499-500
Ep.499
“ทำไมฉันต้องไปเมืองเทียนหวังก่อน?” ซูเฉินไม่เข้าใจ
เฉินเมิ่งเฟยอธิบายว่า “ผู้อาวุโส ค่ายกลเคลื่อนย้ายไปยังทวีปเสวียนเทียนถูกสร้างขึ้นในเมืองเทียนหวัง และเวลาเปิดของค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้ไม่แน่ไม่นอน บางทีก็เปิดแค่ปีละครั้ง บางทีก็หลายเดือนครั้ง ถ้าคุณพลาดช่วงเวลาที่มันเปิดไป ฉันไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน”
“มีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วยหรอ?”
ซูเฉินอุทานออกมาเบาๆ ก่อนหันไปสั่ง [รถศึกอัจฉริยะ] “เสี่ยวจือ ล็อคตำแหน่งเมืองเทียนหวัง ขับไปที่นั่นก่อน”
เขาต้องเรียงลำดับความสำคัญ เพราะท้ายที่สุดแล้ว การค้นหาต้นผลจำลองจิตถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้
หากเดินทางผ่านค่ายกลเคลื่อนย้ายแล้ว อาจต้องทิ้งเวลาช่วงหนึ่ง มันถึงเปิดออกอีกครั้ง เอาไว้ตอนนั้นค่อยกลับมาสังหารพวกต่างเผ่า ก็ยังไม่สายเกินไป
แต่ตอนนี้คงต้องรีบไปทวีปเสวียนเทียนก่อน
“รับทราบ”
[รถศึกอัจฉริยะ] ล็อคตำแหน่งเมืองเทียนหวัง เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
จากที่นี่ไปยังเมืองเทียนหวัง ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 วัน ซูเฉินคอยเฝ้าหน้าจอควบคุมส่วนกลาง เผื่อระหว่างทางหากเจอสัญญาณของซอมบี้หรือพวกต่างเผ่า จะได้ฆ่ามัน
และไม่นาน ซูเฉินก็เจอจนได้ ถัดไปข้างหน้าไม่กี่สิบไมล์ ปรากฏจุดสีดำและจุดสีน้ำเงินนับสิบบนจอภาพ
ทั้งสองฝ่ายอยู่ในสภาวะไล่ล่า และยิ่งนาน จุดสีน้ำเงินก็จะยิ่งหายไปจากหน้าจอ
เหตุการณ์นี้ ต้องเป็นพวกต่างเผ่ากำลังล่ามนุษย์แน่ๆ
ในเมื่ออยู่บนเส้นทางข้างหน้าพอดี ซูเฉินเลยตั้งใจว่าจะรวดกำจัดพวกมัน จึงหันมากล่าวว่า “เสี่ยวจือ ไล่ตามจุดสัญญาณให้ทัน”
ฮึ่ม ฮึ่มมมม!
[รถศึกอัจฉริยะ] เร่งแรงม้าจนได้ยินเสียงเครื่องยนต์ เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ไม่กี่นาทีต่อมา ชายต่างเผ่าที่มีผิวสีเขียวก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
ณ ขณะนี้ ชายต่างเผ่ากำลังนั่งอยู่บนก้อนหินอย่างสบายอารมณ์ ใบหน้าเขาแสดงออกถึงความหยอกเย้าขี้เล่น
และใต้ฝ่าเท้าเขา มีมนุษย์ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังคุกเข่ากับพื้น ตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว ร้องขอความเมตตาไม่หยุด
ส่วนสัญญาณของมนุษย์คนอื่นๆที่เห็นในตอนแรก ทั้งหมดถูกชายต่างเผ่าผู้นี้ฆ่าตายไปแล้ว
“รู้รึเปล่าว่ามันมาจากเผ่าพันธุ์ไหน?” ซูเฉินหันไปมองเฉินเมิ่งเฟย แล้วเอ่ยถาม
พวกต่างเผ่าที่มีรูปร่างหน้าตาเช่นนี้ เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสนใจ
“ผู้อาวุโส เขามาจากเผ่าหนามหยก” เฉินเมิ่งเฟยตอบอย่างรวดเร็ว
“งั้นที่นี่ก็คือดินแดนของขุมกำลังหนามหยก?” ซูเฉินร้องอ้อเบาๆ
เฉินเมิ่งเฟยส่ายหัว บอกว่าเธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
เห็นแบบนี้ ซูเฉินก็ไม่ว่าอะไร ก่อนกวาดมองบนหน้าจอควบคุมส่วนกลาง และพบว่ามีเมืองที่ค่อนข้างใหญ่อยู่ใกล้ๆ มันถูกเรียกว่าเมืองอิงเซิ่ง ข้างในเต็มไปด้วยมนุษย์
ถ้าอย่างนั้นที่แห่งนี้ก็สมควรเป็นอาณาเขตของเผ่ามนุษย์ แล้วเหตุใดเผ่าหนามหยกถึงมาก่อความวุ่นวายได้ตามใจชอบเช่นนี้?
