537-538
Ep.537
“เป็นไปได้อย่างไร?”
หานซานเฉียนทรงตัวจนกลับมามั่นคง ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ สายตาที่เขามองซูเฉินเวลานี้ฟุ้งไปด้วยความหวาดกลัว
“ช่างเป็นร่างกายที่ทรงพลัง!”
คนอื่นๆในห้องโถงเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
ควรรู้นะว่า หานซานเฉียนคือผู้วิวัฒนาการเลเวล 6 ที่แท้จริง ภายใต้การระเบิดโจมตีเต็มกำลัง พลังหมัดของเขารุนแรงเป็นอย่างมาก
ทว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขา กลับอาศัยเพียงความแข็งแกร่งทางกายภาพ ต้านทานการโจมตีนี้ อีกฝ่ายไม่เพียงไม่บาดเจ็บใดๆ แต่ยังสามารถสะท้อนหานซานเฉียนกระเด็นกลับมา นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ
“สหายผู้นี้ ไม่ทราบเป็นใครกันแน่ ทำไมคุณถึงต้องการปล้นศิลาวิญญาณเหินของพวกเรา?”
ในเวลานั้นเอง ชายชราเผ่ามนุษย์ที่มีใบหน้าเหี่ยวย่นเปล่งเสียงและเอ่ยถาม
ซูเฉินเบ้ปาก กล่าวหยามเหยียด “ฉันเป็นใคร ทำไมต้องบอกแกด้วย? ส่วนศิลาวิญญาณเหินพวกนี้ เดิมทีมันเป็นของฉัน”
ศิลาวิญญาณเหินเป็นของหงส์เพลิง และหงส์เพลิงคือสัตว์เลี้ยงวิญญาณของเขา ตามหลักการแล้ว มันคือของเขาจริงๆ
อย่างไรก็ตาม คนในห้องโถงต่างไม่มีผู้ใดทราบถึงสถานการณ์นี้ และซูเฉินเองก็ไม่ได้อธิบายให้มันชัดเจน เรื่องราวจึงเริ่มลุกลามบานปลาย
“จะพูดเกินจริงไปหน่อยไหม?”
ชายสูงใหญ่เผ่าอมตะแค่นลมหายใจเย็นชา จับจ้องไปทางซูเฉินด้วยสายตาอันตราย ตำหนิว่า “มนุษย์ คิดว่ามีร่างกายที่แข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว ก็สามารถเพ่นพ่านระรานที่นี่ได้อย่างงั้นหรือ? จงส่งศิลาวิญญาณเหินคืนมาโดยดี มิฉะนั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เตือน!”
ซูเฉินแข็งแกร่งมากก็จริง แต่ถึงอย่างไรมาเพียงลำพัง
ขณะที่ในห้องโถงนี้ มีผู้ฝึกตนเลเวล 6 อยู่ด้วยกันหลายคน ดั่งสุภาษิตกล่าวว่า พยัคฆ์ร้ายมิอาจสู้ฝูงหมาป่า พวกเขาไม่เชื่อว่าท่ามกลางยอดฝีมือจำนวนมาก จะไม่สามารถเอาชนะมนุษย์คนเดียวได้
“ไอ้หนู จงส่งศิลาวิญญาณเหินคืนมา แล้วข้าสัญญาณว่าจะปกป้องเจ้าไม่ให้ต้องตาย!” ชาวเผ่าหนามหยกกล่าวเสริม
“แกเป็นใคร ชื่ออะไร?”
ซูเฉินมองไปทางชาวเผ่าหนามหยก เอ่ยถามอย่างเฉยเมย
“เราราชาคือชุยเทียนเฉิง เจ้าเมืองไค่หยวน” ชาวเผ่าหนามหยกกล่าวด้วยความภาคภูมิ
“แกคือเจ้าเมืองไค่หยวน?”
ซูเฉินอุทานออกมาเบาๆ แต่แล้วเขาก็ส่ายหัวอีกครั้ง กล่าวด้วยความเสียใจเล็กน้อยว่า “เปล่าประโยชน์ ความเกลียดชังระหว่างพวกเราไม่สามารถแก้ไขได้!”
ไม่กี่วันก่อน เขาเพิ่งฆ่าชาวเผ่าหนามหยกที่ชื่อชุยมู่ไป และมันคือลูกชายของชุยเทียนเฉิง
“เจ้าหมายความว่าอะไร?”
ชุยเทียนเฉิงผงะไปเล็กน้อย
เพราะเขาแน่ใจ ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับซูเฉิน แล้วไอ้ความเกลียดชังนี่มันมาจากไหน?
