Chapter 32 : พบรังโคบอลล์
ไคลน์นำน้ำปริมาณ1,800มิลลิลิตรไปรดฟาร์มเพาะเนื้อจนทั่ว
ในช่วงเวลาค่ำคืนคงไม่ค่อยมีผู้เล่นสนใจจะขุดซักเท่าไหร
พวกเขามักจะใช้เวลายามค่ำคืนพักฟื้นและรอคอยให้วันถัดไปมาถึงมากกว่า
ทุกๆคนในช่องแชทต่างก็กำลังแก้เบื่อด้วยการพูดคุย เก็บข้อมูลหรือให้ความสนใจกับช่องแลกเปลี่ยน
เมื่อพวกเขาได้เห็นรายการแลกเปลี่ยนน้ำและอาหารก็ทำให้ทุกๆสายตาถูกดึงดูดไปที่รายการแลกเปลี่ยนเหล่านั้น
วันนี้นอกจากไคลน์แล้วก็เริ่มมีผู้คนนำน้ำและอาหารออกมาแลกเปลี่ยนดังที่ไคลน์คาดการณ์เอาไว้แล้ว
แต่แน่นอนว่ามีเพียงน้อยนิดเท่านั้น
เนื้อและน้ำดื่มที่ผู้เล่นคนอื่นวางขายเอาไว้มีเพียงไม่กี่กรัมหรือไม่กี่มิลลิลิตรเท่านั้นเอง
ราคาเองก็ขูดเลือดขูดเนื้อยิ่งกว่าของไคลน์อีก!
แต่ก็แน่นอนว่ามีผู้เล่นหลายคนเต็มใจแลกเปลี่ยน
เทียบกับเนื้อปริมาณเท่ายุงดมของคนอื่นแล้วการกระทำของไคลน์ก็ไม่ต่างอะไรไปจากเศรษฐีหน้าใหม่เลย!
ในช่องแชทโลก
“ทำไมไคลน์ดูเหมือนจะมีเสบียงไม่จำกัดและดูเหมือนจะมีเพิ่มทุกๆวันเลยล่ะ?”
“เฮ้อ...ช่องว่างก็ยิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ ถ้าฉันเดาไม่ผิดล่ะก็กิ้งก่าตาเดียวกับปลาหมึกทรายเหลืองนั่นต้องเป็นสัตว์อสูรแห่งสุสานที่ไคลน์สังหารได้แน่นอน”
“มีใครรู้บ้างไหมว่าเขาขุดไปถึงสุสานที่เท่าไหร่แล้ว? เท่าที่ฉันรู้มาคนที่ขุดไปได้ไกลที่สุดตอนนี้ก็คือวิลเลี่ยมที่เป็นหน่วยรบพิเศษซึ่งขุดไปได้ถึงสิบสองสุสาน”
ตลอดทั้งช่องแชทต่างก็ถกเถียงกันอย่างเมามันส์
ตอนนี้เริ่มมีคนคิดแล้วว่าควรจะแลกเปลี่ยนกับไคลน์ดีหรือไม่
ในเวลาเดียวกันไคลน์ก็มาถึงสุสานแห่งที่ยี่สิบแล้ว
ดังเช่นที่คำใบ้บอกไว้ บนพื้นดินของสุสานแห่งที่ยี่สิบนี้เต็มไปด้วยลาวา!
