Chapter 27 : บอสไคลน์ไร้สำนึก?
[พิมพ์เขียวกระถางปลูกพืชชั้นเยี่ยม : อุปกรณ์รูนสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน ใช้ได้โดยการใส่ดินและเมล็ดพันธุ์ที่ต้องการจะปลูกลงไป ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ย พืชที่ถูกปลูกในกระถางนี้จะเติบโตอย่างรวดเร็ว]
ไคลน์ทำการเรียนรู้พิมพ์เขียวและเปิดหน้าเมนูการสร้างขึ้นมาดูวัตถุดิบ
วัตถุดิบสำหรับสร้างกระถางปลูกพืชมีอยู่สี่ชนิด : เหล็ก , หิน , ทองแดงและรูนดิน
รูนดินจำเป็นต้องใช้เพียงแค่ก้อนเดียวเท่านั้น
ไคลน์ลังเลอยู่แปปนึงและยังไม่ได้เลือกสร้างออกมาทันที
ในตอนนี้เมล็ดพันธุ์ที่เขามีอยู่ในมือมีเมล็ดของหญ้าเรืองแสงกับหญ้าล่องเหมันต์
เมล็ดพันธุ์หญ้าเรืองแสงนี้เขาได้มาจากการเก็บเกี่ยวในช่วงแรกๆรวมไปถึงที่ได้มาจากแจ็คกับทอมด้วย
ยังไงก็ตามไม่ว่าจะเป็นหญ้าเรืองแสงหรือหญ้าล่องเหมันต์ก็สามารถหาซื้อได้อย่างง่ายดายในตลาดทั้งสองอย่าง
ถ้าเขาใช้รูนดินเพียงเพื่อปลูกพืชสองชนิดนี้ก็คงพูดได้แค่ว่าต้นทุนสูงกว่ากำไรแล้ว
เมล็ดพันธุ์ของต้นเถาวัลย์สีดำเองก็ไม่ต่างกันนัก อย่างน้อยที่สุดก็แค่สามารถให้ผลผลิตเป็นผลเถาวัลย์สีดำที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวเท่านั้น
ยังไงก็ตามในตลาดยังไม่มีเมล็ดพันธุ์ของพืชชนิดนี้ออกมาวางขายเลย
ไคลน์คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น “เอาไว้ก่อนแล้วกัน ถ้าในอนาคตเจอเมล็ดของพวกต้นผลไม้ก็ค่อยว่ากัน หรืออย่างน้อยที่สุดถ้าเป็นพวกผักก็ยังพอยอมรับได้”
“เปิดหีบก่อนดีกว่า”
ไคลน์เดินไปตรงมุม
ภายใต้เปลวเพลิงที่รุกโหมหีบสมบัติทองแดงจึงถูกเผาจนกลายเป็นสีดำ แต่แน่นอนว่านี่หาใช่ปัญหาแต่อย่างใด
ระบบของเขาไร้ที่ติอยู่แล้ว
[แจ้งเตือนจากระบบ : หีบสมบัติทองแดง +1]
[แจ้งเตือนจากระบบ : รูนลม +2]
[แจ้งเตือนจากระบบ : สบู่ +1]
‘โชคดีไม่เบาเลย!’
