509-510
Ep.509
“ข้าได้มันมาจากเขตแดนลับบนเกาะหลิงซู่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเกาะหวังซวี่” เหมิงเซิ่งถอนหายใจ กล่าวตามความจริง
เขารู้ดี ว่าซูเฉินต้องสนใจชุดเกราะดำอย่างแน่นอน หากเขาปิดบังไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมา เกรงว่าอาจถูกทรมานอีกรอบ จึงอธิบายทั้งหมด
“เกาะหลิงซู่ …” ซูเฉินหรี่ตาลง พึมพำกับตัวเอง
เขาเคยเห็นเกาะหลิงซู่บนหน้าจอควบคุมส่วนกลางมาก่อน มันอยู่ห่างจากเกาะหวังซวี่เพียงไม่กี่ร้อยไมล์ และมีพื้นที่ไม่ถึงหนึ่งในสิบของเกาะหวังซวี่
สามารถกล่าวได้เลย ว่ามันเป็นแค่เกาะเล็กๆที่ไม่น่าสนใจอะไร
ทว่าหากชุดเกราะดำมาจากเกาะหลิงซู่จริง เช่นนั้นเกรงว่าเกาะหลิงซู่คงไม่ธรรมดาอย่างที่คิด
ได้รับข้อมูลที่สมควรได้รับ ซูเฉินรักษาสัญญา ปล่อยให้เหมิงเซิ่งตายลงอย่างไม่เจ็บปวด ซัดหนึ่งหมัดระเบิดหัวอีกฝ่าย
จากนั้น เขากับเฉาหรานก็กลับขึ้นมาบน [รถศึกอัจฉริยะ]
“เสี่ยวจือ มุ่งหน้าไปเมืองเทียนหวัง”
ซูเฉินออกคำสั่ง ทิ้งตัวลงบนเบาะที่นั่งคนขับ หลับตาและเริ่มไตร่ตรอง
ต้นผลสายฟ้าห้าสายและพืชวิญญาณอีกสองต้น เขาจะต้องตามหาพวกมันให้พบ แต่การเข้าสู่ชั้นสสารพิษ ค่อนข้างที่จะเสี่ยง
ในกรณีนี้ เมื่อไม่มั่นใจเต็มร้อย เขาจะไม่ยอมเสี่ยงทำแบบนั้น
ส่วนเขตแดนลับบนเกาะหลิงซู่ รอจนแน่ใจแล้วว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายเปิดเมื่อไหร่ หากมีเวลามากพอ ค่อยเดินทางไปที่นั่น
ผ่านไปพักหนึ่ง ซูเฉินไม่อยากคิดอะไรอีก เริ่มพักผ่อน
ประมาณสองชั่วโมงเต็ม [รถศึกอัจฉริยะ] ก็ร้องเตือนขึ้นมา “เจ้านาย ตรวจพบมนุษย์ ซอมบี้ พวกต่างเผ่าอย่างละหนึ่งอยู่ในรัศมีห่างออกไป 10 ไมล์”
“ทั้งหมดอยู่ในเลเวลไหน?” ซูเฉินเพียงเผยอเปลือกตาเล็กน้อย กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
หากเป็นสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าหรือซอมบี้แค่ตัวเดียว ปริมาณมันน้อยเกินไป ยิ่งระดับไม่สูง เขายิ่งคร้านจะลงมือฆ่า
“พวกต่างเผ่าเป็นสัตว์อสูร อยู่ในเลเวล 3 ซอมบี้เป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 ส่วนมนุษย์เป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 2” [รถศึกอัจฉริยะ] ให้คำตอบ
ซูเฉินค่อยๆลืมตาขึ้น มองไปยังแผนที่ควบคุมส่วนกลาง แล้วกล่าวว่า “เสี่ยวจือ ล็อคตำแหน่งพวกเขาไว้ แล้วขยายภาพที”
เขาค่อนข้างแปลกใจ ในเมื่อเลเวลคนละขั้น เผ่าพันธุ์ก็แตกต่าง แล้วทั้งสามมาอยู่รวมกันได้อย่างไร?
หน้าจอควบคุมส่วนกลางเริ่มเคลื่อนไหว ไม่นานก็ภาพของอินทรียักษ์ที่มีลำตัวยาวกว่า 5 ก็ปรากฏขึ้น
ณ ขณะนี้เอง อินทรียักษ์ตัวนี้กางปีกและกำลังโบยบินด้วยความเร็วสูง โดยเบื้องหน้าอินทรียักษ์ เป็นวัยรุ่นสาวถักเปียหางม้า กำลังหนีอย่างสุดกำลัง
สิ่งที่ทำให้ซูเฉินต้องประหลาดใจก็คือ วัยรุ่นสาวผมเปียหางม้าไม่ได้กำลังวิ่งอยู่บนพื้น แต่ลอยอยู่กลางอากาศ
และความเร็วของเธอไม่ด้อยไปกว่าอินทรียักษ์เลย
“เธอทำแบบนั้นได้ยังไง?”
