98 - ตระกูลขุนนางโบราณแซ่เจียง
98 - ตระกูลขุนนางโบราณแซ่เจียง
เมื่อมองดูใบหน้าที่แก่ชราซึ่งแสดงถึงอายุที่เสื่อมโทรม เด็กหนุ่มอายุสิบหกสิบเจ็ดปีที่นั่งบนสัตว์อสูรห้าสีก็ขมวดคิ้วขณะที่เขากล่าวว่า
“นี่เป็นเพียงผู้อาวุโสธรรมดาที่ใกล้จะสิ้นชีวิตแล้ว เขาไม่ใช่คนที่เรามองหาอย่างแน่นอน”
ชายหนุ่มที่อยู่บนหลังของเทพทองคำกวาดสายตาไม่พอใจไปทางเด็กหนุ่มคนนั้น ทำให้เด็กหนุ่มที่อยู่บนหลังอสูรห้าสีหยุดชะงักไปด้วยความหวาดกลัว
“ท่านลุง ท่านอาศัยอยู่ในเมืองชิงเฟิงมาตลอดชีวิตหรือ?” ชายหนุ่มที่อยู่บนหลังเทพทองคำถามด้วยความสุภาพ
“ใช่แล้ว ข้าไม่เคยเดินทางไกลมาก่อนเลย” ชายชราให้คำตอบอย่างตรงไปตรงมา
“บรรพบุรุษของท่านอาศัยอยู่ที่นี่หรือย้ายมาอยู่ที่เมืองนี้?” ชายหนุ่มบนหลังของเทพทองคำยังคงถามต่อไป
“เราย้ายมาที่นี่ในรุ่นพ่อของข้าและข้าก็เกิดที่นี่จริงๆ พวกเจ้า… เจ้ามาที่นี่เพื่ออะไรกันแน่?” ลุงเจียงมีสีหน้างุนงง
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ชายหนุ่มที่อยู่บนหลังเทพทองคำก็กระโดดลงมาทันที ชายเสื้อของเขาโบกสะบัดเล็กน้อยเมื่อเท้าของเขาสัมผัสพื้นแม้แต่ฝุ่นผงก็ไม่กระจายออก
“ท่านลุง ข้าขอถามคำถามท่านสักเล็กน้อย หวังว่าจะได้รับคำตอบอย่างตรงไปตรงมา”
“เชิญเจ้าถามมาเถอะ หากข้ารู้คำตอบจะต้องบอกเจ้าอย่างแน่นอน”
ลุงเจียงเป็นชายชราธรรมดาและเผชิญหน้ากับผู้ฝึกฝนเหล่านี้ด้วยความเคารพ
ถิงถิงรู้สึกประหม่ามากขณะที่นางจับมือเย่ฟ่านไว้แน่นและซ่อนตัวอยู่ระหว่างเขากับปู่ของนาง
“ข้าขอโทษล่วงหน้า ข้าอยากจะถามว่าพ่อแม่ของท่านยังอยู่บนโลกนี้หรือเปล่า” ชายหนุ่มชุดขาวถามด้วยความประหม่า
ลุงเจียงประหลาดใจในขณะที่เขาตอบ
“พวกเขาล่วงลับไปเมื่อห้าสิบปีที่แล้ว”
"อะไร……." ชายหนุ่มชุดขาวดูตกตะลึงและตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด
“ข้าพูดไปก่อนหน้านี้แล้ว นี่เป็นเพียงชายชราธรรมดาในกองขยะ……”
เด็กหนุ่มที่อยู่บนหลังสัตว์ห้าสีมีการแสดงออกหมดความอดทนราวกับว่าเขาต้องการจะออกจากสถานที่แห่งนี้โดยเร็วที่สุด
"หุบปาก อย่าให้ข้าต้องพูดอีกครั้ง!"
ชายหนุ่มชุดขาวจ้องไปที่เด็กหนุ่มคนนั้นด้วยสายตาโหดเหี้ยมก่อนจะหันกลับมากล่าวด้วยความนอบน้อมว่า
“ท่านผู้เฒ่า ข้าขอโทษสำหรับพฤติกรรมของเขา ไม่ทราบว่าพ่อของท่านชื่อเจียงเจ๋อหรือเปล่า?”
