497 - นักเรียนของโรงเรียนยิงธนู
497 - นักเรียนของโรงเรียนยิงธนู
แม้ว่าจะมีการวางงูดุร้ายจำนวนมากในสนามฝึก แต่ก็เป็นงูที่ไม่เป็นพิษเช่นงูหนูงาม งูหมาป่า งูแถบแดง งูหนูแมนดาริน งูสัมฤทธิ์ฟันเลื่อย
งูพิษบางชนิดเช่นงูเห่าจะถูกถอดเขี้ยวพิษออกแล้วถูกนำมารวมกับงูที่ไม่มีพิษเหล่านั้น
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แม้ว่าทุกคนจะสามารถจำแนกชนิดของงูออกแต่พวกเขาจะไม่ตกใจได้อย่างไรเมื่อมีงูปรากฏขึ้นในสนามฝึก
เอี้ยนลี่เฉียงซื้องูเหล่านั้นจากพ่อค้ายาในเมืองผิงซี การเผชิญหน้ากับหนูนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมากเกินไป อีกทั้งผู้คนจากแคว้นผิงซียังรับประทานหนูเป็นอาหารหลักอยู่ด้วยดังนั้นเขาจึงต้องหาอะไรที่มันน่ากลัวมากกว่า
งูและหนูประมาณสองสามร้อยตัวทำให้เกิดความโกลาหลในสนามฝึกในทันที คนหนุ่มสาวเหล่านั้นที่มาเข้าร่วมในการสอบเข้าโรงเรียนยิงธนูไม่เคยคิดว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะใช้วิธีที่ชั่วร้ายเช่นนี้ในการคัดคนออก
แต่ถึงแม้พวกเขาจะทราบล่วงหน้าอยู่แล้วก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะทำใจได้
สำหรับผู้ที่กระโดด กรีดร้อง และหลบหนี ตราบใดที่พวกเขาขยับร่างกายพวกเขาจะถูกพาตัวออกจากสนามฝึกในทันที ในเวลาไม่ถึงสิบนาที เมื่องูและหนูตัวสุดท้ายหายตัวไปจากสนามฝึกก็มีคนเหลือเพียง 2,600 คน
เอี้ยนลี่เฉียงขึ้นไปบนเวทีอีกครั้งและมองไปยังผู้ที่ยังคงยืนอยู่บนสนามฝึกด้วยความพึงพอใจ การทดสอบในวันนี้ไม่ได้ยากเกินไป แต่สำหรับผู้ที่มีอายุสิบห้าหรือสิบหกปีเป็นเรื่องยากที่จะทำให้สำเร็จได้เมื่อท้องของพวกเขาว่างตลอดทั้งเช้า
หากเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยจากชีวิตก่อนหน้านี้ของเอี้ยนลี่เฉียง เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะจะมีคนที่ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของเขาเหลือถึง 100 คนหรือไม่
ด้วยเหตุนี้การทดสอบจึงสิ้นสุดลง แม้ว่าจะยังมีนักเรียนที่มากกว่าจำนวนที่เอี้ยนลี่เฉียงกำหนดไว้อยู่พอสมควร แต่โรงเรียนสอนยิงธนูก็ได้วางแผนเบื้องต้นเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว
“ยินดีด้วยการทดสอบสิ้นสุดลงแล้ว ผู้ที่ยังคงอยู่ในสนามฝึกจะถือเป็นนักเรียนชุดแรกของโรงเรียนสอนยิงธนู ตอนนี้จะให้เวลาพวกเจ้าพักเป็นช่วงสั้นๆ ตรงนั้นมีน้ำแกงหอมกรุ่นและซาลาเปาไส้เนื้อเพียงพอสำหรับทุกคน
พวกเจ้าจะได้รับน้ำแกงคนละถ้วยและขนมซาลาเปาสามชิ้น หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว พวกเจ้าก็ไปลงทะเบียนที่จุดตรงนั้นเพื่อรับป้ายประจำตัว
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้วพวกเจ้าสามารถกลับบ้านได้ ดูแลแผ่นป้ายนักเรียนของตัวเองให้ดี ในวันอาทิตย์ที่ 30 เดือน 7 จะเป็นวันเปิดภาคเรียน หากพวกเจ้าทำป้ายประจำตัวหายพวกเจ้าจะถูกไล่ออก”
ทันทีที่เอี้ยนลี่เฉียงกล่าวจบผู้คนจำนวนมากก็ทรุดตัวลงกับพื้นทันที นอกจากนี้ยังมีผู้คนจำนวนมากที่ตรงไปที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มคนหนึ่งก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดในขณะที่เขาใช้มือทุบเข้าไปที่ท้องน้อยของตัวเองอย่างรุนแรง หลังจากนั้นเขาก็ล้มลงกับพื้นและสลบไสลไม่ได้สติ
สภาพของชายหนุ่มทำให้เกิดความโกลาหลในบริเวณโดยรอบ เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็รีบวิ่งเข้าไปตรวจสอบร่างกายของเด็กหนุ่มที่ล้มอยู่บนพื้น
“หลีกทาง ทุกคนหลีกทาง!”