‘ได้รูนลมมาทีเดียวตั้งสองอันแน่ะ’
‘สบู่เองก็ไม่เลวเหมือนกัน สิ่งนี้ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตไปได้อีกขั้นเลย’
ไคลน์เก็บของทั้งหมดเข้าช่องเก็บของอย่างมีความสุข
ครั้งนี้เขาไม่ได้ทำการย่อยหีบสมบัติทองแดงแต่อย่างใดเพราะเขามีไอเทมขนาดเล็กๆอยู่หลายอย่างและสามารถเก็บเอาไว้ในหีบได้
ตัวเขาในตอนนี้ยังไงซะก็ไม่ขาดแคลนทองแดงอยู่แล้ว
หลังจากจัดการกับหีบสมบัติเสร็จเขาก็กลับมาขุดดินต่อ
แต่เดิมแล้วในสุสานแห่งนี้ก็มีพืชอยู่เหมือนกันแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะถูกเผาจนเหี้ยนไปแล้ว
กระทั่งไม้เองก็ไม่เหลือ พวกมันถูกเผาจนกลายเป็นถ่านไปหมด
[เหล็ก+2 , หิน+4 , ถ่าน+6]
ถือว่าได้วัตถุดิบสำหรับสร้างลูกดอกมาอีกชุด
สุสานแห่งถัดไปคือทางขวา
ไคลน์หยิบแผนที่ขนาดกลางออกมา
แผนที่ระบุไว้ว่ามีสัตว์อสูรแห่งสุสานที่อันตรายมากๆอยู่ในสุสานทางด้านขวา
ไคลน์มองไปที่คำใบ้สีทองที่ปรากฏออกมา
[ขอแสดงความยินดีด้วย! สุสานทางด้านขวามีหีบสมบัติเหล็กรอท่านอยู่และเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนสัตว์อสูรแห่งสุสานไร้สมองตนนั้นก็สำลักอาหารตายไปแล้ว...]
ไคลน์บื้อใบ้พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
สำลักอาหารตาย?
เอาเถอะ
ดูเหมือนว่าจะไม่มีอันตรายรออยู่อีกต่อไป
เขาหยิบพลั่วออกมาและเริ่มขุดบริเวณกำแพงด้านขวา
ความเร็วในการขุดของเขารวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากผ่านไปซักพักไคลน์ก็มาถึงสุสานแห่งที่สิบแปดในที่สุด
สุสานแห่งนี้ไม่ได้มีลักษณะเป็นเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมแต่มีลักษณะคดเคี้ยวแทน
ไคลน์หยิบมีดมาเชเต้ออกมารอไว้
หลังจากวนดูอยู่ครึ่งรอบเขาก็พบกับศพร่างยักศพหนึ่งนอนตายอยู่บนพื้น
เป็นงูยักษ์นี่เอง!
ร่างกายของมันเป็นสีเขียวเมื่อมตลอดทั้งร่างพร้อมด้วยลวดลายแปลกตา
ขนาดของมันยาวราวๆห้าเมตรและลำตัวหนาราวกับแขนผู้ใหญ่
นอกจากนี้ในอากาศเองก็ส่งกลิ่นเหม็นเน่าส่งออกมาอบอวลไปทั่ว
ลำคอของมันโป่งพองและไม่รู้เลยว่ามันกลืนอะไรเข้าไป
[งูดอกหญ้า : ดุร้าย , ชื่นชอบอยู่ในสถานที่อับชื้นและมักจะเตร่อยู่ในถ้ำใต้ดินหลายๆแห่ง ชอบกินดินกินทรายและศพของมันจะเริ่มเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็วหลังจากที่ตาย]
[ความสามารถ : พันธนาการ]
[จุดอ่อน : ไม่ฉลาดนัก]
[ระดับความอันตราย : 24]
ไคลน์อ่านคู่มือและเริ่มคิดถึงความเป็นไปได้
‘น่าจะสำลักดินสำลักทรายตาย’
“ไม่แปลกใจเลยที่บอกว่าโง่เนี่ย” ไคลน์กล่าว
เขาเดินไปดูบริเวณด้านหน้าและก้มลงไปมองที่ปากของมัน
“ใช่จริงๆด้วย”
ภายในปากของมันคือก้อนดินขนาดใหญ่ที่ทั้งใหญ่และแข็ง
