97 - ตามหาคนแซ่เจียง
97 - ตามหาคนแซ่เจียง
ในช่วงสองวันนี้เมืองของชิงเฟิงนั้นสงบสุขอย่างยิ่ง แต่แล้วความสุขสงบก็ถูกทำลายลงเมื่อผู้ฝึกตนของตระกูลหลี่อีกสองคนกลับจากสำนักศักดิ์สิทธิ์เอี๋ยนเซี่ย
“นายน้อยเจ็ดของตระกูลหลี่หายตัวไป”
“คนเป็นๆคนหนึ่งจะหายตัวไปได้ยังไง?”
“นี่เป็นผลกรรมของตระกูลหลี่!”
“ผลกรรมอะไรต้องเป็นฝีมือของตระกูลหวังอย่างแน่นอน นอกจากตระกูลหวังแล้ว ใครจะกล้าทำแบบนี้? ใครจะมีความกล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้?”
“ถูกต้อง ข้าได้ยินคนใช้ของตระกูลหลี่บอกว่ามันน่าจะเป็นหายนะที่เกิดจาก 'พลังต้นกำเนิด' นั้น”
แม้แต่คนทั่วไปในเมืองชิงเฟิงก็กำลังพูดถึงเรื่องนี้ มันสามารถเห็นได้ว่าสิ่งนี้ทำให้เกิดความโกลาหลมากเพียงใด ตระกูลหลี่ทั้งหมดอยู่ในความโกลาหล แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นเรื่อยๆ
ในขั้นต้นเย่ฟ่านไม่สนใจเพราะผู้ฝึกตนสองคนของตระกูลหลี่ยังไม่น่าจะอยู่ในระดับน้ำพุแห่งชีวิตเพราะพวกเขาไม่สามารถขี่สายรุ้งศักดิ์สิทธิ์ได้
อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านไปสองสามวันสิ่งต่างๆก็เกิดความเปลี่ยนแปลงชนิดที่พลิกฟ้าคว่ำดิน
ผู้คนในสำนักศักดิ์สิทธิ์เอี๋ยนเซี่ยมาจริงๆ และผู้ฝึกตนสองสามคนในระดับน้ำพุแห่งชีวิตก็มาที่นี่เป็นการส่วนตัว
พวกเขาสั่งการให้คนตระกูลหลี่เป็นผู้นำทางเพื่อไปยังถ้ำโบราณที่พวกเขาค้นพบ 'พลังต้นกำเนิด'
หลังจากนั้นผู้ฝึกฝนของตระกูลหวังก็เชื้อเชิญสำนักศักดิ์สิทธิ์ที่ลูกหลานของพวกเขาไปฝึกฝนให้มาสำรวจถ้ำนั้นด้วยกัน ความขัดแย้งเกิดขึ้นอีกครั้งและทั้งสองกลุ่มก็ลงมือต่อสู้กันไปอีกรอบ
“เป็นไปได้ไหมว่าบริเวณนี้มีเส้นเลือดพลังต้นกำเนิดอยู่ด้านใน”
ในวันนี้มีผู้ฝึกตนมากมายปรากฏตัวในเมืองชิงเฟิง พวกเขาขี่สัตว์อสูรตัวใหญ่ที่มีขนาดเรากับภูเขาลูกเล็กๆ
สัตว์อสูรที่อยู่ตรงกลางนั้นมีความพิเศษที่สุด ร่างกายของมันถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีทอง รัศมีอันศักดิ์สิทธิ์ที่แวววาวหมุนวนไปรอบๆราวกับไฟสีทองที่ลุกโชติช่วงราวกับเทพทองคำ
คนที่นั่งอยู่บนหลังของ 'เทพทองคำ' เป็นชายหนุ่มที่ดูเหมือนอายุยี่สิบสี่ยี่สิบห้าปี เขาสวมเสื้อผ้าสีขาวและใบหน้าอ่อนโยนของเขาก็หล่อเหลาอย่างยิ่ง
ข้างๆเขามีสัตว์พาหนะอีกสองตัวที่เคลื่อนที่ควบคู่กันไป ตัวด้านซ้ายเป็นสัตว์ร้ายสีเขียวรูปร่างของมันคือเสือโคร่ง ขนสีเขียวของมันยาวและบริสุทธิ์ราวกับหยกที่ส่องประกาย หัวของมันมีเขาหยกที่เปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีออกมา
สัตว์ร้ายตัวนี้แม้ว่าจะดูเหมือนกำลังเดินอยู่บนพื้น แต่แท้ที่จริงแล้วเท้าของมันเหยียบย่างไปบนอากาศห่างจากพื้นประมาณหนึ่งจ้าง