ชายหนุ่มที่ล้มลงบนพื้นมีอายุราวๆสิบห้าสิบหกปี ใบหน้าของเขาค่อนข้างเด็กและอ่อนโยน แต่เขามีรูปร่างที่สูงและสวมเสื้อแขนสั้นที่ทำจากผ้าฝ้ายหยาบ
เขามีใบหน้าเหลี่ยม คิ้วสีเข้ม ผิวสีแทนและน่าจะเป็นเด็กหนุ่มจากหมู่บ้านชนบท ในเวลานี้แม้ว่าเขาจะสลบไปแล้วแต่ใบหน้าของเขาก็แสดงความเจ็บปวดอย่างยิ่ง
“อา เขามีเลือดออก! เลือดซึมออกมาจากเป้ากางเกง…!”
ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
เอี้ยนลี่เฉียงก็เห็นมันเช่นกันเมื่อเขาตรวจสอบเขาก็มองเห็นว่าเลือดยังคงไหลออกมาจากท้องน้อยของชายหนุ่มคนนี้ไม่หยุด
“ไปห้องพยาบาลกันเถอะ!” เอี้ยนลี่เฉียงอุ้มชายหนุ่มขึ้นมาแล้วรีบวิ่งไปที่ห้องพยาบาลอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มมากมายในสนามฝึกต่างก็ประหลาดใจเมื่อเห็นเอี้ยนลี่เฉียงรีบไปที่ห้องพยาบาลพร้อมกับชายหนุ่มที่ล้มลง ภาพลักษณ์ของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความองอาจกล้าหาญไม่เหมือนกับตอนที่เขาเป็นปีศาจร้ายที่อยู่บนเวที
ห้องพยาบาลของโรงเรียนสอนยิงธนูเป็นหอคอยขนาดเล็กสองชั้นใหม่เอี่ยม และภายในห้องพยาบาลนี้ก็มีเตาไฟตั้งอยู่ตรงกลางเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต้มยาได้ตลอดเวลา รวมทั้งยังมีชั้นวางสมุนไพรมากมายอยู่รอบ
เอี้ยนลี่เฉียงเป็นคนแรกที่มาถึงห้องพยาบาลเขาตะโกนขึ้นว่า
“หมอหยางเร็วเข้า มีคนเป็นลมและมีเลือดออกด้วย…”
ชายสูงอายุหน้าตู้ยากำลังจัดสมุนไพร เมื่อได้ยินเสียงของเอี้ยนลี่เฉียงเขาก็รีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ให้เขานอนลงเดี๋ยวข้าจะตรวจสอบเขาก่อน!”
เอี้ยนลี่เฉียงวางชายหนุ่มไว้บนเตียง หมอหยางยื่นมือไปจับชีพจรของชายหนุ่มแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไม่ใช่อาการลมแดดแต่เป็นเพราะว่ามีความเครียดมากเกินไป…”
หมอหยางมองไปที่คราบเลือดบนกางเกงของชายหนุ่มและถอดกางเกงของเขาออกทันที เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ชายทั้งหมดเอี้ยนลี่เฉียงจึงไม่จำเป็นต้องหลบสายตา
เมื่อถอดกางเกงออกข้างในก็เต็มไปด้วยเลือดและมีหนูตายตัวหนึ่ง เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกตกใจเล็กน้อยกับภาพนั้น แต่ในขณะเดียวกันเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“ไม่มีปัญหาอะไร มันเป็นเลือดของหนูไม่ใช่เลือดของเขา มีบาดแผลที่ต้นขาของเขาด้วย แต่ก็ไม่เป็นไรข้าสามารถจัดการได้ขอเพียงฆ่าเชื้ออย่างถูกวิธีก็พอ!” หมอหยางทำการตรวจร่างกายอย่างชำนาญ
“เอาล่ะหมอหยาง ข้าจะส่งเขาให้ท่าน ข้าจะกลับมาเมื่อเขาตื่น!”
“อย่ากังวล ไม่มีอะไรผิดปกติกับเขาอย่างแน่นอน!” หมอหยางพยักหน้า
เอี้ยนลี่เฉียงเหลือบมองชายหนุ่มบนเตียงอีกครั้งเพื่อจดจำใบหน้าของเขาก่อนออกจากห้องพยาบาล
สือฉางเฟิงก็รีบวิ่งเข้ามาเช่นกัน
“เกิดอะไรขึ้น?”
เอี้ยนลี่เฉียงอธิบายสถานการณ์
“อา นั่นหมายถึงชายหนุ่มยังคงยืนอยู่ทั้งที่มีหนูกัดขาของเขาอย่างนั้นหรือ?” สือฉางเฟิงมีสีหน้าแปลกๆ เขาอยากจะหัวเราะ แต่เขาพยายามยับยั้งมันด้วยการไอสองครั้ง
"ชายหนุ่มคนนี้สามารถต้านทานการเคลื่อนไหวทั้งที่มีหนูตัวใหญ่กัดอยู่ที่ต้นขาของเขา นี่เป็นคนที่มีจิตใจแน่วแน่ซึ่งหาได้ยากยิ่ง!”