ซูเฉินเผยอปากเล็กน้อย อารมณ์ความรู้สึกทึ่งปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขา
ความสามารถของวัยรุ่นสาวผมเปียหางม้าผู้นี้ มันเหมือนกับ [ก้าวเมฆามรกต] ของเขาเลย
กระนั้น [ก้าวเมฆามรกต] มันดรอปออกมาจากเศษชิ้นส่วน
ซูเฉินไม่เชื่อว่ายังมีมนุษย์ในโลกใบนี้ ที่มีความสามารถในการสังหารซอมบี้และดรอปชิ้นส่วนได้เหมือนเขา
เช่นนั้นอีกฝ่ายสามารถวิ่งบนฟ้าได้อย่างไร?
ขณะที่ซูเฉินกำลังรู้สึกสับสน [รถศึกอัจฉริยะ] ก็เอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “เจ้านาย ฉันตรวจพบศิลาวิญญาณเหินบนร่างของมนุษย์คนนั้น”
“ศิลาวิญญาณเหินคืออะไร?” หัวใจของซูเฉินเริ่มเต้นแรง เร่งเอ่ยถาม
แร่ชนิดใดก็ตามที่ [รถศึกอัจฉริยะ] เอ่ยเตือนเขา ทั้งหมดล้วนมีคุณสมบัติบางอย่าง
ดังนั้น ซูเฉินจึงเริ่มเกิดตั้งความหวังกับศิลาวิญญาณเหินที่ถูกกล่าวถึงนี้
“ศิลาวิญญาณเหินเป็นแร่ชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการเหาะเหิน หากนำมาติดตั้งให้ฉัน มันจะสามารถช่วยเปิดฟังก์ชั่นการบินได้” [รถศึกอัจฉริยะ] อธิบาย
“ยังมีแร่ที่เจ๋งขนาดนี้อยู่ด้วยหรอ!?” ซูเฉินไม่อาจข่มใจให้สงบได้อีกต่อไป
Ep.510
ลองจินตานาการดูสิ หาก [รถศึกอัจฉริยะ] เปิดฟังก์ชั่นการบินได้ มันจะไม่กลายเป็นเครื่องบินไปเลยหรอ?
สามารถเหาะเหินได้อย่างอิสระบนฟากฟ้า ความเร็วในการเดินทางคงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ซูเฉินยังฉุกคิดได้อีกเรื่องหนึ่ง ว่าเหตุผลที่วัยรุ่นสาวผมเปียหางม้าสามารถวิ่งบนอากาศได้ คงเป็นเพราะมีศิลาวิญญาณเหินอยู่กับตัวแน่ๆ
“เสี่ยวจือ เปิดประตู” ซูเฉินสั่ง
สมบัติอย่างศิลาวิญญาณเหิน แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมพลาดมันไป
ทันทีที่ประตูรถถูกเปิด ซูเฉินก้าวออกไป จากนั้นเหยียบอากาศและพุ่งสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น หายไปในทิศทางที่วัยรุ่นสาวผมเปียหางม้ากำลังหลบหนี
เพื่อให้ไปถึงที่นั่นโดยเร็วที่สุด ซูเฉินเปิดใช้งาน [รองเท้าเพิ่มความเร็ว] ทั้งคนทั้งร่างพรั่งพราวราวกับแสงดาว หายวันไปในอากาศแทบจะในทันที
อีกด้านหนึ่ง สาวผมเปียหางไม้ยังคงวิ่งหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย
แม้เธอจะไม่ถึงกับถูกอินทรียักษ์ไล่ประชิดตัว แต่ใบหน้าของเธอกลับแสดงถึงความตื่นตระหนกไม่เสื่อมคลาย
นั่นเพราะเธอเป็นเพียงผู้วิวัฒนาการเลเวล 2 กำลังรบย่อมเทียบไม่ได้กับอินทรียักษ์
หากพลังงานหมดลง หรือเรียกง่ายๆว่าเธอหมดแรงเมื่อไหร่ นั่นคือเวลาตาย
หลังจากวิ่งไปซักพัก ความเร็วของสาวผมเปียหางม้าก็ค่อยๆลดลง สาเหตุเป็นเพราะรีดเร้นพลังปราณออกมาใช้มากเกินไป จนใกล้ถึงจุดที่มันเหือดแห้งแล้ว
“นี่ฉันกำลังจะตายสินะ?”
