103 - ชีวิตและความตาย
103 - ชีวิตและความตาย
ในขณะนี้ เย่ฟ่านสังเกตเห็นว่าคุณชายของตระกูลเจียง เจียงอี้เฉินกำลังมองมาที่เขาอีกครั้งซึ่งทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“เจียงอี้เฉิน มีบางอย่างผิดปกติกับการจ้องมองของเจ้า…….” เจียงไช่ซวนสัมผัสได้ถึงความผิดปกติทันที
“พี่ซวนทำไมเจ้าถึงพูดอย่างนั้น” เจียงอี้เฉินรู้สึกตกใจ
“เลิกทำตัวชั่วร้ายได้แล้ว” เจียงไช่ซวนพูดอย่างเย็นชา “ข้าสังเกตเห็นมานานแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าต้องการจะจัดการกับน้องชายเย่ เขายั่วยุเจ้าหรือเปล่า?”
เจียงอี้เฟยมองย้อนกลับไปที่พวกเขาทั้งสองและถามว่า
"เกิดอะไรขึ้น?"
"ไม่มีอะไร" เจียงอี้เฉินก้มหน้าลง
"พูด!"
แม้ว่าเจียงอี้เฟยจะดูมีคุณธรรมแต่เห็นได้ชัดว่าเจียงอี้เฉินหวาดกลัวเขาอย่างยิ่ง
"ข้า……."
“พูด!”
เจียงอี้เฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพูดความจริง
“มีสมบัติล้ำค่าอยู่ในตัวเด็กน้อยคนนั้นและมันไม่ใช่สมบัติล้ำค่าธรรมดา พวกเจ้าคงทราบดีว่าความเก่งกาจของพาหนะของข้ามันสามารถตรวจจับสมบัติที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้อย่างง่ายดาย”
“พวกเขากำลังมา…….”
เย่ฟ่านสังเกตเห็นว่าสามคนที่อยู่ห่างไกลกำลังมองมาทางนี้
“ลูก มีอะไรหรือเปล่า” ลุงเจียงถาม
ถิงถิงเช็ดน้ำตาของนางขณะที่นางพูดว่า
“พี่ใหญ่เจ้ากำลังประสบปัญหาอะไรอยู่? ข้าจะขอให้พี่สาวใช่ซวนช่วยเจ้า”
เย่ฟ่านยิ้มอย่างขมขื่น
ในขณะนี้เจียงอี้เฉินมีรอยยิ้มที่เย็นชาขณะที่เขาเดินผ่านเจียงอี้เฟย และเจียงไช่ซวนก็เดินเข้ามาเช่นกัน
“ข้าอยากรู้มาก เจ้ามีสมบัติล้ำค่าอะไรในตัว”
หัวใจของเย่ฟ่านสั่นไหว เขาไม่คิดว่าเจียงอี้เฉินจะพูดเช่นนี้ เป็นไปได้ไหมว่าเขาค้นพบบางสิ่งบางอย่างจริงๆ?
เจียงอี้เฟยหัวเราะ
“น้องชายเย่ ไม่ต้องกังวลเราไม่มีเจตนาร้ายใดๆ ตระกูลเจียงของเรามีสมบัติล้ำค่ามากมายไม่จำเป็นต้องแย่งชิงของเจ้า”
เจียงไช่ซวนเตือนด้วยความหวังดีว่า
“ด้วยสมบัติล้ำค่าบนร่างกายของเจ้า เจ้าต้องระวังให้ดีในอนาคต……”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของนาง เย่ฟ่านก็เข้าใจถึงความเป็นเอกลักษณ์ของสัตว์ร้ายห้าสี มันสามารถสัมผัสได้ถึงขุมทรัพย์ทางจิตวิญญาณจริงๆ
“โชคดีที่ข้าไม่ตกลงเข้าร่วมตระกูลเจียง…….” เย่ฟ่านพึมพำในใจ
“เอาล่ะ เราจะแยกทางกันที่นี่ เจ้าก็ระวังไว้ด้วยข้าจะตักเตือนเจียงอี้เฉินเอง” เจียงไช่ซวนยิ้มขณะที่นางพูด