เป็นไปได้ไหมว่ามันแข็งแกร่งมาก? เผ่ามนุษย์คนอื่นๆเลยไม่กล้าหาเรื่อง
ได้ข้อสรุปนี้ในใจ ซูเฉินถาม [รถศึกอัจฉริยะ] ว่า “เสี่ยวจือ ระดับฝึกตนของชาวเผ่าหนามหยกตนนี้อยู่ขั้นไหน?”
[รถศึกอัจฉริยะ] ตอบทันทีว่า “เขาคือผู้วิวัฒนาการเลเวล 2 และเป็นปรมาจารย์มนตราธาตุไม้เลเวล 2”
“ระดับฝึกตนต่ำขนาดนี้เชียว?” ซูเฉินเกิดความสับสนเล็กน้อย
ระดับฝึกตนเพียงแค่นี้ แต่กล้ากระทำการบุ่มบ่ามในเขตเผ่ามนุษย์? แต่ที่แปลกยิ่งกว่าคือไม่มีใครกล้ายุ่ง? แบบนี้มันใช่เรื่องปกติหรือ?
เมื่อ [รถศึกอัจฉริยะ] ขับมาจนถึงหน้าชาวเผ่าหนามหยก ซูเฉินและคนอื่นๆค่อยก้าวลงจากรถ
“โอ้ว! ไม่อยากเชื่อเลย ว่าจะมีมนุษย์ส่งตัวเองมาถึงหน้าประตู นี่มันน่าสนุกจริงๆ”
เห็นซูเฉินและคนอื่นๆปรากฏตัวขึ้นต่อหน้า ชาวเผ่าหนามหยก ไม่เพียงไม่หวาดกลัว ตรงกันข้าม เขาดูตื่นเต้นมาก
เขาเตะมนุษย์ผู้หญิงออกไป เอ่ยเสียงขรึมว่า “วิ่งต่อสิ! หรือจะให้ข้าฆ่าเจ้าตอนนี้เลย?”
มนุษย์ผู้หญิงรีบหันหลัง หลบหนีด้วยความหวาดกลัว รอจนเธอวิ่งไปได้หลายสิบเมตร ทันใดนั้นเอง มุมปากของเผ่าหนามหยกผุดรอยยิ้มเยาะที่ดูโหดเหี้ยม
เห็นแค่เพียงแสงสีเขียวสะท้อนวาบบนนิ้วมือ ก่อนยิงไล่หลังมนุษย์ผู้หญิงที่กำลังหลบหนีไป
แต่ในตอนนั้นเอง ใบมีดสายส่งพุ่งหวืออ! เข้ามาขวางไว้ ทำลายลำแสงสีเขียวลงอย่างง่ายดาย
Ep.500
“หือ? ในหมู่พวกเจ้าก็มีปรมาจารย์มนตราธาตุลมอยู่ด้วยงั้นหรือ? น่าสนใจดีนี่ ชักน่าสนุกขึ้นมาแล้ว!”
