WS บทที่ 210 ผ่านด่าน
“อะไรนะ อย่าบอกจะว่าฉันออกไปจากที่นี่ไม่ได้” เมื่อได้ยินเสียงประหลาดใจในเสียงของภูตไฟ เมอร์ลินก็รีบถามขึ้นมาทันที
ภูตไฟครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “งั้นเจ้าก็ลองดูสิ ว่าจะออกไปได้หรือไม่”
เมอร์ลินมองภูตไฟด้วยความสงสัยแต่เขายังคงหันหลังกลับและเข้าไปในรู เขาโผล่ขึ้นมาที่ชั้นหนึ่งของหอคอยโบราณ
ที่นี่มันเงียบเชียบมาก ไม่ปรากฏสิ่งมีชีวิตในบริเวณนี้เลย
จากนั้นเมอร์ลินก็มาถึงหน้าประตูหินหนาแผ่นนั้นซึ่งก่อนหน้านี้พ่อมดรีเซนได้ใช้ประตูนี้เพื่อขังเมอร์ลินไว้ในหอคอยโบราณ
“เพลิงพิโรธ!”
เมอร์ลินร่ายเพลิงพิโรธทันที อุณหภูมิที่ร้อนแรงและทำให้เกิดการระเบิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม มันไม่มีผลกระทบกับประตูหินเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้น เมอร์ลินจึงยกมือขึ้นและชี้ไปที่ประตูหินด้วยนิ้วสีขาวของเขา
*แคร่ก!*
ทันใดนั้นอเย็นมุ่งตรงไปที่ประตูหินและแช่แข็งมัน หลังจากมีเสียงแตกแปลก ๆ ประตูหินทั้งบานก็กลายเป็นน้ำแข็งอย่างสมบูรณ์
*ตูม!*
เมอร์ลินโยนลูกไฟให้ประตูหินหลายลูกและระเบิดมันอย่างรุนแรงแต่สุดท้ายมันก็ไร้ผล ดัชนีเยือกแข็งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคาถาระดับสาม มันกลับแช่แข็งประตูหินได้เพียงเปลือกนอกเท่านั้น
"ไม่อยากจะเชื่อ มันไม่พังจริง ๆ ด้วย"
เมอร์ลินขมวดคิ้วแน่น เขาไม่ได้ฝืนพยายามพังประตูหินนี้ต่อไปเพราะเขารู้ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาจะไม่สามารถเปิดมันออกได้
ดังนั้น เมอร์ลินจึงกลับไปที่ใต้ดินและเดินไปยังรูปปั้นเปลวไฟ
“ภูตไฟ มีวิธีทำให้ประตูหินพังหรือไม่?” เมอร์ลินถาม เขารู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้
“พังประตูหิน? พ่อมดเมอร์ลิน เรื่องนั้นเห็นทีจะเป็นไปไม่ได้ หอคอยโบราณแห่งนี้สร้างขึ้นเพราะนายท่านต้องการป้องกันตัวจากศัตรูที่อันตราย ไม่มีใครรู้ว่าวงแหวนเวทย์ถูกจัดเรียงในหอคอยโบราณทั้งหมดกี่วง ประตูบานใหญ่นั้นถูกสลักไว้ด้วยตัวอักษรรูนนับไม่ถ้วน เว้นแต่พวกเขาจะเป็นจอมเวทย์ที่ทรงพลังถึงจะสามารถพังประตูหินนั่นได้”
ภูตไฟพูดช้าๆ ในขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นบนใบหน้าของเมอร์ลินในทันที เขาดูมืดมนมาก
มีเพียงจอมเวทย์เท่านั้นที่สามารถพังประตูหินได้ เมอร์ลินเคยเห็นเพียงนักเวทย์ระดับหกเท่านั้น แม้แต่ในดินแดนมนต์ดำ เขาไม่เคยเห็นนักเวทย์ระดับเจ็ดหรือสูงกว่านั้นมาก่อน แล้วแบบนี้เขาจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร
ภูตไฟเห็นการแสดงออกที่มืดมนของเมอร์ลิน ทันใดนั้น มันก็เปิดปากพูดว่า "พ่อมดเมอร์ลิน ถ้าเจ้าอยากจะออกจากหอคอยโบราณ เจ้าไม่จำเป็นต้องเปิดประตูหินนั้นก็ได้!"