ในที่สุดกลุ่มคนที่ขี่สัตว์พาหนะที่มีเอกลักษณ์ก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ถิงถิงร้องไห้อย่างน่าสงสารและโบกมือของนางอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งพวกเขามองไม่เห็นกันอีก
เย่ฟ่านไม่ใช่คนโง่เขารู้ดีว่าคนตระกูลเจียงเพียงแค่พูดไปอย่างนั้น ในความเป็นจริงพวกเขาไม่มีทางปล่อยวางของวิเศษไปอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาไม่ได้สอบถามว่ามันเป็นอะไรด้วยซ้ำ ดังนั้นเย่ฟ่านจึงพุ่งตัวเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว
บริเวณโดยรอบเมืองชิงเฟิงเป็นภูเขาขนาดใหญ่ ต้นไม้โบราณสูงตระหง่านทัดเทียมท้องฟ้า ป่าดึกดำบรรพ์ที่หนาแน่นและภูเขาลึกที่มีสัตว์ร้ายนานา คนธรรมดาไม่มีทางเข้ามาในป่าแห่งนี้ได้
เย่ฟ่านเคยอยู่ในเมืองชิงเฟิงมาระยะหนึ่งก่อนที่จะพบว่าพื้นที่ภูเขาที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้เป็นพื้นที่นอกของดินแดนรกร้างโบราณต้องห้าม
จากใต้ไปทางเหนือของแคว้นเอี๋ยนประมาณสองพันลี้และจากตะวันออกไปตะวันตกประมาณสามพันลี้
ดินแดนรกร้างโบราณต้องห้ามอยู่ในใจกลางของอาณาจักรนี้และล้อมรอบด้วยภูเขาขนาดใหญ่ที่ไม่มีที่สิ้นสุด พื้นที่ของมันครอบคลุมอาณาเขตประมาณแปดร้อยลี้
หลิงซู่ เอี๋ยนเซี่ย อู๋ติง และสำนักศักดิ์สิทธิ์อื่นๆอีกสามแห่งต่างล้อมรอบบริเวณนี้ไว้ตรงกลาง
ในขณะนี้เย่ฟ่านวิ่งเข้าไปในส่วนลึกของป่าอย่างต่อเนื่อง เขาแทบรอไม่ไหวที่จะรีบเข้าไปในดินแดนรกร้างโบราณต้องห้าม เขารู้สึกว่ามีเพียงสถานที่แห่งนั้นเท่านั้นที่เขาจะปลอดภัย
“หวังว่าลางสังหรณ์ของข้าจะผิด……”
หลังจากวิ่งมานานกว่าสองชั่วยาม เขาได้ผ่านภูเขาจำนวนนับไม่ถ้วนก่อนที่จะหยุดพักผ่อนในพื้นที่ภูเขา
ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงคำรามบาดหูของสัตว์ดุร้ายที่ฟังเหมือนเสียงฟ้าร้องที่ฉีกท้องฟ้าอันกว้างใหญ่
“มันมาจากทิศทางของเมืองชิงเฟิง……”
เย่ฟ่านเป็นเหมือนลิงที่คล่องแคล่วในขณะที่เขารีบไปที่หน้าผา ผลักเถาวัลย์ออกไปในขณะที่เขาเข้าไปในถ้ำเพื่อซ่อมตัว เขากลั้นหายใจและลดสัญญาณของชีวิตไปยังจุดต่ำสุด ร่างกายของเขาก็เย็นชาเหมือนซากศพซากหนึ่ง
ไม่นานหลังจากนั้น เขามองผ่านเถาวัลย์และเห็นสัตว์ร้ายพิเศษที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีเขียวพร้อมกับคนขี่ม้าจากตระกูลเจียง
“มาตามล่าจริงๆ…….”
