Chapter 33 : กองกำลังโคบอลล์? แค่แตะเบาๆก็แตกแล้ว!
ยิ่งเวลาผ่านไปลูกไฟสองดวงที่อยู่ห่างออกไปก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ด้วยเปลวเพลิงที่ถูกจุดขึ้นจากกองไฟทำให้ไคลน์มองเห็นกองกำลังของโคบอลล์ในที่สุด
แม้ว่าพวกมันจะเรียกกันว่าโคบอลล์แต่หัวของพวกมันก็ไม่ใช่สุนัขแต่อย่างใดแต่กลับเป็นเหมือนกิ้งก่าแทน หนังของพวกมันมีสีดำน้ำตาลหรือดำสนิท
นอกจากนี้พวกมันยังสวมใส่เสื้อผ้าขาดๆอีกด้วย
ดวงตาของโคบอลล์ทั้งหกตัวส่องประกายแวววับออกมาท่ามกลางความมืด
พวกมันเองก็สังเกตุเห็นไคลน์แล้วเหมือนกัน
ส่วนจิ้งจอกน้อยนั้นไคลน์วางตัวเธอเอาไว้บนพื้น
กับดักทั้งหมดที่อยู่บนพื้นถูกไคลน์ใช้มีด หินและทุกๆวิธีการทำลายทิ้งไปหมดแล้ว
กับดักพวกนั้นทั้งหมดถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นทรัพยากรจำพวกทองแดงและหินไปเรียบร้อย
โคบอลล์พวกนี้ไม่ได้ว่องไวเหมือนกับจิ้งจอกน้อยเพราะงั้นไคลน์จึงกล้าปล่อยจิ้งจอกน้อยเอาไว้บนพื้น
ภารกิจของจิ้งจอกน้อยมีเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือเมื่อใดที่โคบอลล์เข้ามาใกล้ให้เธออ้อมไปด้านหลังของพวกมันอย่างเงียบๆเพื่อปิดทางหนีเอาไว้
จิ้งจอกน้อยที่กำลังซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางดงดอกหญ้าล่องเหมันต์พลันโผล่หัวออกมาเมื่อโคบอลล์วิ่งผ่านไป
จากนั้นเธอก็อ้อมไปดักด้านหลังของพวกมันราวกับโจรน้อยและซ่อนอยู่ตรงมุมๆหนึ่ง
ไคลน์ยิ้มออกมาในใจเมื่อเห็นเงาน้อยๆพุ่งผ่านไป
จากนั้นเขาก็มองไปที่โคบอลล์ทั้งหกตัวที่อยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง พวกมันทั้งหมดถือหอกสั้นเอาไว้และกำลังเหวี่ยงหอกไปมาบนฟ้าพร้อมกับขู่คำรามไปด้วย
ท่าทีของพวกมันคือการแสร้งทำให้ไคลน์หวาดกลัวโดยใช้ใบหน้าและจำนวนในการข่มขู่
ถ้าไคลน์ไม่ทราบข้อมูลของพวกมันมาก่อนเขาคงจะแตกตื่นไปแล้ว
“ก็แค่หน้าตาน่ากลัวเท่านั้นล่ะว้า”
ไคลน์หยิบหน้าไม้รูนออกมาและเล็งไปยังหนึ่งในโคบอลล์พวกนั้น
“อับบาอับบู!” หนึ่งในโคบอลล์พวกนั้นกรีดร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก
โคบอลล์ที่เหลืออีกห้าตัวที่ได้ยินดังนั้นก็เข้าใจและหยิบหอกสั้นออกมาตั้งท่าเล็ง!
จากนั้นพวกมันก็ระดมปาหอกขึ้นมา
ไคลน์ขมวดคิ้วมุ่นทันทีที่เห็น
“พวกมันรู้จักหน้าไม้รูนด้วย? จริงสินะคู่มือบอกเอาไว้ว่าพวกมันใช้อาวุธได้นี่หว่า เป็นไปได้ว่าพวกมันน่าจะเคยเห็นของแบบนี้มาก่อน”
“พวกมันค่อนข้างฉลาดทีเดียวและยังสามารถใช้หอกขว้างได้ด้วย”
ไคลน์บินฉวัดเฉวียนไปมาในอากาศ
หอกสั้นอันแล้วอันเล่าพุ่งผ่านเขาไปโดยที่ไม่อาจสัมผัสชายเสื้อของไคลน์ได้เลย
ฟิ้ว!