ไคลน์ขยับร่างของงูดอกหญ้าออกมาจากนั้นก็ทำการย่อยศพมัน
ร่างของงูตัวนี้ถูกย่อยออกมาเป็นเนื้อ10ชิ้น เลือด400มิลลิลิตรและหนังอีก1แผ่น
เลือดกับเนื้อไม่ค่อยสดเท่าไหร่นัก
ตามที่คู่มือบอกเอาไว้คือหลังจากที่งูตัวนี้ตายศพของมันจะเน่าเปื่อยลงอย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปชั่วโมงนึงทั้งเลือดและเนื้อของมันจึงเริ่มส่งกลิ่นคาวอ่อนๆออกมาแล้ว
ยังไงก็ตามเมื่อดูจากคำอธิบายของไอเทมก็ถือว่ายังกินได้อยู่ดี
เลือดของงูไม่มีอันตรายใดๆและไม่ส่งผลใดๆเช่นกัน
คำอธิบายบอกว่าเนื้อของมันรสชาติค่อนข้างเลวร้ายแต่ก็สามารถใช้บรรเทาความหิวได้ คุณค่าทางสารอาหารเองก็ต่ำมากเหมือนกัน
เพราะว่ามันไม่สดเท่าไหร่นักดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะปวดท้องได้หลังจากที่กินเข้าไป
‘โยนขายเอาไว้ในตลาดแบบไม่ต้องคิดเลย’
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียของเปล่าๆไคลน์จึงเปิดหน้าตลาดแลกเปลี่ยนขึ้นมาอีกครั้ง
และเขาก็ได้เห็นโรเจอร์มาวางของขายอีกครั้งหนึ่ง
ครั้งนี้สิ่งที่หมอนั่นวางขายคือรูนไฟและสิ่งที่เขาต้องการแลกเปลี่ยนก็คือเนื้อจำนวน1กิโล
เมื่อดูจากขนาดของเนื้องูดอกหญ้าแล้วน่าจะชิ้นละราวๆ300กรัมเห็นจะได้
“ในเมื่อมีความเสี่ยงเข้ามาร่วมด้วยถ้างั้นฉันจะให้นายเพิ่มอีกสองชิ้นแล้วกัน”
ไคลน์เลือกแลกเปลี่ยนโดยใช้เนื้องูดอกหญ้าห้าชิ้น
จากนั้นเขาก็ได้รับรูนไฟมาครอบครองสำเร็จ
ไคลน์กวาดตามองรายการสินค้าต่อและใช้เนื้อของแมงมุมสุนัขที่เหลือไปแลกได้พิมพ์เขียวถุงมือหนังทั่วไปกับผ้าห่มชั้นยอดมาอีกสองอย่าง
ส่วนที่เหลือ...
ยังไม่มีใครเอาเลือดสัตว์อสูรมาวางขายเลยมีแต่น้ำดื่มเท่านั้น
‘เอาเป็นว่าเอาไปวางขายไว้แล้วกัน’
ในตอนที่ไคลน์กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยนั้นข้อความส่วนตัวก็เด้งขึ้นมา
ข้อความส่วนตัวมีแยกย่อยประเภทอยู่สามแบบขึ้นอยู่กับแต่ละรูปแบบ
แบบแรกคือข้อความส่วนตัวตามคีเวิร์ดที่ตั้งไว้
แบบที่สองคือข้อความส่วนตัวที่คนทั้งสองเคยคุยกันหรือเคยสนทนาโต้ตอบกันมาก่อน
แบบที่สามคือทั้งสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนสิ่งของเพื่อให้ง่ายต่อผู้ซื้อและผู้ขายในการติดต่อสื่อสารนั่นเอง
[โรเจอร์ 178.23 : บอสไคลน์ก่อนหน้านี้เนื้อแมงมุมย่างที่นายแลกเปลี่ยนมารสชาติโคตรจะเปรี้ยวเลยแถมยังระเบิดในปากอีก! แล้วตอนนี้ก็ยังมาแลกเนื้องูที่อาจจะทำให้ท้องเสียได้อีกเนี่ยนะ! นายเป็นพวกไร้สำนึกรึไง?]
ทำไมมาโทษฉันเล่า?
เจ้าหมอนี่เป็นคนตั้งข้อเสนอแลกเปลี่ยนเองไม่ใช่รึไง
และเนื้องูเองก็แค่ ‘มีโอกาส’ จะทำให้นายท้องเสียเท่านั้น บางทีนายอาจจะโชคดีก็ได้ไม่ใช่รึไง?