ชาวเผ่าหนามหยกไม่สนใจเลยว่าเวทย์ธาตุไม้ของตนได้ถูกทำลายลง เขาไม่หวาดกลัวซูเฉินและคนอื่นๆแม้แต่น้อย แต่กลับยิ่งหัวเราะเสียงดัง
“อะไรวะ? เหมือนสมองไอ้หมอนี่จะมีปัญหา”
“เออ ท่าทางมันดูโง่สิ้นดี ไม่รู้รึไงว่าพวกเรามาที่นี่ก็เพื่อฆ่ามัน?”
หยางฮ่าวและสหายมองหน้ากัน ไม่เข้าใจว่าชาวเผ่าหนามหยกผู้นี้มันเป็นบ้าอะไรกันแน่?
ซูเฉินมองชาวเผ่าหนามหยกด้วยความสงสัย กล่าวเสียงเรียบว่า “นี่แกไม่กลัวว่าจะโดนฉันฆ่าหรือ?”
“ข้าชุยมู่ ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยสะกดคำว่ากลัว!!”
ชุยมู่แห่งเผ่าหนามหยกไม่สะทกสะท้าน แค่นเสียงหัวเราะ เบนสายตามองซูเฉิน ในดวงตามันสะท้อนไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม กล่าวเยาะเย้ยว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าแข็งแกร่งกว่าข้า แต่แล้วไง? เจ้ากล้าสังหารข้าหรือไม่? ถ้าแน่จริงก็ลองดู”
เมื่อคำนี้หลุดออกมา ใบหน้าของหยางฮ่าวและคนอื่นๆดูแปลกไป
ชุยมู่เป็นเพียงผู้วิวัฒนาการเลเวล 2 แค่สมาชิกกลุ่มคนใดคนหนึ่งของซูเฉินก็สามารถฆ่ามันได้แล้ว ผู้ใดกันหนอที่มอบความกล้าหาญให้มัน ถึงได้กล้าเอ่ยวาจาอวดโอ้เช่นนี้?
ขนาดซูเฉินที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะยังตกใจ ความเย่อหยิ่งที่ชุยมู่แสดงออกมา มันไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย
อย่างไรก็ตาม ที่ซูเฉินกล้าทำ นั่นเพราะเขาครอบครองกำลังรบชนิดยากผู้ใดเทียบ แล้วชุยมู่เล่า? อะไรทำให้เขากล้าจองหองขนาดนี้?
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันคงต้องขอทดสอบดูซะแล้วสิ ว่าแกจะแน่อย่างปากพูดรึเปล่า”
ซูเฉินเริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมา ปลดปล่อยพลังจิตกวาดไปทางชุยมู่
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ในที่สุดเจ้าก็ลงมือ! นี่มันเยี่ยมไปเลย!”
สัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่มองไม่เห็นกำลังพุ่งเข้ามา แทนที่จะหวาดกลัว ตรงกันข้าม ชุยมู่กลับรู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม
ทันทีที่พลังจิตสัมผัสลงบนร่างชุยมู่ ในพริบตานั้นเอง บังเกิดเสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วร่างของมัน
แทบจะในทันทีหลังจากนั้น รังสีแสงสีเขียวพลันสว่างวาบ และเริ่มเกิดความเคลื่อนไหว หลังจากที่แสงนี้รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน มันได้แปรสภาพกลายเป็นโครงกระดูกสีเขียวที่มีความสูงมากกว่า 2 เมตร
ทันทีที่โครงกระดูกเขียวปรากฏขึ้น มันกระตุกมือทั้งสองข้างออกไปด้านนอก พร้อมเปล่งพลังมหาศาลออกมา ฉีกทำลายพลังจิตที่โอบรัด กระชากออกจากตัว
“หุ่นเชิดเลเวล 6!” ซูเฉินเลิกคิ้ว
แม้เขาไม่ได้ปลดปล่อยพลังจิตอย่างเต็มที่ แต่มันก็ยังอยู่ในเลเวล 5 ทว่าโครงกระดูกเขียวกลับสามารถทำลายลงได้ในการโจมตีเดียว นี่แสดงให้เห็นว่า มันต้องมีระดับอยู่ในเลเวล 6 อย่างไม่ต้องสงสัย
หุ่นเชิดเลเวลสูงเช่นนี้ เป็นอะไรที่หาได้ยากยิ่งนัก
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! มนุษย์! เป็นอย่างไร? สิ้นหวังแล้วหรือ?”
