บทที่ 40 สิ่งของสำหรับฤดูหนาว
บทที่ 40
สิ่งของสำหรับฤดูหนาว
ในวันที่ 8 มิติโลกใหม่
ขบวนทัพเดินทางกลับฐาน หลี่มู่ฟาน ตัดสินใจขายเชลยที่มีคุณสมบัติไม่ดีทั้งหมดและขายรางวัลที่ต่อสู้กับกองเรือนักล่าคราวที่แล้ว เงินในฐานเพิ่มขึ้นเป็น 10m ทันทีช่วยลดการขาดดุลในคลังอย่างมาก
เขามองไปที่กองเงินที่อยู่ในคลัง ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจ
2 วันต่อมาดวงตาของ หลี่มู่ฟาน สว่างขึ้นอีกครั้งและสติก็กลับมาสู่ร่างที่แท้จริง
ที่นี่ไม่ใช่ในค่าย แต่อยู่ภายในถ้ำที่ปกคลุมไปด้วยหมอก ที่นี่เปรียบเสมือนฐานลับของเขา เขาห้ามไม่ให้ใครเข้าใกล้โดยพลการแน่นอนยกเว้นชาวอาณานิคมของเขา
คราวนี้เขานำของกลับมามากมาย หมั่นโถวไส้เนื้อแห้งนับหมื่นก้อน ผ้าห่มผ้าฝ้าย และผ้าห่มฤดูหนาวหลายพันชิ้นรวมทั้งอาหารมากมาย
นอกจากนี้ยังมีชาวอาณานิคมอีก 3 คนติดตามมาด้วยแต่ไม่ใช่แกนนำเก่าของอาณานิคมแต่เป็นนักล่าที่ได้รับการคัดเลือกใหม่ 3 คน
เป็นชาย 2 คนและหญิง 1 คนอยู่ในระดับหลอมรวมร่างกาย หนึ่งในนั้นก็คือไป๋หยาง ที่อยู่ในขอบเขตหลอมรวมร่างกายระดับ 2
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือ หลี่มู่ฟาน นำอสูร เฉียนจี่กลับมาด้วย ใช่แล้วในมิติเกมสัตว์อสูรตัวนี้เรียกว่าอสูรเฉียนจี่ แต่ในทวีปเทียนเหิง ผู้คนเรียกมันว่ายูนิคอร์น
สัตว์อสูรชนิดนี้หายากมาก พวกมันกระจายตัวอยู่ทั่วทวีปเทียนเหิงแต่ไม่ค่อยมีใครได้พบเห็น พวกมันมีอายุที่ยืนยาวแข็งแกร่งและพยศ
ยูนิคอร์นสีขาวราวหิมะตัวนี้มีชื่อเรียกว่า เหยียบหิมะ (ต้าเสวี่ย) แม้ว่ามันจะยังไม่บรรลุ แต่ความแข็งแกร่งของมันก็อยู่ในระดับ 6 ของเขตแดนหลอมรวมร่างกาย หลี่มู่ฟาน จ่ายเงินไป 2 m เพื่อนำมันออกมา มันสามารถใช้เป็นพาหนะและทำหน้าที่เป็นองครักษ์ได้
เขาเพิ่งพาความสามารถในการฝึกสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งของ อาโชว และทำให้ยูนิคอร์น 10 ตัวเชื่อง มันเหมือนสมบัติล้ำค่าของอาณานิคมและตอนนี้มันก็ได้ใช้ประโยชน์แล้ว
เขาขี่ ยูนิคอร์นเดินออกจากถ้ำไม่กี่ก้าว เขารู้สึกถึงสัมผัสที่อ่อนโยนจากใต้ร่างกายของเขา เขาหัวเราะอย่างพึงพอใจ
“ยอดเยี่ยม ยูนิคอร์นตัวนี้ดีกว่าขี่นิ่มยิ่งกว่าหญิงสาว ฉันควรจะเอามันออกมาจากมิติเกมเพิ่ม…” หลังจากพูดไปครึ่งทางก็รู้ว่าตัวเองพูดผิด เขายิ้มพลางส่ายหัว
นอกจากชาวอาณานิคมที่เขานำตัวออกมาจากเกมแล้ว อาเฉียง ชุ่ยฮัว ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
“ต้องลำบากพวกเจ้าทั้ง 5 คนแล้วนำของที่เอาออกมาในครั้งนี้ไปยังค่าย”
เนื่องจากมีหมอกขวางกั้นจึงไม่มีใครสามารถเข้าผ่านเส้นทางนี้ได้นอกจาก หลี่มู่ฟาน และชาวอาณานิคมที่มีการติดต่อกับเขาอย่างลึกซึ้ง
ภายในค่ายหลิวหลงและคนอื่นๆมองไปที่เสบียงที่กองอยู่เบื้องหน้าพวกเขาและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “นายน้อยด้วยอาหารและผ้าห่มและผ้าฝ้ายมากมายเหล่านี้ในฤดูหนาวพวกเราไม่ต้องกังวลอีกต่อไป!”