“เอ๊ะ หรือว่าจะมีทางออกอื่นที่สามารถจากหอคอยโบราณ?” เมอร์ลินสามารถสัมผัสความหมายโดยนัยของคำพูดของภูตไฟได้ เขาจึงรีบถามทันที
“แน่นอนว่ามีวิธีอื่นในการออกจากหอคอยโบราณ ในตอนที่สร้างหอคอยแห่งนี้ นายท่านได้คาดการณ์ล่วงหน้าว่าหากถูกปิดผนึกทางออกทั้งหมดแล้วมีศัตรูที่ทรงพลังเข้ามา นายท่านจะออกจากหอคอยโบราณโดยใช้วงแหวนเวทย์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า”
“แล้ววงแหวนเวทย์อยู่ที่ไหน” ใบหน้าของเมอร์ลินเปล่งประกายด้วยความยินดี ในที่สุดก็มีความหวังในการออกจากหอคอยโบราณ
อย่างไรก็ตาม ภูตไฟส่ายหัวและกล่าวว่า “เพื่อความปลอดภัย วงแหวนเวทย์นี้ถูกวางในห้องลับ ต้องใช้เพลิงวินาศรูปแบบแรกเท่านั้นถึงจะเปิดห้องลับนั้นได้”
“เพลิงวินาศรูปแบบแรก? ถ้าอย่างฉันจะฝึกฝนมันตอนนี้เลย!”
เมอร์ลินรีบสั่งเดอะเมทริกซ์ "เดอะเมทริกซ์ ส่งออกข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเพลิงวินาศมาให้ฉัน"
จากนั้นข้อมูลของเพลิงวินาศได้โผล่ขึ้นมาในหัวของเมอร์ลินรวดเร็ว
การที่จะฝึกฝนเพลิงวินาศได้นั้น สิ่งแรกที่ต้องมีก็คือคาถาระดับหนึ่งอย่างเพลิงพิโรธหรือทะเลแห่งเพลิง ตราบใดที่เขามีหนึ่งในสองคาถานี้ เขาก็จะสามารถฝึกฝนเพลิงวินาศได้อย่างราบรื่น
นอกจากคาถาแล้ว มันยังต้องใช้สมบัติล้ำค่าในการฝึกฝนแบบเดียวกับดัชนีเยือกแข็ง
สำหรับรูปแบบแรกของดัชนีเยือกแข็งใช้เพียงไขกระดูกน้ำแข็งร้อยปีเท่านั้นแต่เพลิงวินาศนั้นใช้สมบัติมากมายอย่างเช่น แก่นเพลิงนรกและหินไฟซึ่งสมบัติเหล่านี้ เมอร์ลินไม่เคยได้ยินชื่อของพวกมันมาก่อนเลย
อย่างไรก็ตาม ยิ่งสมบัติในการฝึกฝนมากเท่าไหร่ พลังของมันก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าพลังของเพลิงวินาศแข็งแกร่งกว่าดัชนีเยือกแข็ง
“สมบัติพวกนั้น...ภูตไฟ ฉันจำที่แกบอกได้ว่าเจ้าของหอคอยโบราณได้ทิ้งสมบัติไว้เพื่อฝึกฝนเพลิงวินาศไว้ในหอคอยโบราณด้วยใช่มั้ย?”
