่มพูดทันที
"พ่อมดลีโอบอกเราทีว่าทำไมคุณถึงรวบรวมพวกเราทั้งหมดที่นี่ คุณควรรู้ว่าวงแหวนมนต์ดำไม่ควรเปิดใช้งานหากไม่มีเหตุผลรองรับที่เพียงพอ"
สายตาของนักเวทย์ทั้งหมดล้วนมุ่งไปที่พ่อมดลีโอ
พ่อมดลีโอดูสงบ เขาชี้ไปที่เมอร์ลินที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาและพูดอย่างสงบว่า “วันนี้ที่ข้าเปิดใช้งานวงแหวนมนต์ดำเพราะเมอร์ลิน ลูกศิษย์ของข้ายังไงล่ะ!”
“ลูกศิษย์ของคุณ? นักเวทย์ระดับเริ่มต้นเพียงคนเดียว?”
“ไม่ เขาควรจะเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งแต่ถึงกระนั้น เขาก็สามารถเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของดินแดนมนต์ดำได้แต่เหตุผลเพียงเท่านี้เพียงพอที่จะเปิดใช้งานวงแหวนมนต์ดำอย่างงั้นเหรอ?”
นักเวทย์ระดับเจ็ดหลายคนขมวดคิ้วและไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพ่อมดลีโอ
อย่างไรก็ตามนักเวทย์เหล่านี้มักจดจ่ออยู่กับการฝึกฝนในหอคอยของตน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เข้าใจที่มาที่ไปของเมอร์ลินแต่พ่อมดฮิวเซียสกับแม่มดโรเบียผู้รู้เรื่องนี้ ทั้งคู่ต่างเผยความตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้
“พ่อมดลีโอ เมอร์ลินกลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งแล้วเหรอ?”
แม้ว่าพ่อมดฮิวเซียสจะเคยสงสัยมาก่อนแต่เขาก็ไม่แน่ใจ หลังจากเห็นทัศนคติของพ่อมดลีโอ ความคิดของเขาก็ได้รับการยืนยันทันที
“ใช่แล้ว เมอร์ลินได้กลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งแล้ว นอกจากนี้ ผู้เวทย์หกธาตุ! ข้าเชื่อว่าทุกคนที่นี่เข้าใจถึงความสำคัญของนักเวทย์หกธาตุกันทุกคนนะ”
ทันทีที่พ่อมดลีโอทิ้งระเบิด ทั้งห้องก็เงียบลงจนได้ยินเสียงเข็มที่ตกลงพื้น เมอร์ลินรู้สึกว่าพลังจิตจำนวนมากกำลังมุ่งตรงมาที่เขาอย่างไม่อาจต้านทานได้
การตรวจสอบบุคคลด้วยพลังจิตโดยตรงเป็นการกระทำที่หยาบคายอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินทนได้เพียงเพราะว่านักเวทย์เหล่านี้มีระดับเจ็ดทั้งหมด
หลังจากที่นักเวทย์ระดับเจ็ดหลายคนตรวจสอบเขาแล้ว พวกเขาก็เงียบไป เห็นได้ชัดว่าหลังจากการตรวจสอบเบื้องต้น พวกเขาพบว่าเมอร์ลินเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งหกธาตุจริงๆ ในประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่าพันปีของดินแดนมนต์ดำได้ ไม่มีสมาชิกคนใดที่เป็นนักเวทย์หกธาตุมาก่อน
“เมอร์ลิน เจ้าควรออกไปก่อน” พ่อมดลีโอเหลือบมองเมอร์ลินและพูดด้วยเสียงต่ำ
เมอร์ลินพยักหน้าและออกจากห้องไป แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าพ่อมดลีโอต้องการจะพูดคุยกับนักเวทย์ระดับเจ็ดว่าอย่างไรแต่มันก็เป็นประโยชน์กับเมอร์ลินอย่างไม่ต้องสงสัย หากไม่เป็นเช่นนั้น พ่อมดลีโอคงจะไม่ลากทุกคนมาที่นี่
“ดูเหมือนว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นนักเวทย์หกธาตุ…”
เมอร์ลินพึมพำกับตัวเอง เดิมทีเขาคิดว่ามันคงจะดีถ้าเพียงแค่ลงนามสัญญากับดินแดนมนต์ดำและกลายเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของดินแดนมนต์ดำอย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของเขาในฐานะ ‘นักเวทย์หกธาตุ’ มันสูงส่งมากถึงขนาดทำให้นักเวทย์ระดับเจ็ดทุกคนในดินแดนมนต์ดำมารวมตัวกันเพื่อพูดคุยเรื่องของเขา
หลังจากมั่นใจว่าเมอร์ลินออกไปแล้ว พ่อมดลีโอก็เผยรอยยิ้ม ดวงตาแนวตั้งสีแดงบนหน้าผากของเขากะพริบช้า ๆ มันดูแปลกกว่าปกติ