ที่ขี่อยู่บนหลังของมันคือชายหนุ่มอายุสิบหกสิบเจ็ดปี เขาสวมชุดสีเขียวมีความองอาจสง่างาม แต่ความเย่อหยิ่งจองหองบนใบหน้าของเขานั้นก็ถูกแสดงออกมาอย่างชัดเจน
อีกด้านหนึ่งเป็นสัตว์ร้ายส่องแสงสีเงินวาว รูปร่างของมันเหมือนกับกวางศักดิ์สิทธิ์ ร่างกายของมันถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดเงิน บนหน้าผากของมันมีดวงตาแนวตั้งและร่างกายของมันถูกปกคลุมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ที่แวบวาบ
ด้านหลังของมันนั้นเป็นเด็กสาวอายุสิบหกสิบเจ็ดปี ผิวของนางสดใสและมีสีเลือดฝาดอย่างคนสุขภาพดี นัยน์ตาของนางลึกล้ำราวกับน้ำทะเลสีครามในฤดูใบไม้ร่วง
แม้ว่านางจะเป็นหญิงที่งดงามมาก แต่ผู้คนทั่วไปกลับไม่กล้ามองไปยังใบหน้าของนางเพราะพวกเขาต่างก็ละอายใจในความต่ำต้อยของตัวเอง
ที่ด้านหลังของพวกเขามีสัตว์อสูรสิบตัว แต่ละตัวมีความพิเศษเช่นกันและแต่ละตัวก็เป็นสายพันธุ์ที่หายากมาก ผู้ที่ขับขี่อยู่ด้านหลังของสัตว์อสูรพวกนั้นล้วนเป็นชายชราหรือไม่ก็ชายวัยกลางคน
ในระยะไกลเมื่อเย่ฟ่านมองเห็นคนกลุ่มนี้เขาก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆด้วยความกลัว คนเหล่านี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง พวกเขาน่าจะมีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับผู้อาวุโสของหลิงซู่ตงเทียนเป็นอย่างน้อย
“มีตระกูลใดบ้างในเมืองนี้ที่มีแซ่เจียง?” ในเวลานี้ใครบางคนก็ถามออกมาด้วยเสียงอันดัง
หัวใจของเย่ฟ่านเต้นแรง ทำไมพวกเขาถึงค้นหาคนแซ่เจียง? เย่ฟ่านพบว่ามันยากที่จะสงบอารมณ์เขาต้องการกลับไปที่ร้านเพื่อพาลุงเจียงและถิงถิงหนี
แต่ว่าหากเขาเคลื่อนไหวยอดฝีมือเหล่านี้จะตรวจจับได้ทันที ดังนั้นเขาจึงได้แต่แกล้งทำเป็นชาวบ้านธรรมดาและหาโอกาสปลีกตัวจากไป
เมืองชิงเฟิงไม่เคยพบเห็นสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ผู้คนมากมายที่กำลังมุงดูไม่กล้าตอบคำถามเพราะมัวแต่ตกตะลึงกับรัศมีอันศักดิ์สิทธิ์ของคนกลุ่มนี้
ชายกลางคนอายุประมาณสามสิบปีนั่งบนสัตว์ร้ายแสดงท่าทีเป็นมิตรแล้วถามกับชาวบ้านด้วยรอยยิ้มว่า
“พวกเจ้าทุกคนไม่ต้องกลัว พวกเราไม่ได้มาที่นี่ด้วยเจตนาร้าย เราแค่ต้องการทราบว่ามีคนแซ่เจียงในเมืองนี้หรือไม่”
แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะคงไว้ซึ่งการแสดงออกที่อ่อนโยน แต่คนเหล่านี้ล้วนเป็นมือเก่าที่สังหารผู้คนมามากมาย ดังนั้นรัศมีพลังของพวกเขาจึงน่ากลัวถึงขีดสุด
ชาวนาชราคนหนึ่งชี้ไปทางถนนทิศตะวันตกและพูดตะกุกตะกักด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา
“นั่น….. ถนนสายนั้น…… บ้านที่ใหญ่ที่สุด……. นั่นแหละ.”
