101 - สำนักศักดิ์สิทธิ์เอี๋ยนเซี่ย
101 - สำนักศักดิ์สิทธิ์เอี๋ยนเซี่ย
ชายวัยกลางคนขี่สายรุ้งลึกลับขณะที่เขาพุ่งขึ้นไปในอากาศพร้อมกับปลดปล่อยโล่สีม่วงและหอกสีทองปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า
ทันใดนั้นเสียงสัตว์ร้ายก็คำรามดังขึ้นในขณะที่ผู้พิทักษ์ของตระกูลเจียงทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
“อ๊าาาา!”
ผู้ฝึกตนวัยกลางคนจากสำนักศักดิ์สิทธิ์เอี๋ยนเซี่ยส่งเสียงร้องอันน่าสังเวชขณะที่โล่สีม่วงของเขาถูกหั่นเป็นชิ้นๆและหอกสีทองก็หักเป็นสองส่วน บนหน้าอกของเขามีรอยแผลขนาดใหญ่และเลือดยังคงทะลักออกมาไม่หยุด
ถ้าเป็นคนปกติคนๆนั้นคงตายไปแล้ว แต่ร่างกายของผู้ฝึกตนนั้นแข็งแกร่งเป็นพิเศษ และเขาก็หยุดเลือดอย่างรวดเร็วพร้อมกับประคองร่างกายของตัวเองให้ถอยหลังกลับ
เย่ฟ่านรู้สึกสะเทือนใจอย่างมากจากสิ่งนี้
เขาสัมผัสได้ว่าผู้พิทักษ์ที่แปลกประหลาดทั้งสิบคนนั้นยอดเยี่ยมจริงๆและเหนือกว่าผู้คนในตระกูลจี้และดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงที่เขาเคยพบในสุสานของจักรพรรดิอสูร
ในขณะนี้ผู้ฝึกตนสองสามคนที่อยู่ที่สวนด้านหลังไม่สามารถทนต่อความโกลาหลทั้งหมดและจำเป็นต้องปรากฏตัวออกมา
“พวกเจ้าเป็นใครกัน”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งขมวดคิ้ว เขาได้ยินคำพูดของคนในลานบ้าน และเห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ไม่ได้มองสำนักศักดิ์สิทธิ์เอี๋ยนเซี่ยอยู่ในสายตาเลย
เรื่องนี้ทำให้พวกเขาอึดอัดและโมโหเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม
“ข้ากำลังต้องการหาคนนำทางไปยังสำนักศักดิ์สิทธิ์เอี๋ยนเซี่ยอยู่พอดี” เจียงไค่ซวนมีรอยยิ้มที่เย็นชาบนใบหน้าที่งดงามของนางขณะที่นางพูดว่า
"ในเมื่อพวกเจ้ามาแล้วก็นำทางไปเถอะ"
การแสดงออกของผู้คนจากสำนักศักดิ์สิทธิ์เอี๋ยนเซี่ยเปลี่ยนไปและหนึ่งในนั้นก็พูดขึ้นด้วยความโกรธว่า
“เด็กน้อยที่หยิ่งผยอง ผู้อาวุโสในตระกูลของเจ้าไม่ได้สอนเจ้าถึงวิธีการเคารพผู้อาวุโสหรือ?”
เสียงของเจียงไค่ซวนเย็นชาขณะที่นางโต้กลับ
“ศิษย์ของเจ้าลงมือสังหารผู้คนในตระกูลของเรา พวกเราทุบตีมันเหมือนสุนัขก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว!”
“เจ้ามีหลักฐานอะไร”
“พวกเขายอมรับมันด้วยตัวเองแล้ว”
ชายชราคนหนึ่งขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า
“นี่เป็นการซ้อมทรมานให้ยอมรับ ต่อให้พวกเขาผิดจริงสำนักศักดิ์สิทธิ์เอี๋ยนเซี่ยของเราก็จะจัดการพวกเขาตามกฎของนิกายไม่อนุญาตให้คนนอกอย่างพวกเจ้ายุ่งเกี่ยว”
“พวกเจ้าคิดจะจัดการตามกฎของนิกาย คนของเราตายมา 2 ปีแล้ว มิหนำซ้ำฆาตกรยังคงรังแกเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้และผู้อาวุโสในตระกูลของเรา นี่คือกฎของนิกายของเจ้า?”
เจียงไค่ซวนเห็นอกเห็นใจถิงถิง เมื่อกล่าวเช่นนี้ใบหน้าของนางดูเย็นชายิ่งขึ้น
“แม้ตอนนี้เจ้าก็ยังต้องการที่จะปกป้องพวกมัน ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าสามารถเป็นอาจารย์ของคนชั่วร้ายพวกนี้ แท้ที่จริงแล้วพวกเจ้าก็เป็นเดรัจฉานในคอกเดียวกัน”
"เจ้า!"