หลี่มู่ฟาน กล่าวว่า “แบ่งอาหารออกเป็น 3 ส่วน ทหารกินชุดโภชนาการ ชาวบ้านกินธรรมดา”
“นายน้อยๆแล้วพวกก็อบลินล่ะ?”
หลี่มู่ฟาน คิดอยู่สักครู่ คิดอยู่สักครู่ก่อนจะพูดว่า “เชลยมีหมั่นโถวไส้เนื้อแห้งจำนวนจำกัด ไม่อดตายก็เพียงพอแล้ว นอกจากนี้หากเชลยทำได้ดีสามารถกินได้มากกว่านี้ แต่ถ้าไม่มีประสิทธิภาพก็ให้พวกมันอดตายไปเถอะ!”
“รับทราบ!”
หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ หลิวหลงก็ถามเสียงเบาว่า “ฝ่าบาท เชลยอีก 2 คนนั้นจะทำอย่างไร?”
“อืม...สองคนนั้น..”
“ฝ่าบาทข้าน้อยมีความเห็นว่า โปรดให้นางได้กินสักหน่อยส่วนอีกคน….”
หลี่มู่ฟาน หยิบถุงผ้าใบเล็กออกมาจากอกเสื้ออย่างลึกลับและกระซิบข้างหูหลิวหลง
หลิวหลงค่อยๆเบิกตากว้างและมองไปที่ หลี่มู่ฟาน ที่มีสีหน้าเฉยเมยเขาหัวเราะคิกคักและกล่าวว่า “ด้วยสิ่งนี้ข้าไม่ต้องกลัวว่าเขาจะไม่เชื่อฟังอีกต่อไป”
หลังจากที่หลิวหลงจากไป ฟานชิงเยว่ ที่อยู่ข้างๆก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย “ฝ่าบาทท่านกลับท่านหลิวคุยเรื่องอะไรกันแลลับลมคมในมาก”
หลี่มู่ฟาน หัวเราะแต่ไม่ได้พูดอะไรและเปลี่ยนเรื่องพูดว่า “ชิงเยว่เจ้าไปจัดการคัดสรรผ้าห่มและผ้าฝ้ายแจกจ่ายให้กับพวกเขา”
“แล้วเชลยล่ะ?”
“เชลย ขึ้นอยู่กับการแสดงของพวกเขา..”
“รับทราบ!”
ฟานชิงเยว่ รับคำสั่งและหันหลังเตรียมที่จะจากไปแต่ หลี่มู่ฟาน ก็หยุดนางเอาไว้ก่อน เขาชี้ไปที่ผู้ชาย 2 คนและผู้หญิงอีก 1 คนจากนั้นกล่าวว่า “ชิงเยว่ คนทั้ง 3 นี้คือ ไป๋หยาง หวังลี่และหวังหง เป็นคนบ้านเดียวกันกับ อาเฉียง และ ชุ่ยฮัว ข้าเป็นคนฝึกฝนพวกเขามาอย่างลับๆ และให้รับผิดชอบงานสายลับจากเจ้า ดังนั้นในอนาคตเจ้าจะต้องฝึกฝนพวกเขา”
ฟานชิงเยว่ พยักหน้าให้กับชาวอาณานิคมทั้งสามคนที่อยู่ด้านหลัง หลี่มู่ฟาน