"ขอบคุณมาก"
กลุ่มคนที่ขี่สัตว์อสูรมุ่งหน้าไปยังประตูทางออกของเมืองอย่างรวดเร็ว
ไม่ไกลนักหัวใจของเย่ฟ่านก็ผ่อนคลายลง เมืองนี้มีตระกูลอื่นที่มีแซ่ว่าเจียงเช่นกัน แต่เขาก็ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย เขารีบวิ่งกลับไปที่ร้านเพื่อเล่าทุกอย่างให้กับลุงเจียงฟัง
“ลุงเจียง……”
“มีอะไรหรือเปล่า” ชายชราเดินออกมาจากห้องครัว
ถิงถิงเพิ่งล้างผลไม้ป่าสีแดงสดเสร็จและถือมันไว้ในมือเพื่อรอกินพร้อมกับทุกคน ดวงตาของนางเบิกกว้างเป็นประกายและถามออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า
“พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้น?”
“เรื่องมันเป็นแบบนี้……”
เย่ฟ่านบอกลุงแก่เจียงเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ยินและเห็นก่อนที่จะถามว่า
“ท่านลุงเคยมีปฏิสัมพันธ์กับคนเหล่านี้มาก่อนหรือไม่”
ลุงเจียงส่ายหัว
“ข้าอยู่มาเจ็ดสิบปีแล้ว แต่แทบไม่เคยออกจากเมืองเล็กๆแห่งนี้เลย เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะรู้จักคนเหล่านี้”
“มีสัตว์ร้ายที่มีเอกลักษณ์มากมายจริงๆเหรอ? ข้าอยากเห็นว่ามันหน้าตาเป็นอย่างไร……”
ดวงตาที่เต็มไปด้วยสดใสของถิงถิงดูเหมือนจะเปล่งประกายด้วยดวงดาวเล็กๆมากมาย นางรีบวิ่งออกไปที่ถนนและต้องการมองหาคนเหล่านั้น
เย่ฟ่านสังเกตเห็นว่าถิงถิงวิ่งออกไปแล้วดังนั้นเขาจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า
“จะเกี่ยวอะไรกับพ่อแม่ของถิงถิงหรือไม่?”
“มันไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น” ชายชรากล่าวด้วยความเศร้าโศก
“พวกเขาได้รับการฝึกฝนภายในสำนักศักดิ์สิทธิ์เอี๋ยนเซี่ยมาโดยตลอดและไม่เคยเดินทางไกลมาก่อน สหายของพวกเขาทั้งหมดเป็นคนจากนิกายเดียวกัน”
“สัตว์ร้ายที่มีเอกลักษณ์มากมาย พวกมันไม่ได้เดินอยู่บนพื้นพวกมันเดินอยู่กลางอากาศ…..” ถิงถิงรีบวิ่งกลับเข้ามาในร้านและกล่าวด้วยความปลาบปลื้มใจ
“ท่านปู่มาดูนี่สิ! พวกมันกำลังเข้ามาหาเรา”
เย่ฟ่านและชายชรารีบวิ่งไปและเห็นสัตว์พาหนะสิบตัวกำลังวิ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ทำให้ฝุ่นละอองฟุ้งกระจายแม้แต่น้อย
“พวกมันน่ากลัวมาก”
ถิงถิงตกใจเล็กน้อยเพราะผู้ฝึกฝนทั้งหมดนอกเหนือจากสามคนที่อยู่ตรงกลางดูเหมือนจะปลดปล่อยเจตนาฆ่าที่รุนแรงซึ่งเต็มไปด้วยความกระหายในการต่อสู้
เย่ฟ่านรีบจับมือของถิงถิงขณะที่เขาประคองร่างกายของลุงเจียง คนธรรมดายากที่จะต่อต้านไอสังหารที่แผ่ออกมาจากนักรบเหล่านี้ได้
สัตว์ร้ายกว่าสิบตัวหยุดอยู่ตรงหน้าร้านเล็กๆ สั่นศีรษะและโยกหาง เกล็ดของพวกมันกระพริบและเปล่งแสงที่แตกต่างกันออกไป
อย่างไรก็ตาม แสงศักดิ์สิทธิ์ไม่เพียงพอที่จะปกปิดไอสังหารที่ฝังแน่นอยู่ในร่างกายของพวกมันได้ เห็นได้ชัดว่าแต่ละตัวผ่านการต่อสู้นองเลือดหลายครั้งและพวกมันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงที่เชื่องเชื่ออย่างแน่นอน
“นี่คือตระกูลเจียง?”
จากศูนย์กลางของกลุ่ม ชายหนุ่มที่ดูหล่อเหลาถาม เขาสวมเสื้อผ้าสีขาวดวงตาสดใสยิ่งกว่าดวงดาว บางครั้งก็ปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา ลักษณะของเขาแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับผู้คนที่อยู่ด้านหลัง
ลุงเจียงผู้เฒ่าที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยย่นมีสีหน้างุนงงในขณะที่เขาถามว่า
“ถูกต้อง มีอะไรให้เราช่วยไหม?”