ถ้าเขาตกลงไปได้ละลายเป็นโกโก้แน่
ลาวาสีแดงฉานเปล่งรัศมีร้อนจัดออกมา
สุสานแห่งนี้ร้อนเป็นอย่างมากและมีคลื่นความร้อนคอยจู่โจมเขาอยู่ตลอด
จิ้งจอกน้อยขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของไคลน์แน่น...เมื่อเธอเมียงมองลงไปดูด้านล่างได้เพียงพริบตาก็รีบหดหัวกลับมาด้วยความหวาดกลัว
กงเล็บทั้งสี่ข้างของเธอเกาะไคลน์เอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าตนจะตกลงไปในลาวาหลอมเหลว
ไคลน์ลอยไปในอากาศเรื่อยๆ
สายลมเย็นๆที่ใบพัดลอยลมด้านหลังของเขาปล่อยออกมาทำให้เขารู้สึกเย็นสบายขึ้นมาเล็กน้อย
“รีบเปิดหีบแล้วรีบไปดีกว่า”
ไคลน์ทำการตรวจสอบสุสานอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางคืนแต่เนื่องจากมีลาวาอยู่ทั้งสุสานจึงทำให้สุสานแห่งที่ยี่สิบนี้สว่างเจิดจ้าไม่ต่างอะไรจากตอนกลางวัน
สุสานแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตมากนักแต่นับว่าสูงพอสมควร
ไคลน์บินขึ้นไปเรื่อยๆ
เหนือหัวของเขาตอนนี้คือชั้นหินที่ยื่นออกมาซึ่งยาวประมาณห้าเมตรเห็นจะได้
ไคลน์ล่อนลงบนชั้นหินที่ว่า
อย่างแรกที่เขาเห็นหลังจากล่อนลงมาก็คือหีบสมบัติสามหีบที่วางอยู่ห่างออกไปราวๆสองก้าว
พวกมันถูกวางเอาไว้ติดๆกันและทั้งสามหีบต่างก็เป็นหีบสมบัติทองแดงทั้งสิ้น
“น่าเสียดายที่เป็นแค่หีบสมบัติทองแดงเท่านั้น”
ทันใดนั้นเองจู่ๆไคลน์ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาบังเอิญไปเห็นถ้ำถ้ำหนึ่งอยู่ตรงบริเวณสุดทางของชั้นหินสูงนี้
บริเวณปากถ้ำถูกปกคลุมไปด้วยหลุมดำ
“มีใครขุดมารึไง?”
ไคลน์เข้าไปใกล้อย่างระมัดระวังโดยที่สายตาของเขาไม่ละออกจากหลุมดำเลย
[ด้านหน้าของท่านคือถ้ำพิเศษและมีโคบอลล์อยู่ภายในหกตัว สมบัติทั้งหมดที่พวกมันเก็บรวบรวมมาอย่างยากลำบากเองก็ถูกวางกองสุมเอาไว้ภายในนั้น ตราบใดที่ท่านสามารถบินได้ในอากาศได้โคบอลล์ก็ทำอะไรท่านไม่ได้เช่นกัน]
ไคลน์ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
“โคบอลล์?”
เนื่องจากเหตุผลที่ว่าพวกมันมักจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มดังนั้นระดับความอันตรายของโคบอลล์จึงอยู่ที่42
ถ้ามีแค่ตัวเดียวความน่ากลัวของพวกมันจะมีไม่มากนักและระดับความอันตรายเองก็ไม่สูงเท่าไหร่
ตามที่คู่มือบอกเอาไว้โคบอลล์สามารถใช้อาวุธและวางกับดักได้ นอกจากนี้พวกมันยังชอบเก็บรวบรวมสมบัติด้วย
ตราบใดที่สามารถหลีกเลี่ยงกับดักและลอยตัวกลางอากาศได้ไคลน์ก็จะสามารถใช้หน้าไม้รูนยิงเก็บพวกมันไปทีละตัวได้อย่างไม่ยากเย็น
“เปิดหีบก่อนแล้วกัน”
[แจ้งเตือนจากระบบ : หีบสมบัติทองแดง +3]
[แจ้งเตือนจากระบบ : รูนดิน +1]
[แจ้งเตือนจากระบบ : รูนลม +2]
[แจ้งเตือนจากระบบ : รูนน้ำ +1]
[แจ้งเตือนจากระบบ : แร่เงิน +2]
[แจ้งเตือนจากระบบ : โคล่า 300 มิลลิลิตร +1]
“ฮึ? มีโค้กด้วย? แต่ไม่มียี่ห้อติดเอาไว้แฮะ”
ไคลน์เก็บของทั้งหมดเข้าช่องเก็บของ
เขาประหลาดใจไม่น้อยทีเดียวที่ได้รูนมาถึงสี่ก้อนจากกล่องสมบัติทองแดงทั้งสามกล่อง
“ได้รูนลมมาครบพอดีทีนี้ก็สร้างใบดาบรูนความเร็วสูงได้แล้ว”
ไคลน์เปิดหน้าต่างสร้างไอเทมขึ้นมา
[ใบดาบรูนความเร็วสูง : รูนลม 2/2 , เหล็ก 51/15 , แร่เงิน 4/2]
ไคลน์กดสร้างทันที
เมื่อแจ้งเตือนดังขึ้นมาการสร้างก็เสร็จสิ้น
ใบดาบที่ยาวราวๆ1.5เมตรปรากฏขึ้นมาในมือของไคลน์
ตัวดาบกว้างราวๆสองนิ้วประกบและเปล่งประกายวาววับ
นอกจากนี้บริเวณด้านบนยังมีลวดลายสีเงินประดับเอาไว้ด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้เขายังไม่จำเป็นต้องใช้ดวงวิญญาณแทนเชื้อเพลิงอีก!
