บทที่ 41 เคล็ดวิชาเต๋าเมฆามรกต
บทที่ 41
เคล็ดวิชาเต๋าเมฆามรกต
“ไป๋หยาง! เจ้ามีหน้าที่สืบหาข้อมูลของเอลฟ์!”
“หวังลี่ เจ้าไปที่ทุ่งหญ้าเพื่อสืบหาการเคลื่อนไหวของเผ่ากระทิงเถื่อนและเผ่าอื่นๆ”
“หวังหง เจ้ารับผิดชอบข้อมูลของตระกูล!”
ทั้งสามคนได้ยินดังนั้นก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งในเวลาเดียวกันก็ขานรับพร้อมกัน
“รับทราบนายท่าน!”
หลังจากจัดการภารกิจของทุกคนแล้ว หลี่มู่ฟาน ก็กลับไปที่ห้องของเขา เขากินยาเป่ยหยวนแล้ววาดพิมพ์เขียวในหัวของเขาต่อไป
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงความร้อนที่ลุกโชนขึ้นที่จุดตันเถียน กระแสอบอุ่นไหลผ่านแขนและขารวมทั้งกระดูกของเขา
“แกร็ก!”
มีบางอย่างในร่างกายถูกทำลาย
“หรือว่า...ข้าสามารถทะลวงระดับได้แล้ว?”
เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย หลี่มู่ฟาน รู้สึกว่าเลือดลมในร่างกายของเขาพลุ่งพล่านเต็มไปด้วยพละกำลัง! หลังจากฝึกฝนอย่างขยันหมั่นเพียรและยังมียาเป่ยหยวนจำนวนมาก ในที่สุดก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
“เขตแดนหลอมรวมร่างกายระดับ 1!”
เขาวางพู่กันลงและเดินออกจากห้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อมาถึงเขตแดนหลอมรวมร่างกาย เขาจะไม่ใช่กษัตริย์ตัวเล็กๆที่อ่อนแออีกต่อไป แต่เป็นแม่ทัพที่สามารถบุกทะลวงเข้าสู่สนามรบได้!”
“หลี่ฮ่าวเทียน หวังฝูเฉิน พวกเจ้ารอข้าก่อน!”
เขาหยิบตำรา “เคล็ดวิชาเต๋าเมฆามรกต!”ที่เขาได้รับจากถ้ำออกมา เขาอดใจไม่ไหวที่จะกลับไปที่ห้องเพื่อเริ่มฝึกฝน
ทักษะนี้มีเงื่อนไขว่าไม่สามารถฝึกฝนได้หากยังไม่ถึงเขตแดนหลอมรวมร่างกาย หลี่มู่ฟาน ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว เขาให้ หลิวหลงและคนอื่นๆได้อ่านมันหลังจากได้รับมันมาในวันนั้น แต่โชคร้ายที่ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาจึงไม่สามารถฝึกฝนได้ดังนั้นเมื่อพวกเขาเริ่มฝึกฝนพวกเขาก็เริ่มปวดหัว
เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงและเริ่มฝึกฝนตามวิธีการหายใจที่อธิบายไว้ในเคล็ดวิชา และเขาเตรียมเตรียมตัวกลับอาการข้างเคียงที่ทุกคนบอกแล้ว
แต่หลังจากฝึกฝนไป 1 ชั่วยาม เขาก็รู้สึกประหลาดใจที่พบว่าไม่มีอาการปวดหัวหรือไม่สบายตัวแม้แต่น้อย กลับกันพลังวิญญาณนั้นกลับชัดเจนยิ่งขึ้นและทำให้เขารู้สึกสบายไปทั่วทั้งร่าง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
เขาสงสัยหลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ก็ถามในหัวของเขาว่า “ระบบชาวอาณานิคมสามารถฝึกฝนทักษะการบ่มเพาะได้หรือไม่?”