ผู้อาวุโสที่อยู่ข้างหน้ารู้สึกโกรธแค้นอย่างถึงที่สุด แต่เขาก็ไม่กล้าแสดงออกเพราะพลังของอีกฝ่ายปรากฏชัดมากพอแล้ว เพียงแค่เทพทองคำตัวเดียวก็สุดปัญญาที่พวกเขาจะรับมือไหว
ในขณะนี้เจียงอี้เฟยก็สั่งการขึ้นเบาๆว่า
“จัดการพวกมันให้หมด!”
ผู้พิทักษ์สองคนรับคำสั่งและเดินเข้าไปในบ้านตระกูลหลี่อย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสของสำนักศักดิ์สิทธิ์เอี๋ยนเซี่ยไม่มีทางเลือกอื่นได้แต่กล่าวว่า
“ไปกันเถอะ!”
พูดจบเขาก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เขารู้ดีว่าภูมิหลังของคนเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถล่วงเกินได้ ดังนั้นความหวังเดียวของเขาจึงอยู่ที่กลุ่มผู้อาวุโสไท่ซ่างและเจ้าสำนัก
ทันใดนั้นเสียงคำรามของสัตว์อสูรก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งเมือง ผู้คนจากตระกูลเจียงต่างก็เตรียมพร้อมที่จะมุ่งหน้าไปยังสำนักศักดิ์สิทธิ์เอี๋ยนเซี่ย
“อ๊าาาา!”
เสียงร้องอันน่าสังเวชดังกึกก้องมาจากตระกูลหลี่ ผู้ฝึกฝนทุกคนจากตระกูลหลี่รวมไปถึงผู้นำตระกูลของพวกเขาก็ถูกลากออกมาโดยผู้พิทักษ์ทั้งสองคน
เจียงอี้เฟยพยักหน้าให้ผู้พิทักษ์ทั้งสองลงมือแล้วกล่าวว่า
“ไปที่สำนักศักดิ์สิทธิ์เอี๋ยนเซี่ยกันเถอะ!”
เจียงอี้เฟยได้ช่วยเหลือลุงเจียงให้ขึ้นไปนั่งด้านหลังของเทพทองคำเป็นการส่วนตัวในขณะที่เขานั่งอยู่ใกล้ๆกับชายชรา
เจียงไค่ซวนกอดถิงถิงไว้บนกวางศักดิ์สิทธิ์ สำหรับเย่ฟ่านเขานั่งอยู่บนสัตว์อสูรตัวหนึ่งพร้อมกับผู้พิทักษ์ของตระกูลเจียง ในขณะที่พวกเขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
“เราไม่ต้องไปที่สำนักศักดิ์สิทธิ์เอี๋ยนเซี่ยแล้ว คนชั่วได้รับการลงโทษและความแค้นของข้าก็คลี่คลายเช่นกัน……”
เมื่อลุงเจียงพบว่าลูกชายของเขาถูกฆ่าโดยแผนการของคนอื่น ดวงตาชราของเขามีน้ำตาซึมออกมาเล็กน้อย ข้างๆถิงถิงก็เริ่มร้องไห้อย่างเงียบๆ
“ไป เราต้องไปที่นั่น! คนในตระกูลเจียงของเราไม่ใช่คนที่สามารถถูกฆ่าได้เพียงเพราะมีคนต้องการ!”
เย่ฟ่านแอบคร่ำครวญในใจว่าถนนที่เขาต้องเดินนั้นช่างยาวไกลเหลือเกิน เมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนทรงพลังของตระกูลเจียงแล้วเขาไม่ต่างอะไรจากมดแมลงด้วยซ้ำ
ไม่ขนาดนั้นผู้คนในเมืองเล็กๆต่างเบิกตากว้างและพูดไม่ออกก่อนที่จะส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี
ในที่สุดคนชั่วของเมืองก็ถูกกำจัดไปสักที ความคับแค้นที่พวกเขาพบเจอมาตลอดหลายปีในที่สุดก็ได้รับการชำระล้าง
เมื่อต้องเผชิญกับชีวิตและความตาย เชลยเพียงไม่กี่คนจากสำนักศักดิ์สิทธิ์เอี๋ยนเซี่ยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องนำทางไปยังสำนักของตัวเอง
สัตว์อสูรขนาดมหึมากว่าสิบตัวบินอยู่บนก้อนเมฆขณะที่พวกมันทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
ในขณะนี้เย่ฟ่านรู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนกำลังตรวจสอบเขาและและเมื่อเขามองย้อนกลับไปเขาก็ทราบว่าเป็นเจียงอี้เฉินผู้หยิ่งผยองคนนั้นนั่นเอง
เมื่อสังเกตเห็นเย่ฟ่านมองย้อนกลับมาเจียงอี้เฉินก็มีรอยยิ้มเย็นชาอยู่บนใบหน้า
เย่ฟ่านรู้สึกตกใจเล็กน้อย ทำไมอีกฝ่ายถึงทำอย่างนี้ เป็นไปได้ไหมว่าเขาค้นพบอะไรบางอย่าง?