กลับเป็นหน้าไม้ดอกหนึ่งของเขาแทนที่ทะลุหน้าอกของหนึ่งในโคบอลล์พวกนั้น
มันดิ้นรนอยู่บนพื้นซักพักก่อนจะแน่นอนไป
[แจ้งเตือนจากระบบ : ดวงวิญญาณ +1]
แจ้งเตือนจากระบบเด้งขึ้นมา
โคบอลล์ที่เหลืออีกห้าตัวกรีดร้องออกมาอย่างโกรธเกรี้ยวแต่ในเวลาเดียวกันน้ำเสียงของพวกมันก็แสดงให้เห็นถึงร่องรอยของความหวาดกลัวด้วยเช่นกัน
พวกมันไม่อาจสัมผัสอีกฝ่ายได้เลย!
ถ้างั้นจะทำยังไงดี?
หนีสิ!
โดยไม่จำเป็นต้องสื่อสารกันแต่อย่างใด พวกมันแต่ละตัวเลือกที่จะโยนคบเพลิงในมือทิ้งและหนีจากไปทันที
แม้ว่าพวกมันจะสามารถมองเห็นในที่มืดได้อย่างชัดเจนแต่ก็ยังนำคบเพลิงมาด้วยเนื่องจากคบเพลิงพวกนี้ช่วยให้พวกมันมีความกล้ามากขึ้น
ควรรู้ด้วยว่าสัตว์อสูรแห่งสุสานบางชนิดก็กลัวไฟ
ไคลน์ที่เห็นดังนี้ก็หมดคำจะพูดในทันที
เขาควรจะชมที่พวกมันฉลาดหรือด่าที่พวกมันขี้ขลาดดี?
โคบอลล์พวกนี้ไม่ได้เร็วมากนักไคลน์จึงตามพวกมันมาได้แบบติดๆ
ทั้งสองฝ่ายต่างก็กำลังเคลื่อนไหวดังนั้นจึงไม่ง่ายเลยที่หน้าไม้รูนจะยิงเข้าเป้า
ไคลน์เก็บหน้าไม้รูนลงไปและเปลี่ยนเป็นใบดาบรูนแทน
โคบอลล์พวกนี้ดูเหมือนจะไม่มีความกล้ามากพอจะหันมาสู้กลับแล้ว
ถ้าพวกมันมาตัวเดียวระดับความอันตรายจะอยู่ที่สิบต้นๆเท่านั้นเอง
จุดแข็งหลักๆของพวกมันก็คือการร่วมมือกันกำราบศัตรู
ถ้าไคลน์ไม่ได้ลอยตัวอยู่กลางอากาศแต่แรกคงทำลายขวัญของโคบอลล์พวกนี้ได้ไม่เร็วขนาดนี้ บางทีพวกมันอาจจะกระทั่งหันกลับมาโต้ตอบไคลน์อย่างรุนแรงด้วยซ้ำ
“ตายซะ!”
ไคลน์บินไปหาหนึ่งในโคบอลล์ที่เหลืออย่างรวดเร็ว
ศรีษะอันใหญ่โตของโคบอลล์ตัวนั้นหลุดกระเด็นพร้อมๆกับร่างกายไร้หัวที่ล้มลงแน่นิ่งบนพื้น
ไคลน์ทำแบบเดิมและเก็บชีวิตของพวกมันไปได้อีก2ตัว
โคบอลล์ที่เหลืออีกสองตัวหนีไปจนเกือบถึงจุดที่จิ้งจอกน้อยซ่อนตัวอยู่แล้ว
จิ้งจอกน้อยที่ซ่อนตัวอยู่จู่ๆก็กระโดดออกมาและปาดกงเล็บเข้าใส่ลำคอของหนึ่งในโคบอลล์ทั้งสอง
ฉัวะ!
เลือดสาดกระจายออกมาจากลำคอของมัน
ไคลน์ที่ตามมาจนทันก็ใช้ดาบรูนแทงเข้าใส่หลังของโคบอลล์ตัวที่เหลือ
ดาบนี้เจาะทะลุหน้าอกของมันได้อย่างง่ายดาย
กองกำลังโคบอลล์กองกำลังนี้ถูกกวาดล้างจนสิ้นซากเป็นที่เรียบร้อย!