ซูเฉินอธิบายด้วยรอยยิ้ม “แกมีลูกชายชื่อชุยมู่ใช่ไหม? เมื่อไม่กี่วันก่อนมันกวนตีนฉัน ฉันเลยฆ่ามันด้วยมือคู่นี้! ได้ยินว่าหนี้แค้นเรื่องการสังหารบุตรไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ แกควรจะต้องล้างแค้นให้เขาถูกไหม?”
“เป็นเจ้า! เจ้าจะต้องตาย!”
ชุยเทียนเฉิงเสมือนดั่งภูเขาไฟปะทุ ร้องคำราม กระโจนเข้าสังหารซูเฉิน
ในตอนนี้ หัวใจเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ไม่สนใจว่าตนเองจะเป็นคู่ต่อสู้ของซูเฉินได้หรือไม่
เมื่อเห็นชุยเทียนเฉิงลงมือ คนอื่นๆต่างคนต่างมองหน้ากัน และเริ่มเคลื่อนไหว
ทั้งหมดมาที่นี่เพื่อศิลาวิญญาณเหิน แล้วพวกเขาจะทนดูมันถูกซูเฉินกลืนกินแต่เพียงผู้เดียวได้อย่างไร?
แน่นอน พวกเขาต่างก็รู้ดี ว่าซูเฉินคือคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง หากต่อกรแบบตัวต่อตัว ย่อมไม่อาจเอาชนะได้
นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่ลังเลเลยที่จะร่วมมือกันปิดล้อมสังหารซูเฉิน
พวกเขาเชื่อว่า หากผู้ฝึกตนเลเวล 6 หลายคนร่วมมือกัน ต่อให้ศัตรูคือผู้ฝึกตนเลเวล 7 ที่แท้จริง ก็ยังมั่นใจว่าสามารถเอาชนะได้
เผชิญหน้ากับการปิดล้อมของยอดฝีมือจำนวนมาก ใบหน้าของซูเฉินแสดงออกถึงความดูแคลน คว้า [ดาบเสริมมนตรา] และกวาดออกไป
เห็นแค่เพียงกระแสคลื่นสีขาว ทั่วทั้งห้องโถงเหมือนตกอยู่ในโลกน้ำแข็ง อุณหภูมิลดลงฮวบๆ ราวกับว่าแม้แต่อากาศก็ยังถูกแช่แข็ง
Ep.538
“นี่มันเวทย์น้ำแข็งระดับใดกัน?”
เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นในห้องโถงใหญ่
ทุกคนต่างตะเกียกตะกาย ดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อที่จะหลุดพ้นจากกระแสคลื่นสีขาวนี้
กระนั้น เวทย์น้ำแข็งที่ซูเฉินปลดปล่อยออกมา มันถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันกับวัตถุไร้รูปสองชนิด หนุนเสริมด้วยการปลดปล่อยผ่าน [ดาบเสริมมนตรา] อำนาจของมันจึงไม่มีใครเทียบชั้นได้ รุนแรงพอๆกับเวทย์เลเวล 8
ขณะที่กลุ่มผู้ฝึกตนพวกนี้ล้วนอยู่ในเลเวล 6 แล้วจะสามารถหยุดมันได้อย่างไร?
ในชั่วพริบตาเดียว ในห้องโถงเต็มไปด้วยประติมากรรมน้ำแข็งนับสิบ ทั้งหมดสูญสิ้นสัญญาณของชีวิตไป
อย่างไรก็ตาม มีสองคนที่รอดชีวิตมาได้
หนึ่งคือเจ้าเมืองเทียนหวัง หานซานเฉียน อีกหนึ่งคือชายชราผิวเหี่ยวย่น
คนแรกซูเฉินจงใจไว้ชีวิต แช่แข็งร่างเพียงครึ่งตัวเท่านั้น ทำให้สูญเสียพลังที่จะต่อต้าน ส่วนคนหลังรอดชีวิตมาได้ด้วยกลวิธีของตัวเอง
เห็นแค่เพียงในมือเขากุมไม้สีดำ มันกำลังเปล่งแสงสีเขียวสดใสกระจายออกมารอบๆ นอกวงกลม กระแสคลื่นสีขาวที่หมายจะรุกรานเข้าไป ถูกขับออกจากร่างเขา
“แกก็พอมีความสามารถอยู่บ้างนี่”
ซูเฉินมองชายชราผิวเหี่ยวย่น กล่าวอย่างเฉยเมย
มีผู้ฝึกตนเลเวล 6 อยู่หลายคน ทว่าส่วนใหญ่กำลังรบอ่อนแอเกินไป ไม่ต้องเทียบกับหงส์เพลิง ต่อให้เป็นเป่ยไห่หรือเฉาหวูฉางก็ยังเทียบไม่ติด
ตรงกันข้าม กลับเป็นชายชราผู้นี้จากเผ่ามนุษย์ ที่สามารถใช้ไม้เพียงด้ามเดียวรับมือกับเวทมนต์เลเวล 8
มันทำให้ซูเฉินรู้สึกประหลาดใจมาก
“ผู้อาวุโส ฉันมาจากจักรวรรดิเฉินเชิ่ง ทุกอย่างสามารถต่อรองกันได้ พวกเรามาคุยกันดีๆเถิด”
หลังจากได้เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของซูเฉิน ชายชราผิวเหี่ยวย่นเกือบหัวใจวายตายด้วยความหวาดกลัว
“จักรวรรดิเฉินเชิ่ง?”