ภูตไฟพยักหน้าและกล่าวว่า “ถูกต้อง นายท่านได้ทิ้งสมบัติไว้มากมาย มีเพียงผู้ที่ได้รับเลือกเท่านั้นที่จะได้รับสมบัติเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม การจะได้ครอบครองพวกมันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย นายท่านได้วางสมบัติไว้ภายในห้องลับที่มีผู้พิทักษ์คอยเฝ้าอยู่ข้างนอก เจ้าสามารถเข้าไปในห้องลับและรับสมบัติที่นายท่านทิ้งไว้ ถ้าเจ้าสามารถเอาชนะผู้พิทักษ์พวกนั้นได้”
“ถ้างั้นฉันยังต้องเอาชนะผู้พิทักษ์ก่อนจะได้สมบัติสินะ” เมอร์ลินขมวดคิ้ว เจ้าของหอคอยโบราณนี้ ช่างเป็นคนระมัดระวังอย่างแท้จริง
“ถูกต้อง เจ้าต้องเอาชนะผู้พิทักษ์เพื่อรับสมบัติ! ในตอนนั้น นายท่านจากไปอย่างกะทันหัน ราวกับว่าเขามีลางสังหรณ์เกี่ยวกับอะไรบางอย่าง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงตั้งห้องลับไว้สองสามห้องอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม เพลิงวินาศที่เป็นผลงานจากเลือด หยาดเหงื่อและน้ำตาตลอดช่วงชีวิตของนายท่าน ท่านจึงต้องการผู้ที่โดดเด่นมากกว่านักเวทย์ทั่วไปถึงมาผู้สืบทอดความรู้อันยิ่งใหญ่ของนายท่าน!” ภูตไฟพูดช้าๆ
เมอร์ลินพยักหน้า ดูเหมือนว่าเจ้าของหอคอยโบราณแห่งนี้เคยเป็นนักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ จู่ ๆ เขาก็จากไปโดยไม่ทราบสาเหตุแต่เพลิงวินาศเป็นผลจากการทำงานตลอดชีวิตของเขา เขาจะไม่ยอมให้มันสูญเปล่าไปอย่างง่าย ๆ
ดังนั้นเขาจึงทิ้งวิธีการฝึกฝนและสมบัติบางส่วนไว้ที่ห้องลับในหอคอยโบราณ ถ้าเขาไม่สามารถรับสมบัติในห้องลับได้ เขาคงไม่สามารถฝึกฝนเพลิงวินาศได้เช่นกัน
แบบเดียวกับพ่อมดรีเซนที่ได้วิธีการฝึกฝนไปแต่เขาสมบัติในการฝึกฝน ดังนั้นสิ่งที่เขาได้ไปเป็นเพียงแค่กระดาษเปล่าเท่านั้น
“เอาล่ะ ภูตไฟ พาฉันไปที่ห้องลับที!”
เมอร์ลินสูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดกับภูตไฟ เขามั่นใจในตัวเองพอสมควร เมอร์ลินได้สร้างคาถาระดับหนึ่งแล้วห้าคาถานอกเหนือจากคาถาเขตแดนแสงดำเท่านั้น ตอนนี้เขาเหลือเพียงครึ่งก้าวในการเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่ง
พลังของเขาในตอนี้เพียงพอแล้วสำหรับเขาที่จะต่อสู้กับนักเวทย์ระดับสอง นอกจากนี้ เขายังมีอุปกรณ์เวทย์และคาถาป้องกันของเขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าคาถาคาถาระดับสาม
และที่สำคัญที่สุดเขายังมีดัชนีเยือกแข็งซึ่งสามารถเอาชนะนักเวทย์ระดับสามได้อย่างสมบูรณ์ นั่นคือเหตุผลที่เมอร์ลินจึงมั่นใจมากว่าเขาจะสามารถเอาชนะผู้พิทักษ์และรับสมบัติที่เจ้าของหอคอยโบราณทิ้งไว้เบื้องหลังได้
ภูตไฟพยักหน้า หลังจากนั้น เศษเสี้ยวของความแปรปรวนของพลังจิตที่แปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้นบนร่างกายของมัน