สีหน้าของชุยมู่เต็มไปด้วยความสะใจ กล่าวอย่างสนุกสนานว่า “ถ้ายังพอมีสมองอยู่บ้าง จงคุกเข่าลงแทบเท้าข้า หักแขนทั้งสองข้างของตัวเอง แล้วข้าจะลองเก็บไปคิดดู เรื่องปล่อยให้เจ้าตายในสภาพศพสมบูรณ์”
“กลัวว่าฉันคงทำให้แกต้องผิดหวังซะแล้ว” ซูเฉินปาดจมูกเขา เริ่มโคจรพลังจิตอีกครั้ง โถมกดลงบนร่างโครงกระดูกเขียว
“เจ้านาย ข้าถูกพันธนาการโดยพลังจิตที่แข็งแกร่ง”
แม้ซูเฉินจะถูกปรับลดฐานฝึกตนลงหนึ่งขั้น แต่พลังจิตที่ปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มกำลังยังคงสูงกว่าเลเวล 6
โครงกระดูกเขียวตรวจพบว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ รีบเตือนชุยมู่อย่างรวดเร็ว
“ว่ากระไร?”
ชุยมู่ทั้งตกใจและสับสน ใบหน้าเขาดูน่าเกลียดราวกับเพิ่งกินก้อนอึเข้าไป
ผู้แข็งแกร่งที่สุดบนเกาะหวังซวี่มีระดับอยู่เพียงเลเวล 6 เท่านั้น ขณะที่เขาได้รับการคุ้มครองโดยหุ่นเชิดโครงกระดูกเลเวล 6 เพราะแบบนี้เขาจึงกล้าไล่สังหารมนุษย์อย่างไม่เกรงกลัว แต่ไม่คาดคิดเลย ว่าจะดันเจอผู้แข็งแกร่งที่อยู่เหนือเลเวล 6 ที่นี่
ณ ขณะนี้ เขากระจ่างแล้วว่ากำลังเผชิญหน้ากับสิ่งใด หัวใจเต้นแรงจนดีดขึ้นไปถึงลำคอ
กระนั้น เขายังไม่อยากตาย รีบเปล่งเสียงร้องอ้อนวอนขอความเมตตาจากซูเฉิน “ผู้อาวุโส ได้โปรดปล่อยข้าไป ท่านพ่อข้าเป็นเจ้าเมืองไค่หยวน อีกทั้งเขายังเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 6 อีกด้วย ตราบใดที่ท่านยอมปล่อยข้าไป ข้าจะมอบของกำนัลมากมายเป็นการตอบแทน”
ซูเฉินเบ้ปาก “สำหรับพวกแกเผ่าหนามหยก ฉันตั้งใจว่าไม่ปล่อยไปแม้แต่ตนเดียว แล้วแบบนี้ ฉันจะยอมปล่อยแกไปได้อย่างไร?”
สิ้นเสียง เขาหันไปส่งสายตาให้หยางฮ่าวกับสหาย กล่าวกำชับว่า “ไอ้หมอนี่มอบให้พวกนาย แต่จำไว้ให้ดี อย่าปล่อยให้มันตายง่ายเกินไป”
ในเมื่อชุยมู่ชอบทรมานและสังหารมนุษย์มาก งั้นเขาก็ต้องการให้ชุยมู่ได้ลิ้มรสการถูกทรมานเสียบ้าง หนำใจเมื่อไหร่ค่อยปล่อยให้ตาย