ไคลน์เก็บดาบเข้าฝักอย่างไม่รีบร้อนนัก
โคบอลล์หกตัวมอบดวงวิญญาณให้เขาหกดวง
รวมไปถึงโคบอลล์ที่จิ้งจอกน้อยสังหารเองก็นับว่าเป็นผลงานของไคลน์เช่นกัน
แม้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะได้สมบัติเพียงน้อยนิดแต่ก็ถือว่าเป็นการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่
หอกสั้นและหอกขว้างที่โคบอลล์ทิ้งเอาไว้ไคลน์ก็กวาดมาจนหมด
อาวุธพวกนี้อย่างน้อยที่สุดก็ยังเอามาย่อยเป็นทรัพยากรอื่นๆได้
จิ้งจอกน้อยเชิดหน้าขึ้นราวกับกำลังอวดโอ่ความสำเร็จในครั้งนี้
ไคลน์ลูบหัวของเธอเบาๆแล้วหัวเราะออกมา “พรุ่งนี้จะให้เนื้ออีกชิ้นเป็นรางวัลแล้วกัน”
“โฮ่ง!”
จิ้งจอกน้อยที่ได้ยินดังนั้นก็ดีใจมากพร้อมกับเอาหัวของเธอถูไถไปกับมือของไคลน์
ไคลน์ทำการย่อยศพทั้งหกของโคบอลล์และได้เลือด เนื้อและกระดูกมาจำนวนหนึ่ง
เนื้อของพวกมันมีกลิ่นสาบและเปรี้ยวมาก รสชาติเองก็ไม่ดีเลย
เลือดเองก็ไม่มีสารอาหารแม้แต่นิดเดียว
พูดขนาดนี้แล้วคงไม่ต้องกล่าวถึงกระดูกแล้วมั้ง?
ไคลน์ตัดสินใจวางขายซากของโคบอลล์ทั้งหมดลงในตลาด
แน่นอนว่าเขารับแค่รูนเหมือนเดิม
เนื้อห้าชิ้นและเลือด1ลิตรถูกแบ่งออกเป็นสามรายการแลกเปลี่ยน
รสชาติของพวกมันไม่ดีนักเขาเลยเน้นไปที่จำนวน
ถ้าดูตามเรทราคาตลาดแล้วน่าจะมีคนต้องการพวกมันไม่น้อย
“มาลองดูกันดีกว่า”
หลังจากจัดการเรื่องแลกเปลี่ยนเสร็จสิ้นไคลน์ก็หยิบตบเพลิงที่โคบอลล์ทำตกเอาไว้ขึ้นมา
จากนั้นเขาก็เดินนำจิ้งจอกน้อยฝ่าความมืดไป
สมบัติของโคบอลล์จะมีอะไรบ้างนะ?
แน่นอนว่าในช่องแชทโลกตอนนี้ชื่อของไคลน์ก็กลายเป็นประเด็นหลักอีกครั้ง
ไคลน์เพิ่งจะวางขายเนื้อและเลือดของโคบอลล์ในราคาที่คุ้มค่าต่อผู้ซื้ออย่างมากทำให้เกิดเป็นคลื่นระรอกใหม่
“นี่...มีใครอยากกินเนื้อโคบอลล์ด้วยหรอ? มันฟังดูน่ากระอักกระอ่วนยังไงก็ไม่รู้”
“พวกนายเห็นลักษณะของเนื้อที่วางขายอยู่รึยังล่ะ? ดูแล้วน่าจะยังสดๆอยู่เลยว่าแต่พี่เว่ยนายคิดจะมาซื้อเนื้อเอาตอนกลางคืนเนี่ยนะ?”
“ใช่แล้วดูแล้วค่อนข้างสดมากทีเดียว! ยังไงก็เถอะดูเหมือนจะไม่อร่อยเท่าไหร่นะ”
“ราคานี้ค่อนข้างดีต่อใจจริงๆฉันเริ่มคิดหนักแล้วสิ!”
“โคบอลล์นี่ฟังดูเหมือนจะเก่งนะ มีใครเคยเจอพวกมันรึยัง?”
ประเด็นหลักๆที่หลายๆคนถกเถียงกันก็คือแม้แต่ตอนกลางคืนไคลน์ก็ยังขุดสุสานอยู่
ในดันเจี้ยนพวกนี้ขนาดว่าตอนกลางวันก็อันตรายพอดูแล้วไม่ต่างกล่าวถึงตอนกลางคืนเลย
สรุปแล้วเจ้าหมอนี่มันนำไปไกลถึงขนาดไหนแล้ว?
ทุกๆคนสงสัยอย่างมาก
หลายๆคนส่งข้อความส่วนตัวไปหาไคลน์แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับ
ตัวตนของไคลน์ราวกับซ่อนอยู่ท่ามกลางหมอกทึบเต็มไปด้วยความลึกลับ!