จากนั้นก็มีเสียงดังก้อง
ในห้องโถงใหญ่ ประตูหินหนาค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาจากด้านหลังรูปปั้นเปลวไฟ เผยให้เห็นห้องที่กว้างขวางภายใน
ภูตไฟได้อ้าปากพูดช้าๆ “พ่อมดเมอร์ลิน ด้านหลังนี้มีห้องลับอยู่ภายใน ในแต่ละห้องจะมีผู้พิทักษ์ทำหน้าที่ปกป้องสมบัติเอาไว้ อย่างไรก็ตาม หากเจ้าไม่สามารถเอาชนะผู้พิทักษ์ได้ สิ่งที่เจ้าต้องทำคือออกจากห้องลับและผู้พิทักษ์จะหยุดโจมตีเจ้า จงจำไว้ว่า ถ้าเจ้าไม่สามารถเอาชนะได้ในครั้งแรก เจ้าสามารถลองครั้งที่สองหรือสามแต่ถ้าเจ้าถูกผู้พิทักษ์ฆ่า เจ้าจะไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้ว”
เมอร์ลินพยักหน้า พลางนึกถึงคำพูดของภูติไฟ จากนั้นเขาก็เข้าไปในห้องลับทันที
ในห้องลับ เมอร์ลินสามารถเห็นได้ว่าภายในห้องว่างเปล่าและกว้างขวางมาก ที่มุมหนึ่งของห้องลับมีสิ่งมีชีวิตประหลาดที่มีร่างกายสีขาวทั้งหมด มันดูเหมือนกระต่ายที่สวยงาม
"ในที่สุดก็มีคนมา...พ่อมดหนุ่มเอ๋ย ข้าเป็นลูกศิษย์ของพ่อมดดาวแลนด์ ข้ามีชื่อว่าลิสเตอร์"
สัตว์ประหลาดตัวนี้ที่ดูน่าสงสัยมันดูเหมือน ‘กระต่าย’ ที่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ มันดูลึกลับ น่าพิศวงมาก
เมอร์ลินได้รู้ว่าพ่อมดดาวแลนด์เป็นชื่อของเจ้าของหอคอยโบราณ และสัตว์ประหลาดที่ดูน่าสงสัยเหมือน ‘กระต่าย’ นี้ค่อนข้างซับซ้อน มันอาจจะดูไม่น่ากลัวเลยแต่เมอร์ลินสามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนของธาตุน้ำแข็งที่แข็งแกร่งจากร่างกายของมัน
ทันดนั้น เมอริ์ลนก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ทันที เขารู้ถึงตัวตนของสิ่งมีชีวิตนี้ที่ดูน่าสงสัยเบื้องหน้า แม้ว่ามันจะมีรูปร่างเหมือน ‘กระต่าย’ แต่มันเป็นอสูรธาตุที่พัฒนาเป็นภูตธาตุ!
มีเพียงภูตธาตุเท่านั้นที่สามารถควบคุมพลังธาตุได้อย่างอิสระ แม้แต่โครงสร้างเวทมนต์ของคาถาแช่แข็งกับนำค้างเยือกแข็งในร่างกายของเมอร์ลินก็ไม่สามารถดูดซับธาตุน้ำแข็งใด ๆ ได้เลย เมื่อเขาเข้ามาในห้องนี้ พวกเขาทั้งหมดถูก ‘ช่วงชิง’ ไปโดยภูตธาตุที่มีรูปร่างเหมือน ‘กระต่าย’
นี่ก็เป็นสิ่งที่น่ากลัวเกี่ยวกับภูตธาตุ ย้อนกลับไปในตอนนั้น ชายชราผมเงินต้องการที่จะพัฒนาค้างคาวแวมไพร์ให้กลายเป็นภูตธาตุ หากวิวัฒนาการสำเร็จ พลังของภูตธาตุจะเพิ่มขึ้นสองเท่าทันทีและจะเทียบเท่ากับนักเวทย์ระดับสามเป็นอย่างน้อย
อันที่จริง พลังแห่งธาตุของ ‘กระต่าย’ นี้อาจเหนือกว่าพลังเวทย์ระดับสามทั่วไปแล้ว เมอร์ลินสามารถสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามที่รุนแรงเล็ดลอดออกมาจากร่างกายของมัน
"รูปปั้นผู้พิทักษ์!"