“ใช่ คนแบบนี้หาได้ยาก ต่อให้เป็นข้าก็ไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือไม่!”
“หวังว่าเขามีศักยภาพที่ดี ไปเถอะค่อยมาเยี่ยมเขาอีกครั้งหลังจากที่เขาตื่น…”
…
เมื่อลงทะเบียนนักเรียนเสร็จแล้วก็เป็นเวลาเย็นและความเงียบก็กลับมาที่โรงเรียนสอนยิงธนูอีกครั้ง
เอี้ยนลี่เฉียง สือฉางเฟิง สือต้าเฟิงและเสิ่นเติ้งไปที่ห้องพยาบาลด้วยกัน ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาแล้ว เมื่อเขาเห็นเอี้ยนลี่เฉียงและคนอื่นๆเข้ามาใบหน้าที่ดำคล้ำของเขาก็แดงขึ้นด้วยความเขินอายทันที
เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มและกล่าวว่า
“เจ้าชื่ออะไร”
“ข้า… ข้าชื่อเซี่ยงกุนกุน…”
"อะไรนะ?" เอี้ยนลี่เฉียงคิดว่าเขาได้ยินไม่ชัด
“แซ่ของข้าคือเซี่ยงชื่อจริงคือกุนกุน…กุนที่แปลว่ากลิ้งไปกลิ้งมา มันเป็นชื่อที่พ่อตั้งให้!” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย
"เจ้ามาจากที่ไหน?"
“ข้ามาจากมณฑลอิงเว่ย!”
“อืม การแสดงออกของเจ้าวันนี้ดีมาก เจ้าผ่านการทดสอบและเจ้ามีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมโรงเรียนสอนยิงธนู นี่คือป้ายประจำตัวของเจ้า
ข้าได้ยินจากหมอหยางว่าอาการบาดเจ็บที่ต้นขาของเจ้านั้นไม่ร้ายแรงและเขาทำการรักษาไปแล้ว เจ้าสามารถกลับไปบ้านและรายงานเรื่องนี้ให้พ่อแม่ของเจ้าทราบแล้วค่อยกลับมาในวันที่เปิดภาคเรียน…”
เอี้ยนลี่เฉียงกล่าวและส่งแผ่นโลหะที่มีตัวอักษรว่า 'โรงเรียนสอนยิงธนู' สลักอยู่ด้านหน้าและสลักตัวเลขสี่หลัก '1396' ด้านหลัง
เซี่ยงกุนกุนหยิบแผ่นโลหะและถือไว้แน่นในมือของเขา เขาเงียบไปครู่หนึ่งจากนั้นเงยหน้าขึ้นมองเอี้ยนลี่เฉียงแล้วถามว่า
“ข้า...ขอข้าอยู่ในโรงเรียนสอนยิงธนูได้ไหม”
“เจ้าผ่านการทดสอบโรงเรียนสอนยิงธนูแล้ว ดังนั้นเจ้าจะอยู่ในโรงเรียนสอนยิงธนูได้ตลอดเวลา เจ้าไม่ต้องการที่จะกลับบ้านเพื่อแจ้งครอบครัวของเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนหรือ” สือฉางเฟิง เตือนชายหนุ่ม
“ข้าไม่มีครอบครัว…” เซี่ยงกุนกุนยิ้มทันทีแต่เป็นรอยยิ้มที่ดูหน้าเศร้าเล็กน้อย
“พ่อกับข้าพึ่งพาอาศัยกันมาตั้งแต่เด็ก พ่อของข้าเสียชีวิตด้วยอาการป่วยเมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว ความปรารถนาเดี๋ยวของเขาคือให้ข้าออกจากมณฑลอิงเว่ยและกลายเป็นศิษย์ของโรงเรียนสอนยิงธนู
ท่านพ่อต้องการให้ข้ากินดีอยู่ดีและมีทักษะการต่อสู้โดยที่จะไม่มีใครสามารถรังแกข้าได้อีก…”
เมื่อเซี่ยงกุนกุนเห็นเอี้ยนลี่เฉียง สือฉางเฟิงและคนอื่นๆเงียบไปทันที เขาก็พูดต่ออย่างรวดเร็วว่า
“ข้าจะไม่อยู่ที่นี่อย่างเปล่าประโยชน์ ข้ามีแรงเยอะสามารถทำงานได้มากมาย ที่ถนัดที่สุดก็คือการผ่าฟืน…”
เมื่อมองไปที่ดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังของเซี่ยงกุนกุนเอี้ยนลี่เฉียงก็สูดหายใจเข้าลึกๆ
“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าอยากอยู่เจ้าก็อยู่ต่อเถอะ…”