“เจ้า…..เจ้ารู้ได้ยังไง” ลุงเจียงมีสีหน้าตกใจ
ผู้หญิงที่นั่งอยู่บนกวางศักดิ์สิทธิ์ก็มีสีหน้าประหลาดใจไม่น้อยนางรำพึงเบาๆว่า
“ดูเหมือนว่าเราจะพบพวกเขาแล้ว”
รูปร่างของนางงดงามและผิวของนางก็ขาวราวกับหิมะบริสุทธิ์ ในขณะเดียวกันใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งจองหองทำให้ทุกคนรู้สึกว่ายากที่จะสนทนากับนางได้
เด็กหนุ่มบนหลังสัตว์ร้ายห้าสีขมวดคิ้วขณะที่เขากล่าวว่า
“ผู้อาวุโสในหมู่บ้านธรรมดาเช่นนี้ เขาจะมีเลือดของตระกูลเจียงของเราได้อย่างไร หากพวกเขาเป็นทายาทของท่านปู่เจียงเจ๋อจริงๆ พวกเขาจะไม่รู้วิธีฝึกฝนได้อย่างไร บางทีพวกเขาอาจจะมีชื่อแซ่คล้ายกันเท่านั้น……”
“ผู้อาวุโสช่วยบอกรายละเอียดทั้งหมดให้ข้าฟังได้ไหม” ท่าทีของชายหนุ่มชุดขาวยังคงอ่อนโยนในขณะที่เขาเดินเข้าไปประคองลุงเจียงด้วยความเคารพ
“ขอให้ท่านลุงช่วยเปิดเผยรายละเอียดด้วย?”
ผู้ฝึกฝนทั้งหมดเฝ้าพื้นที่รอบนอกขณะที่ชายหนุ่มชุดขาวประคองลุงเจียงเข้าไปในร้านเล็กๆ ชายหนุ่มที่หยิ่งผยองและหญิงสาวที่งดงามก็เดินตามไปด้วย
เย่ฟ่านสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาร้ายใดๆจึงดึงถิงถิงให้นั่งข้างๆและเฝ้าดูเหตุการณ์ต่างๆอย่างเงียบๆ
“มีปานสีแดงที่แขนซ้ายของท่านปู่เจียงเจ๋อหรือไม่?”
“เจ้ารู้เรื่องนี้ได้ยังไง” ลุงเจียงมีสีหน้าประหลาดใจ
“ท่านปู่เจียงเจ๋อซ่อนตัวอยู่ในแคว้นเอี๋ยนจริงๆ ไม่คิดว่าท่านจะเสียชีวิตเมื่อห้าสิบปีก่อน…..” ชายหนุ่มชุดขาวถอนหายใจเบาๆก่อนพูดต่อ “ผู้อาวุโส ให้ข้าเรียกท่านว่าท่านลุงดีกว่า”
“ไม่กล้า ไม่กล้า!”
ลุงเจียงสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายต้องการคำนับเขา เรื่องนี้เขาไม่สามารถรับได้
“พวกเจ้าสองคนยืนเซ่ออยู่ทำไม! รีบเข้ามาคำนับท่านลุง!” ชายหนุ่มชุดขาวตะโกนใส่สองคนที่อยู่ข้างหลังเขา
“คำนับท่านลุง” หญิงงามคนนั้นแสดงความเคารพอย่างนอบน้อมขณะที่นางเหลือบมองที่เย่ฟ่านและถิงถิง
ชายหนุ่มดูไม่เต็มใจในขณะที่เขาพึมพำว่า
“คำนับท่านลุง” ก่อนจะโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว
“นี่คือ……” ลุงเจียงมีสีหน้างุนงง ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนี้
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”
ถิงถิงมีสีหน้างุนงง ขนตายาวของนางกะพริบตลอดเวลาและดวงตาที่กลมโตของนางเต็มไปด้วยคำถาม
เมื่อเห็นหน้าตาไร้เดียงสาและน่ารักของนาง ชายหนุ่มชุดขาวก็ใช้มือลูบศีรษะของนางเบาๆแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“เรามาจากตระกูลเดียวกัน”
“ตระกูลอะไร” ดวงตาของถิงถิงเบิกกว้างด้วยความอยากรู้
“ตระกูลขุนนางโบราณตระกูลเจียง ในอนาคตเจ้าจะค่อยๆเข้าใจว่าตระกูลของเรามีความพิเศษอย่างไรในดินแดนรกร้างตะวันออก”
หัวใจของเย่ฟ่านสั่นสะท้าน ตระกูลขุนนางโบราณเป็นมหาอำนาจที่เทียบได้กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สถานะของพวกเขาในดินแดนรกร้างตะวันออกไม่สามารถมองข้ามได้
จากสิ่งที่เย่ฟ่านรู้แซ่เจียงและจี้เป็นหนึ่งในตระกูลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดของประเทศจีน
บันทึกในหนังสือประวัติศาสตร์แซ่เจียงนั้นเป็นทายาทของจักรพรรดิเอี๋ยน(จักรพรรดิไฟ)และแซ่ของพวกเขาได้รับมาจากการที่จักรพรรดิเอี๋ยนประสูติในบริเวณแม่น้ำเจียง ดังนั้นทายาทของเขาจึงใช้แซ่นี้ตั้งแต่นั้นมา
เย่ฟ่านตกใจมาก เขาไม่ได้คาดหวังว่าในอีกด้านหนึ่งของดวงดาว แซ่เจียงจะยังคงเป็นตระกูลใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานเช่นกัน
“ท่านปู่เจียงเจ๋อเป็นหนึ่งในผู้ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในยุคก่อน ในตอนที่เขายังเด็กชื่อของเขาก็ดังก้องไปทั่วสวรรค์แล้ว เมื่อเขาเติบโตขึ้นชื่อเสียงของเขายิ่งเลื่องลือไปทั่วดินแดนรกร้างตะวันออก……”
ชายหนุ่มชุดขาวถอนหายใจด้วยความเสียดาย เห็นได้ชัดว่าชายชราที่อยู่ตรงหน้านี้มีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าทายาทของยอดฝีมือระดับนั้นจะตกต่ำถึงเพียงนี้ได้
หญิงสาวที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้างุนงงและถามออกไปว่า
“เมื่อก่อนท่านปู่เจียงเจ๋อไม่ได้สอนวิชาบ่มเพาะให้ท่านหรือ?”