มองไปยังอินทรียักษ์เบื้องหลังที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หัวใจของสาวผมเปียหางม้ามอดไหม้เป็นเถ้าธุลี
แต่ทันใดนั้นเอง เสียงหวีดหวิวดังแว่วเข้ามาในหูเธอ จะเป็นอะไรอื่นไปได้อีก หากมิใช่อินทรียักษ์ที่สามารถประชิดตัวได้สำเร็จ
มันกางกรงเล็บแหลมสองข้างเอื้อมคว้าร่างวัยรุ่นสาว
สาวผมเปียสัมผัสได้ถึงความตายที่ใกล้เข้ามาอย่างชัดเจน ลืมเลือนแม้กระทั่งว่าต้องหลบหลีก
ระหว่างเส้นแบ่งของความเป็นความตาย วินาทีนั้นเอง เธอสังเกตเห็นแสงอันพร่ามัวเลือนลางสะท้อนเข้ามาในดวงตา
ช่วงจังหวะนั้นเอง ปรากฏบุรุษรูปร่างสูงโปร่งผู้หนึ่งยืนอยู่เบื้องหน้าเธอ
“เขาเป็นใครกัน? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?”
ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจสาวผมหางม้า ในสายตาเธอ เห็นแค่เพียงชายเบื้องหน้ายื่นมือข้ามผ่านไหล่เธอ แล้ววูบกายผ่านหน้าเธอไป บดขยี้หัวอินทรียักษ์ราวกับกำลังบีบลูกไก่
“แข็งแกร่งมาก!”
สาวผมเปียหางไม้เหลือบมองแผ่นหลังของซูเฉินด้วยความหวั่นไหว หัวใจของเธอเริ่มเต้นแรง
ซูเฉินหันกลับมาแล้วกวาดสำรวจมองเธอ เอ่ยน้ำเสียงห้ามปฏิเสธ “เธอมากับฉัน”
สิ้นเสียง เขาก็ถือศพอินทรียักษ์ ร่อนลงสู่พื้นกลับไปยัง [รถศึกอัจฉริยะ]
“ยังหนุ่มแน่น แถมหล่อมากๆเลย อ๊าา!”
เมื่อครู่ได้เห็นหน้าตาของซูเฉินชัดๆ ใบหน้าของวัยรุ่นสาวผมเปียหางม้าเริ่มแดงเรื่อ
หลังจากจมอยู่ในห้วงภวังค์ไปพักหนึ่ง เธอถึงค่อยตอบสนอง ไล่ตามหลังซูเฉินไปติดๆ
ต่อหน้าผู้แข็งแกร่งเช่นซูเฉิน เธอไม่มีความคิดที่จะหลบหนี
ลดระดับลงมาจนเท้าแตะพื้น ซูเฉินก็สะบัดมือ โยนศพอินทรียักษ์ลง แล้วพูดกับหยางฮ่าวว่า “วัตถุดิบสดใหม่ ฝากให้นายจัดการ”
“รับทราบพี่เฉิน”
หยางฮ่าวและสหายก้าวลงจากรถ เริ่มชำแหละซากศพอินทรีย์ยักษ์
ซูเฉินหันกลับมามองวัยรุ่นสาวผมเปียหางม้าที่กำลังเหม่อลอย เอ่ยถามว่า “เธอชื่ออะไร? แล้วอาศัยอยู่ที่ไหน?”
“ผู้อาวุโส ฉันชื่อหวงหลิง อาศัยอยู่ใกล้ๆกับภูเขาอวี้หลิน” สาวผมเปียหางม้าตอบกลับ
ซูเฉินพยักหน้าเล้กน้อย กล่าวต่อว่า “เธอมีศิลาวิญญาณเหินอยู่กับตัวใช่ไหม? ช่วยเอาออกมาให้ฉันดูหน่อย”
หวงหลิงไม่ลังเลแม้แต่น้อย รีบหยิบเอาแร่สีแดงเลือดออกมาจากกระเป๋าของเธอ ยื่นมันถึงมือซูเฉิน
ซูเฉินเพ่งมองมันอย่างตั้งใจ หันไปถาม [รถศึกอัจฉริยะ] ว่า “เสี่ยวจือ แร่ก้อนนี้ใช่ศิลาวิญญาณเหินรึเปล่า?”
“เจ้านาย มันคือศิลาวิญญาณเหินอย่างไม่ต้องสงสัย” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบยืนยัน
“นี่เขากำลังคุยกับรถฐานทัพ?” หวงหลิงเผยอปากเล็กน้อย สมองเธอคล้ายเกิดอาการลัดวงจร
หัวใจของซูเฉินรู้สึกยินดียิ่ง ยังคงถามต่อว่า “แล้วเปิดฟังก์ชั่นการบิน ต้องใช้ศิลาวิญญาณเหินกี่ก้อน”
“อย่างน้อยสิบก้อน” [รถศึกอัจฉริยะ] ประเมินแล้วตอบกลับ