บทที่ 37 พาองค์หญิงกลับภูเขา
บทที่ 37
พาองค์หญิงกลับภูเขา
ครึ่งชั่วยามต่อมาเสียงกรีบเท้าม้าดังแว่วมาจากด้านนอกของหมู่บ้าน จางเถี่ย และ อาโชว นำคนขี่ม้ามาเป็นกำลังเสริม
เมื่อเห็นว่าการต่อสู้ได้สิ้นสุดลงแล้ว อาโชว ก็พาทหารตาม หลี่มู่ฟาน ไป
ในป่าที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านหลายสิบลี้ รถม้าถูกล้อมรอบไปด้วยเผ่ามนุษย์หลายสิบคน ล้อรถม้าของพวกเขาพังทลายลงและศพของก็อบลิน 7-8 ศพนอนอยู่บนพื้น
บนรถม้าชายหนุ่มเผาเอลฟ์ถือดาบยาวไว้ในมือและมองไปที่ หลี่มู่ฟาน ด้วยความหวาดกลัว
“เจ้าเผ่ามนุษย์!ต้องการที่จะทำอะไร!เจ้ารู้หรือไม่ว่าจุดจบของการโจมตีองค์หญิงคืออะไร?”
“จุดจบงั้นหรอ?”
หลี่มู่ฟาน หัวเราะเสียงดัง “ข้าและคนในหมู่บ้าน ต่างอยู่กันดีๆ มีเพียงแต่เจ้าที่ออกคำสั่งโน่นนี่ ข้ายังไม่เคยได้ยินแม้แต่คำเอื้อนเอ่ยขององค์หญิง ?
“เหอะ!ช่างหยิ่งยโส เป็นแค่มนุษย์ต่ำต้อยแต่อยากยลโฉมองค์หญิงอย่างนั้นหรอ?”
แม้ว่าเขาจะคำรามออกมาเสียงดังแต่เห็นได้ชัดว่าเขากำลังระวังตัวอยู่
“หลิงเฟย หยุดพูดได้แล้ว!”
ภายในรถม้าที่สงบมีเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังออกมา จากนั้นหญิงสาวในชุดคลุมสีเขียวมรกตก็เดินออกมาอย่างช้าๆ หญิงสาวผู้นี้มีผิวขาวราวกับหิมะ และนางสวยงามเป็นอย่างมาก หากดูเผินๆนางอาจจะเหมือนหญิงงามของเผ่ามนุษย์เพียงแต่ มีใบหูยาวแหลมออกมาซึ่งแตกต่างจากเผ่ามนุษย์
ใบหน้าของนางดูซีดเล็กน้อยราวกับว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส นางได้ยินเรื่องทั้งหมดและกล่าวเสียงเรียบว่า “นักรบเผ่ามนุษย์ ข้าคือองค์หญิงเผ่าเอลฟ์ที่เจ้าต้องการพบ ไม่ทราบว่าทำไมพวกเจ้าถึงต้องตามล่าข้าด้วย?”
แม้น้ำเสียงของนางจะสุภาพแต่แฝงไปด้วยความรังเกียจ
หลี่มู่ฟาน มองไปที่องค์หญิงเผ่าเอลฟ์อย่างไม่เกรงกลัวอะแล้วพูดว่า “ข้าเคยได้ยินมาเป็นเวลานานแล้วว่าบุรุษและสตรีของเผ่าเอลฟ์นั้นจะงดงามมากการได้พบกันวันนี้ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ”
“ข้าน้อยไร้ความสามารถอยากจะเชิญองค์หญิงไปพักที่ค่ายของข้าสักวันสองวัน ไม่ทราบว่าองค์หญิงคิดอย่างไร?”
องค์หญิงเผ่าเอ่ยขึ้นว่า “นักรบเผ่ามนุษย์เจ้าเองก็พูดเล่นไปเรื่อย เผ่าของเราถือว่ามีน้ำใจต่อเผ่ามนุษย์ของเจ้ามาโดยตลอด ก่อนหน้านี้พวกมนุษย์เช่นเจ้าปลอมตัวเป็นเผ่าราตรีแล้วโจมตีขบวนรถของข้า ตอนนี้คิดจะกักขังตัวข้าไว้อีก ไม่รู้ว่าเจตนารมณ์ที่แท้จริงคืออะไร”
“เผาราตรี? นั่นไม่ใช่เผาสาขาของเผ่าทะเลหรอกหรือ? การปลอมตัวเป็นเผ่าราตรีเพื่อโจมตี เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หลี่มู่ฟาน รู้สึกอึ้งเล็กน้อยเขาคำนวณอย่างรวดเร็วและยิ้มจากนั้นพูดว่า
“ถือว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ของข้าเป็นเหมือนทาส และเอารัดเอาเปรียบตามอำเภอใจ ทั้งยังต้องส่งบรรณาการอีก แบบนี้นับว่าเป็นความเมตตากรุณาต่อกันอย่างนั้นหรือ?”
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว หลิวหลง จับพวกเขาเอาไว้!”
“พวกเจ้า!”
ก่อนที่องค์หญิงเอลฟ์จะทันได้พูดอะไรเหล่าทหารก็รุมล้อมพวกเขาและโยนขึ้นบนหลังม้า
ณ หมู่บ้านมนุษย์
หลี่มู่ฟาน และพรรคพวกได้พบกับอาโชว ที่ส่งกำลังมาช่วยเขาดังนั้นพวกเขาจึงหันหลังกลับไปที่หมู่บ้าน
ในที่โล่งของหมู่บ้าน หลี่มู่ฟาน เริ่มออกคำสั่ง
“หลิวหลง นำทีมต่อสู้และทีมตัดหินของ จางเถี่ย ไปกำจัด เผ่าก็อบลินทันที จำไว้ว่าจับเชลยให้ได้มากที่สุด”
“รับทราบ”
จางเถี่ย รู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้ยินว่ามีการต่อสู้
การที่จะต้องตัดหินอยู่ทุกวันจะเป็นเรื่องน่าสนใจยิ่งกว่าการต่อสู้ได้อย่างไร?
“ส่วนคนที่เหลือตามรถม้าและข้าพาองค์หญิงกลับภูเขา!”
หลังจากพูดจบ หลิวหลงก็กระซิบข้างหูเขาว่า “นายน้อยองค์หญิงเอลฟ์ไม่ใช่หญิงชาวบ้าน มีดวงตามากมายเห็นเหตุการณ์นี้อยู่ที่นี่ หากข่าวนี้หลุดออกไปข้าเกรงว่า…”
หลี่มู่ฟาน ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้ามีความคิดอย่างไร?”
“ทำไมเราไม่ย้ายพวกชาวบ้านทั้งหมดกลับไปที่ค่ายล่ะ?ประการแรกเพื่อป้องกันไม่ให้ข่าวรั่วไหลและประการที่ 2 สามารถเพิ่มกำลังแรงงานให้กับฐานได้”
หลี่มู่ฟาน มองไปที่ชาวบ้านหลายพันคนที่หอบหายใจอย่างกระสับกระส่ายอยู่บนพื้นที่ว่างเปล่าและลังเล
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พยักหน้าและกล่าวว่า “คงทำได้เพียงแค่นั้น เจ้านำทหารออกไปก่อนข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง”
“รับทราบ”