“เอาล่ะทุกคน ข้าเชื่อว่าคุณเคยเห็นมามากพอแล้ว ลูกศิษย์ของข้า พ่อมดเมอร์ลินเป็นนักเวทย์หกธาตุจริง ๆ และเขาได้แสดงความตั้งใจที่จะลงนามสัญญากับดินแดนมนต์ดำ การมีอัจฉริยะเช่นนี้ ข้าคิดว่าเราควร มอบรางวัลให้เมอร์ลินเป็นหนึ่งแสนแต้มสนับสนุน”
คำพูดของพ่อมดลีโอตกตะลึง เมื่อเขาขอรางวัลเป็นหนึ่งแสนแต้มสนับสนุน สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าแต้มสนับสนุนมีบทบาทสำคัญในดินแดนมนต์ดำอย่างมาก ทุกสิ่งทุกอย่างในดินแดนมนต์ดำสามารถแลกเปลี่ยนได้ด้วยแต้มสนับสนุน
“เรื่องนี้มันมาเกินไปพ่อมดลีโอ ตอนนั้น ไคลส์ได้รับแต้มสนับสนุนห้าหมื่นแต้ม แล้วเราจะให้รางวัลแก่เมอร์ลินด้วยแต้มสนับสนุนหนึ่งแสนแต้มได้อย่างไร” หนึ่งในนักเวทย์ปฏิเสธทันที แต้มสนับสนุนหนึ่งแสนคะแนนนั้นมากเกินไป
“พ่อมดโซโล ไคลส์เป็นเพียงนักเวทย์ห้าธาตุและดินแดนมนต์ดำได้ตอบแทนเขาด้วยคะแนนการบริจาคห้าหมื่นคะแนนแต่ตอนนี้เรามีนักเวทย์หกธาตุคนแรกในประวัติศาสตร์ของดินแดนมนต์ดำใช่หรือไม่ นอกจากพวกเราแล้ว ยังมีองค์กรอื่นอีกไหมที่มีนักเวทย์หกธาตุของพวกเรา แม้แต่องค์กรนักเวทย์ขนาดใหญ่ยังไม่ปรากฏนักเวทย์หกธาตุเลย ทำไมเราไม่สามารถให้รางวัลหนึ่งแสนแต้มสนับสนุนให้กับอัจฉริยะของพวกเราได้” พ่อมดลีโอโต้แย้งพวกเขาด้วยน้ำเสียงที่สงบ
หลังจากที่พ่อมดลีโอพูดจบ ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง นักเวทย์หกธาตุไม่เคยปรากฏตัวในประวัติศาสตร์ของดินแดนมนต์ดำมาเป็นเวลาหนึ่งพันปีแล้ว ถ้าเมอร์ลินเป็นเพียงนักเวทย์ระดับเริ่มต้น เขาจะไม่มีวันได้รับความสนใจจากเหล่านักเวทย์ระดับเจ็ด อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินได้กลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งแล้ว
นี่แสดงให้เห็นว่าเมอร์ลินมีศักยภาพมากที่จะเป็นนักเวทย์ระดับสี่หรือระดับที่สูงกว่านั้น ความเป็นไปได้นั้นไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีใครสามารถทำนายอนาคตของอัจฉริยะได้อย่างแม่นยำ
โดยปกติดินแดนมนต์ดำจะให้รางวัลแก่อัจฉริยะดังกล่าวอย่างกล้าหาญและสนับสนุนการฝึกฝน นักเวทย์อัจฉริยะเหล่านี้ด้วยแต้มสนับสนุนจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่การทรยศของไคลส์เมื่อไม่นานมานี้ นักเวทย์ระดับเจ็ดเหล่านี้ต่างให้ความระมัดระวังต่อเมอร์ลิน
“ถึงเราจะให้แต้มสนับสนุนหนึ่งแสนแต้มแต่เมอร์ลินแต่พ่อมดลีโอ คุณแน่ใจได้ไหมว่าพ่อมดเมอร์ลินจะไม่ทรยศต่อดินแดนมนต์ดำดังเช่นที่ไคลส์ทำ”
แม่มดโรเบียเป็นผู้ชี้ให้เห็นสิ่งนี้ เธอไม่ได้เลือกเมอร์ลินในระหว่างงานชุมนุมเพราะคิดว่าเมอร์ลินจะไม่มีวันกลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินได้กลายเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งในเวลาเพียงปีเดียว ข้อเท็จจริงนี้ทำให้เธอรู้สึกอับอาย
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เธอชี้ให้เห็นก็คือความกังวลของนักเวทย์ระดับเจ็ดหลายคน ท้ายที่สุด ไคลส์เพิ่งทรยศต่อดินแดนมนต์ดำเมื่อไม่นานนี้เอง เขาได้แลกเปลี่ยนคาถาและอุปกรณ์เวทมนต์มากมายจากดินแดนมนต์ดำ ก่อนที่จะหันไปหาออสมู ความจริงข้อนี้ก่อให้เกิดความโกรธเคืองในหมู่สมาชิกของดินแดนมนต์ดำอย่างมาก
หลังจากประสบกับเรื่องนี้กับไคลส์ นักเวทย์ระดับเจ็ดของดินแดนมนต์ดำย่อมระมัดระวังในการพิจารณาเรื่องนี้มากขึ้น พวกเขาไม่ต้องการประสบกับการทรยศเช่นนี้อีกครั้ง
ในเวลานี้ ทุกคนได้เพ่งมองพ่อมดลีโอและคาดหวังกับคำตอบของเขาอีกครั้ง