ในเวลาไม่นานกลุ่มคนก็มาถึงสำนักศักดิ์สิทธิ์เอี๋ยนเซี่ย ข้างหน้ามีภูเขาสูงตระหง่านและเขียวขจี นี่เป็นสถานที่อันงดงามสมกับที่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
“ใครกล้าบุกเข้ามาในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของนิกายข้า?” ได้ยินเสียงคำรามดังมาจากข้างบน
"ปัง! ปัง ปัง!"
เชลยทั้งหมดถูกกระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรง
“ศัตรูอยู่ที่นี่!”
เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ภายในสำนักศักดิ์สิทธิ์เอี๋ยนเซี่ยทันที
ในชั่วพริบตาหมอกมากมายก็ปกคลุมท้องฟ้าขณะที่ค่ายกลทรงพลังก็ถูกเปิดใช้งาน มันปลดปล่อยริ้วแสงแห่งความรุ่งโรจน์อันศักดิ์สิทธิ์ปิดกั้นเส้นทางของผู้มาเยือนทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
“ทำได้แค่นี้เองหรือ?”
ในเวลานี้เจียงอี้เฉินก็ก้าวไปข้างหน้าและน้ำเต้าสีม่วงก็พุ่งออกมาจากภายในร่างกายของเขา
ในตอนแรกมันมีขนาดเล็กประมาณหัวแม่มือเท่านั้น แต่เมื่อมันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้ามันก็มีขนาดใหญ่โตราวกับปลาวาฬตัวหนึ่งและพลังของค่ายกลก็ถูกระงับในทันที
หลังจากนั้นน้ำเต้าสีม่วงก็เหมือนกับภูเขาลูกเล็กๆที่กดลงไปยังสำนักศักดิ์สิทธิ์เอี๋ยนเซี่ยพร้อมกับดูดร่างผู้ฝึกฝนมากมายที่อยู่ในสำนักนี้เข้าไปอย่างรวดเร็ว
เย่ฟ่านรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้คาดหวังว่าน้ำเต้าสีม่วงจะส่งพลังถึงขนาดนี้ มันสามารถทำลายค่ายกลพิทักษ์นิกายและยังดูดกลืนผู้ฝึกฝนมากมายเข้าไปอีกด้วย
“ตระกูลขุนนางโบราณน่ากลัวจริงๆ แม้แต่เด็กหนุ่มอายุสิบห้าปีก็ยังได้รับของวิเศษในระดับนี้แล้ว….”เย่ฟ่านยังคงคร่ำครวญในใจ
“เราไม่ควรทำแบบนี้…….”
ลุงเจียงที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้าหวาดกลัวในขณะที่เขาพยายามหว่านล้อมให้ทุกคนหยุดมือ
เจียงอี้เฟยส่ายหัวและตอบว่า
“พ่อแม่ของถิงถิงก็ไม่ได้ทำความผิดอะไรแต่ก็ยังถูกคนอื่นฆ่า พวกเรากำลังเรียกคืนความยุติธรรมให้กับพวกเขา ตระกูลเจียงของเราไม่เคยหวาดกลัวต่อปัญหาอยู่แล้ว!”
"ปัง!"
ในเวลานี้ความผันผวนที่รุนแรงได้พุ่งออกไปในทุกทิศทางจากภายในส่วนลึกของสำนักศักดิ์สิทธิ์เอี๋ยนเซี่ย มันกระแทกน้ำเต้าสีม่วงให้กระเด็นกลับหลังพร้อมกับมีเสียงที่สงบนิ่งกล่าวขึ้นว่า
“ไม่คิดว่าผู้ฝึกตนจากตระกูลขุนนางโบราณจะมาเยือนอาณาจักรเอี๋ยนของเรา ไม่ทราบว่าสำนักศักดิ์สิทธิ์เอี๋ยนเซี่ยทำอะไรให้พวกเจ้าไม่พอใจถึงได้ปรากฏตัวที่นี่วันนี้?”