“เวลาเหวี่ยงแล้วรู้สึกเหมือนจะมีลมหอบหนึ่งช่วยหนุนด้วยนะเนี่ย ใช้งานง่ายมากสมแล้วที่เป็นดาบรูน”
ไคลน์ไม่ได้เก็บมันไปทันทีแต่ลองทดสอบเหวี่ยงไปกว่าสิบครั้งและพบว่าแทบจะไม่เปลืองแรงเลย
และทุกๆครั้งที่เขาเหวี่ยงดาบจะมีเงาดาบอีกสายหนึ่งตามมาติดๆ ทั้งรวดเร็วและเงียบเชียบราวกับสายลม
“มาลองทดสอบความคมดูบ้างดีกว่า”
เขาฟันลงไปที่หีบสมบัติทองแดง
ประกายแสงเย็นเยียบสายหนึ่งวาบผ่าน!
ทันใดนั้นหีบสมบัติก็ถูกแยกหอกเป็นสองส่วน
นี่มันไม่แตกต่างอะไรไปจากฟันไม้เลยนะเนี่ย
“ดาบที่ดี!”
ไคลน์ยกดาบขึ้นมาและตรวจสอบที่ใบดาบ
ไม่มีร่องรอยบุบสลายใดๆ
“เทียบกันแล้วมีดมาเชเต้กลายเป็นขยะเลยแฮะ”
ไคลน์เดาะลิ้น
มาเชเต้ไม่สามารถตัดทองแดงหรือเหล็กได้เช่นนี้
เมื่อเสร็จสิ้นการทดสอบไคลน์ก็ทำการย่อยหีบสมบัติทองแดงทั้งสามใบให้กลายเป็นแร่ทองแดง
“ไปสุสานถัดไปดีกว่า”
ไคลน์ถือหน้าไม้รูนเอาไว้ในมือแน่นและนำจิ้งจอกน้อยมุ่งหน้าเข้าสู่หลุมดำ
ความรู้สึกร้อนอบอ้าวจางหายไปในทันทีแทนที่ด้วยความเย็นสายหนึ่ง
ภายในนี้ไม่ได้มืดมากนักและไคลน์ก็มองเห็นเปลวเพลิงอยู่ภายในสุสานแห่งนี้อีกด้วย
สุสานแห่งนี้ทั้งมืด ยาวและค่อนข้างแคบ
ดูไปแล้วก็คล้ายกับส่วนหนึ่งของลำไส้มนุษย์ตรงบริเวณที่โค้งงอเล็กน้อยกลางท้องนั่นแหละ
ไคลน์ลอยตัวมองดูสภาพแวดล้อม
ทันใดนั้นคำใบ้สีทองก็เด้งขึ้นมา
ปรากฏว่ามีกับดักถูกวางเอาไว้บนพื้นมากมาย
แน่นอนว่าเสียงของใบพัดลอยลมที่พ่นลมออกมาตลอดไม่ได้เงียบเลย
ในสุสานที่ทั้งยาวและแคบแห่งนี้เสียงของมันออกจะแสบแก้วหูไม่น้อยด้วยซ้ำ
ไคลน์เองก็ไม่คิดจะปิดซ่อนตัวตนอยู่แล้วเลยไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก
เขาคิดจะใช้เสียงนี่ละล่อโคบอลล์ออกมาและใช้ข้อได้เปรียบที่ตนเองลอยอยู่กลางอากาศล้างเผ่าพันธุ์พวกมัน!