ดวงตาของเย่ฟ่านหรี่ลงและหัวใจของเขารู้สึกเย็นชา เขาได้เห็นถึงความน่าสะพรึงกลัวของทหารม้าตระกูลเจียงเป็นการส่วนตัว และหากเขาถูกจับได้ เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
ไม่นานนักรบผู้ยิ่งใหญ่ก็ขี่สัตว์ร้ายที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาและรีบกลับมา มันโฉบลงกลางพื้นที่ภูเขาแห่งนี้อย่างรุนแรง
“เขาถูกขังอยู่ในพื้นที่นี้ เป็นไปได้ไหมว่าเขาค้นพบข้า?” ร่างกายของเย่ฟ่านรู้สึกเย็นและสัมผัสได้ว่าความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น
ในขณะเดียวกันหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ อีกฝ่ายคงมาเพื่อสมบัติล้ำค่าของเขาอย่างแน่นอน ถ้าเขาถูกพบไม่มีทางที่จะมีชีวิตอยู่ได้
เขาไม่กล้าที่จะตื่นตระหนกมากเกินไปและไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหน เขายังคงอยู่ในถ้ำพร้อมกับทำให้ร่างกายของตัวเองเย็นลงมากที่สุด
สี่ชั่วยามผ่านไป ก่อนที่สัตว์ร้ายสีเขียวจะบินหนีไปและค่อยๆ หายไปในขอบฟ้า เย่ฟ่านไม่กล้าเคลื่อนไหวเลย หลังจากท้องฟ้ามืดสนิทคนขี่ม้าก็ค่อยๆคลานออกมาจากถ้ำอย่างช้าๆ
“ตระกูลเจียง……” เย่ฟ่านกัดฟัน
คืนนี้เย่ฟ่านไม่ได้จุดไฟและเก็บผลไม้ป่าเป็นอาหารก่อนที่จะนอนอยู่ในพุ่มหญ้าในบริเวณที่ไม่สะดุดตา
ในตอนกลางคืนสักลายตัวนั้นยังคงคำรามอย่างไม่รู้จบและเคลื่อนไหวไปมาทั่วไป
“ถ้าข้าปะทะกับเขา ข้าจะต้องตายอย่างแน่นอน ข้าจะกำจัดเขาได้อย่างไร……”
เย่ฟ่านไม่สามารถคิดอะไรได้และทำได้เพียงเลือกที่จะวิ่งต่อ
ในอีกสองวันข้างหน้าเย่ฟ่านยังคงเดินทางต่อไปผ่านพื้นที่ภูเขาในขณะที่ซ่อนตัวอยู่ มีหลายครั้งที่เขาเกือบถูกอีกฝ่ายค้นพบและกล่าวได้ว่าเขาเกือบจะตายไปหลายครั้ง
เป็นวันที่สามที่เขาพบกับอันตรายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อีกฝ่ายดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงตัวตนของเขาและโจมตีทำลายป่าไม้ทั้งหมดในบริเวณใกล้เคียงด้วยอาวุธวิญญาณ
เย่ฟ่านซ่อนตัวอยู่ในหนองน้ำไม่ไกลนักและไม่กล้าขยับไปไหนร่างกายของเขาเต็มไปด้วยโคลนและใบไม้แห้งในขณะที่เขากลั้นหายใจเงียบๆรอให้คนขี่ม้าออกไป
คนขี่ม้าคนนั้นสัมผัสได้คร่าวๆว่าเย่ฟ่านซ่อนตัวอยู่ในบริเวณใกล้เคียงแต่เขาไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ดังนั้นเขาจึงทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ที่นี่รวมทั้งน้องน้ำด้วย
“ชิ!”
ทันใดนั้นอาวุธจิตวิญญาณที่เปล่งแสงเป็นสายฟ้าสีน้ำเงินก็พุ่งผ่าน เฉือนผ่านโคลนและถึงแม้จะไม่ได้กระทบร่างกายของเย่ฟ่านโดยตรงแต่รังสีของมันก็แทบจะตัดร่างของเขาขาดออกเป็นสองท่อน!
หนึ่งชั่วยามต่อมาในที่สุดทุกอย่างก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง เย่ ฟ่านกัดฟันขณะที่เขาหลุดพ้นจากโคลน เลือดสดไหลออกมาจากช่องท้องของเขาและย้อมโคลนให้เป็นสีแดง
“เจียงอี้เฉิน ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะฆ่าเจ้า! แม้แต่ตระกูลขุนนางโบราณก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้!”
ทันใดนั้นเย่ฟ่านก็รู้สึกว่าท้องฟ้ากำลังถล่มลงมา เขาเสียเลือดมากเกินไปและท้องของเขาเกือบจะแยกออกจากกัน ถ้าไม่ใช่เพราะโคลนที่ขวางการไหลเวียนของเลือด เขาคงตายไปนานแล้ว
เขาค้นหาบ่อน้ำที่อยู่ใกล้เคียงและใช้ล้างแผล หลังจากนั้นเขาก็ถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนโคลนออกและใช้ส่วนที่สะอาดที่สุดใช้ทำเป็นผ้าพันแผล