“การบ่มเพาะอะไร……” ลุงเจียงสับสนอย่างยิ่ง “ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้ากำลังพูดถึงอะไร”
“ในปีนั้น มีหลายสิ่งเกิดขึ้นและเป็นการยากที่จะอธิบายทุกอย่างในคราวเดียว ท่านผู้เฒ่าท่านยินดีจะไปกับพวกเราหรือไม่?” ชายหนุ่มชุดขาวพูดกับชายชราก่อนจะมองไปที่เย่ฟ่านและ ถิงถิง
“แซ่ของข้าไม่ใช่เจียง ถิงถิงเป็นหลานสาวคนเดียวของลุงเจียง”เย่ฟ่านรีบอธิบาย
“ตระกูลของเราเป็นหนี้ท่านปู่เจียงเจ๋อมากมายเกินไป มีความจริงถูกซ่อนไว้อยู่ในอดีตอันขมขื่น ข้าต้องการนำท่านและถิงถิง กลับไปยังตระกูลเจียงอีกครั้ง”
ชายชราอยู่ในอาการมึนงงและแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่ก็มีความเข้าใจคร่าวๆซึ่งมันเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับได้
หญิงสาวที่อยู่ข้างๆเห็นว่าถิงถิงน่ารักมากดังนั้นนางจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“ถิงถิงเจ้ามีความปรารถนาอะไร? พี่สาวจะช่วยทำมันให้เป็นจริง”
“ข้าไม่มีความปรารถนาพิเศษใดๆ ข้าเพียงต้องการอยู่กับท่านปู่และพี่ใหญ่ นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ข้ามีความสุขแล้ว”
“เจ้ามีความปรารถนาอย่างอื่นอีกไหม”
ถิงถิงเอียงศีรษะขณะที่นางคิดอย่างจริงจังก่อนที่จะตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า
“ขอเพียงสามารถกินอาหารมื้อใหญ่ได้ทุกวันโดยไม่มีใครรังแกข้ากับท่านปู่”
เมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้หญิงสาวก็ตกตะลึง
ใบหน้าของชายหนุ่มชุดขาวเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิตขณะที่เขาถามว่า
“หมายความว่าตามปกติแล้วพวกเจ้าถูกรังแกอยู่เสมองั้นหรือ?”
“ใช่ ก่อนที่พี่ใหญ่จะมาถึงมีคนเลวๆมารังแกเราทุกวัน” คำพูดไร้เดียงสาของถิงถิงทำให้ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป
“ท่านลุงข้าลืมถามเรื่องนี้ พ่อแม่ของถิงถิงอยู่ที่ไหน”
ลุงเจียงมีสีหน้าเจ็บปวดในขณะที่เขาพูดว่า “ลูกชายของข้าตายไปหลายปีแล้วแม้แต่ซากศพของเขาพวกเราก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน”
“มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง!” ดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้าง
“ข้าไม่รู้ว่าเขาถูกคนฆ่าหรือว่าตายเพราะอุบัติเหตุด้วยซ้ำ…”
ข้างๆเมื่อถิงถิงได้ยินคำพูดเหล่านี้ดวงตาของนางก็เริ่มแดงและร้องไห้เงียบๆ
“ช่วยบอกรายละเอียดได้หรือไม่!”
ชายหนุ่มชุดขาวมีใบหน้าแดงก่ำสายตาของเขาเต็มไปด้วยความแค้น
ชายชราอธิบายทุกอย่างอย่างเรียบง่าย และชายหนุ่มชุดขาวก็ยืนขึ้นขณะที่เขากล่าวว่า
“สำนักศักดิ์สิทธิ์เอี๋ยนเซี่ยดูเหมือนจะเป็นเพียงตงเทียนเล็กๆเท่านั้น หากพวกมันกล้าปกป้องฆาตกรพวกเราก็ล้างนิกายกันเถอะ!”
หญิงสาวที่งดงามก็มีรอยยิ้มเย็นชาขณะที่นางกล่าวว่า
“พวกเราจะไปที่ตระกูลหลี่ก่อน หลังจากนั้นค่อยไปที่สำนักศักดิ์สิทธิ์เอี๋ยนเซี่ย!”