สีหน้าท่าทีของซูเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย
จักรวรรดิเฉินเชิ่งคือหนึ่งในสี่มหาอำนาจสูงสุดของทวีปเสวียนเทียน
เมื่อพิจารณาว่าในอนาคตคงต้องแวะไปเยี่ยมเยือนมหาอำนาจใหญ่ของทวีปเสวียนเทียน เขาจึงอยากใช้โอกาสนี้รู้ข้อมูลของจักรวรรดิเฉินเชิ่ง
“ผู้แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิเฉินเชิ่งของแกอยู่ระดับไหน?” ซูเฉินจับจ้องชายชราไม่วางตา เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เรียนอาวุโส ผู้แข็งแกร่งที่สุดของพวกเราคือท่านจ้าวจักรวรรดิ เขาเป็นปรมาจารย์มนตราเลเวล 9”
ชายชราผิวเหี่ยวย่นไม่กล้าเสียเวลาคิดแม้แต่น้อย ตอบตามความจริง
“แล้วผู้แข็งแกร่งที่สุดจากขุมกำลังอื่นๆล่ะ?” ซูเฉินถามอย่างใจเย็น
ก่อนหน้านี้ เขาได้ยินจากปากของหงส์เพลิงว่า ในเผ่ามนุษย์ยังคงมีผู้ยิ่งใหญ่ระดับเทวะอยู่
ซึ่งผู้ยิ่งใหญ่ระดับเทวะ แกร่งพอที่จะสร้างภัยคุกคามถึงตายแก่เขา ดังนั้นหากเข้าสู่ทวีปเสวียนเทียน ซูเฉินต้องรู้ล่วงหน้าถึงจะหลีกเลี่ยงพวกเขาได้
“ผู้แข็งแกร่งที่สุดในราชวงศ์เฝิงซีคือผู้วิวัฒนาการเลเวล 7 , ในขุนเขาหวังเฉียวมีผู้แข็งแกร่งเลเวล 10 หลายคนประจำการอยู่ ส่วนวิหารสักดิ์สิทธิ์หมานหยู นอกจากมีผู้วิวัฒนาการเลเวล 10 แล้ว ก็ยังมีผู้ฝึกตนเลเวล 9 อยู่อีกหลายคน” ชายชราผิวเหี่ยวย่นตอบรวดเดียว
“อื๋อ?”
ซูเฉินรู้สึกสับสนเล็กน้อย
ตามคำบอกเล่าของชายชราผิวเหี่ยวย่น ขุนเขาหวังเฉียวสมควรเป็นมหาอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปเสวียนเทียน
กระนั้น แม้แต่ขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด ยังไม่มีการปรากฏตัวของระดับเทวะแม้แต่คนเดียว
เช่นนั้นแล้วผู้ยิ่งใหญ่ระดับเทวะไปอยู่ที่ไหนกันหมด?
หากเขาไม่สามารถล่วงรู้ที่อยู่ของผู้ยิ่งใหญ่ระดับเทวะได้ การไปยังทวีปเสวียนเทียนคงต้องรับความเสี่ยงระดับหนึ่ง นั่นคือสิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุด
“เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ระดับเทวะหายไปไหนกันหมด?” ซูเฉินถามด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
“นี่ผู้อาวุโสเองก็รู้เรื่องระดับเทวะด้วยหรือ?” ชายชราผิวเหี่ยว มีท่าทีเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ระดับเทวะมีอยู่เฉพาะในตำนานเท่านั้น น้อยคนนักที่จะรู้เรื่องนี้
นอกจากนี้ ทวีปเสวียนเทียนไม่มีผู้ใดก้าวขึ้นสู่ระดับเทวะมาเป็นเวลานานแล้ว จนผู้คนต่างลืมเลือนเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของระดับเทวะไป
“ถ้ากล้าถามเรื่องไร้สาระอีกแค่คำเดียว ก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือน” สีหน้าของซูเฉินหมองลง เอ่ยเสียงเย็นเยียบ
ชายชราผิวเหี่ยวย่นสั่นสะท้านไปทั้งตัว รีบอธิบายว่า “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าระดับเทวะหายไปไหน แต่มีข่าวลือว่าพวกเขาอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ส่วนดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ไหน เรื่องนี้ฉันไม่รู้”