ความประมาทเป็นสิ่งที่เมอร์ลินไม่กล้าเสี่ยง เขาใช้อุปกรณ์เวทมนต์ในการร่ายรูปปั้นผู้พิทักษ์แบบเสริมพลังทันที เมอร์ลินระมัดระวังอย่างมากในการเผชิญหน้ากับ ‘กระต่าย’ ตัวนี้
เมื่อเห็นแสงที่มืดครึ้มจากรูปปั้นผู้พิทักษ์บนร่างของเมอร์ลิน ลิสเตอร์ก็ลุกขึ้นทันที จากนั้นร่างกายของมันเริ่มขยาย ขาทั้งสองข้างเริ่มเหยียดตรงและแข็งแรงขึ้นอย่างหาที่เปรียบมิได้
ในขณะเดียวกันขนสีขาวของมันก็เริ่มเปลี่ยนไป ครึ่งหนึ่งเปลี่ยนเป็นสีดำ กรงเล็บแหลมคมคู่หนึ่งปรากฏขึ้น เปล่งแสงอันเยือกเย็น ธาตุน้ำแข็งทั้งหมดในห้องได้บรรจบกันทั่วร่างของลิสเตอร์
“พลังปีศาจแพนดอร่า ดัชนีเยือกแข็ง!”
เมอร์ลินร่ายออกมาโดยไม่ลังเล เขาใช้ความสามารถที่ทรงพลังที่สุดของเขาทันที ภูตธาตุนั้นไม่ง่ายที่จะรับมือ เพราะมันเทียบเท่ากับนักเวทย์ระดับสามเป็นอย่างน้อย คาถาอื่นๆ ที่เมอร์ลินครอบครองนั้น ไม่สามารถทำอะไร ‘กระต่าย’ ตัวนั้นได้แน่นอน
*หวู่ม!*
ทันใดนั้นเอง ความหนาวเย็นก็พุ่งเข้าใส่ลสเตอร์ในทันที ในตอนแรกมันไม่คิดจะหลบการโจมตีของเมอร์ลิน อย่างไรก็ตาม สีหน้าของมันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากที่รู้สึกความหนาวอันลึกลับ ทำให้มันหลบหนีไปอย่างว่องไว
*แคร่ก!*
ความหนาวเย็นของดัชนีเยือกแข็งทำให้ผนังทั้งหมดของห้องลับกลายเป็นน้ำแข็งอย่างสมบูรณ์
“พลังปีศาจแพนดอร่า ถึงพลังนั่นจะแข็งแกร่งแต่มันก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่โดนตัวข้า!”
ลิสเตอร์สามารถรับรู้ได้ทันทีว่าดัชนีเยืองแข็งเป็นพลังปีศาจแพนดอร่า อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้กลัวเลยกลับกันมันดูตื่นเต้นมากขึ้น
*ตูม!*
ด้วยขาทั้งสองข้างผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ เตะอย่างดุร้าย ทันใดนั้นร่างกายของมันก็เบลอ ในชั่วพริบตามันก็หายไปทันที ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นด้วยความเร็วซึ่งแม้แต่สายลมแห่งอิสระแบบเสริมพลังก็ไม่สามารถเทียบเคียงกับมันได้
ไม่แปลกใจเลยที่ผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ ไม่กลัวดัชนีเยือกแข็งเพราะมันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
ผู้พิทักษ์ ‘กระต่าย’ เคลื่อนไหวเร็วมาก ในชั่วพริบตา มันได้มาถึงเมอร์ลินแล้ว ต่อจากนั้น ร่างกายของมันก็ดูเหมือนจะขยายออกอีกครั้ง ตอนนี้มันกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่น่าสยดสยอง
กรงเล็บที่แหลมคมขนาดมหึมามุ่งตรงมาที่ศีรษะของเมอร์ลินอย่างชั่วร้าย