“เนื่องจากทักษะของอาณานิคมได้รับการแก้ไขแล้วจึงไม่สามารถฝึกฝนทักษะภายนอกได้ หากต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งของชาวอาณานิคม พวกเขาจะต้องได้รับรางวัลจากระบบหรือซื้อทักษะพิเศษทุกประเภท”
“ก็ได้งั้นราคามันเท่าไหร่ แจ้งตัวเลขมา!”
เสียงไร้อารมณ์ของระบบก็ดังขึ้น
“ขึ้นอยู่กับทักษะพิเศษแต่ละทักษะจะต้องใช้เงินตั้งแต่ 100m ถึง 500m”
หลี่มู่ฟาน ไม่ลังเลที่จะตัดเสียงจากระบบทันที
หลังจากอ่านเคล็ดวิชาเต๋าเมฆามรกต เขาก็พบปัญหาอีกปัญหาหนึ่ง
เคล็ดวิชานี้ไม่เพียงแต่อยู่ในขอบเขตหลอมรวมร่างกายเท่านั้น แต่ยังมีเคล็ดวิชาระดับผ่านจิตด้วย!
“ไม่ใช่ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่สามารถทะลวงผ่านขอบเขตจิตวิญญาณได้หรอกหรือ?แต่ดูจากคำอธิบายข้างต้นแล้วดูเหมือนว่า ตราบใดที่เขามีพรสวรรค์และโอกาส การฝึกฝนให้ไปถึงขั้นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร”
แม้ว่าในตอนนี้เขายังไม่เข้าใจแต่สัญชาตญาณบอกกับเขาว่าต้องมีความลับที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่
เขาส่ายหัว เขารู้ว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องพวกนี้ในเมื่อเขาสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ได้เช่นนั้นก็จะพยายามฝึกฝนให้หนักยิ่งขึ้น
เคล็ดวิชาที่สืบทอดกันมาบนแผ่นดินใหญ่ในปัจจุบันล้วนถูกฝึกโดยการฝึกกระดูกและเส้นเอ็นจากนั้นเสริมด้วยอาหารหรือยาทุกชนิด
เคล็ดวิชาเต๋าเมฆามรกตได้ชักนำพลังวิญญาณฟ้าดินเข้าสู่ร่างกายของผู้ฝึก เพื่อบำรุงร่างกาย หากได้รับความช่วยเหลือจากสมบัติสวรรค์และปฐพีการฝึกฝนจะรวดเร็วยิ่งขึ้น
ต้องบอกว่า หลี่มู่ฟาน มีพรสวรรค์เล็กน้อย คนทั่วไปต้องใช้เวลา 3 วันในการสร้างความรู้สึกถึงพลังฟ้าดินและ หลี่มู่ฟาน สามารถสัมผัสถึงฝรั่งฟ้าดินได้เพียงครึ่งวัน
………
เนื่องจากผ้านวมและวัสดุอื่นๆได้มาถึงแล้ว หลี่มู่ฟาน จึงไม่มีเหตุผลที่จะให้ ฟานชิงเยว่ มานอนอุ่นเตียง แม้ว่าพวกเขามักจะนอนด้วยกันเสมอแต่เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ถึงแม้เขาจะลังเลอยู่พักใหญ่เขาก็ตัดสินใจที่จะนอนห้องเดี่ยวในขณะที่ฟานชิงเยว่นอนอยู่ในห้องข้างๆเพื่อตัดปัญหาเรื่องเหตุการณ์ไม่เหมาะสม
แน่นอนว่าในใจของเขา แม่ทัพหญิงเป็นชายาที่เขาจองไว้แล้วเพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมก็จะจัดงานแต่งงานอย่างงดงาม
หลังจากฝึกฝนมาทั้งคืน เขาไม่เพียงแต่รู้สึกเหนื่อยล้าแต่ยังสำรวจค่ายอย่างสดชื่น
เมื่อเห็นว่างานต่างๆดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบเขาก็กลับไปที่ห้องอีกครั้งและเริ่มฝึกฝน