บทที่ 21 ความหงุดหงิดนี่คืออะไร
บทที่ 21
ความหงุดหงิดนี่คืออะไร
ยิ่ง หลี่มู่ฟาน ได้ยินมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งโกรธขึ้นมากเท่านั้น เขาตะโกนออกมาว่า “นังแพศยาหุบปากซะ ข้ากำลังสนทนากลับพี่ชาย แล้วเจ้าจะเข้ามาขัดจังหวะได้อย่างไร?หากกล้าที่จะพูดพล่ามไร้สาระอีกสักประโยค บิดาพูดนี้จะเรียกคนมาผลัดกันรุมโทรมเจ้า!”
ความฉุนเฉียวคือความรุนแรงทางภาษาที่แสดงออกมาอย่างตรงไปตรงมา
ทุกคนในที่นี้ต่างได้ยินและตกตะลึงงัน ฟานชิงเยว่ ยิ่งหน้าแดงด้วยความเขินอายและหันหน้าไปทางอื่น ราชาน้อยหน้าตาหล่อเหล่าตรงหน้าของนางทำไมถึงได้ดุร้ายถึงเพียงนี้ หากพูดไม่ดีจะให้คนถึงขนาดรุมโทรมชายาในนามของตน แสดงให้เห็นถึงความโกรธอย่างชัดเจน
เมื่อมองไปที่การแสดงออกของทุกคนเขาก็สามารถรู้ได้ทันทีว่าเขาพูดหยาบคายเกินกว่าฐานะทางสังคมของเขาเสียแล้ว เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดโปนความโกรธของเขายิ่งรุนแรงขึ้น เขาจึงคำรามว่า “หลี่ฮ่าวเทียน พวกเจ้าไปเอาเรื่องไร้สาระพวกนี้มาจากไหน?บิดาผู้นี้กำลังจะจากไปแล้วเจ้าจะทำอะไรได้?”
ใบหน้าของ หวังเมิ่งอวี่ แดงก่ำไปด้วยความโกรธ ดวงตากลมโตคู่งามของนางเต็มไปด้วยไอน้ำ นางจ้องมองเขม็งไปที่ หลี่มู่ฟาน อย่างโกรธเคืองจนพูดอะไรไม่ออก
หลี่ฮ่าวเทียน เองก็โกรธเช่นกัน แต่สุดท้ายแล้วการที่เขาสามารถขึ้นครองราชย์ได้สำเร็จก็เพราะมีตัวช่วยหลายประการ เขารู้ว่ามันไม่เหมาะสมที่จะลงมือในตอนนี้ เขาพยายามระงับความโกรธเอาไว้และกล่าวว่า “หลี่มู่ฟาน เจ้าคนหน้าซื่อใจคด วันนี้ตัวข้านั้นจะปล่อยเจ้าไปก่อน!”
“ไปกันเถอะ!”
หวังเมิ่งอวี่ กัดริมฝีปากล่างของนางและมองไปที่ หลี่มู่ฟาน ดูเหมือนว่าคำด่าเมื่อสักครู่จะเป็นการดูถูกนางจนทำให้นางต้องเก็บความแค้นนี้ไว้ในใจ นางแค่นเสียงและหันหลังเดินจากไป
หลิวหลงมองตามคนกลุ่มนี้ไปอย่างช้าๆและกระซิบข้างหู หลี่มู่ฟาน ว่า “ฝ่าบาท พระองค์ต้องการให้พวกเรายิงธนูหรือไม่?”
หลี่มู่ฟาน ส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ไม่ ที่นี่ไม่เหมาะจะลงมือ วันนี้ข้าจะปล่อยชายชู้หญิงชั่วไปก่อน”
เมื่อเห็นหลิวหลงและทหารองครักษ์มองหน้าเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาก็ปูดโปนขึ้นมาแล้วพูดอย่างโมโหว่า “มองอะไร!นำเสบียงและแพไม้ทั้งหมดมาให้ข้า!”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น คอของพวกเขาหดลงไม่กล้ามองไปที่ หลี่มู่ฟาน อีกต่อไปและแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ทันที
ทันทีที่ หลี่มู่ฟาน พูดจบเขาก็เดินไปได้ไม่กี่ก้าวทันใดนั้นก็มีบางอย่างสะกิดใจของเขา เขาพอจะคาดเดาได้เล็กน้อยเกี่ยวกับจุดประสงค์ของพวกเขาในการมากล่าวคำอำลา
1 วันถัดมา บนผิวน้ำอันกว้างใหญ่ แพไม้ ขนาดใหญ่หลายสิบแพกำลังไหลไปตามแม่น้ำ หลี่มู่ฟาน และคนอื่นๆอยู่บนแพ แพไม้ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาทำด้วยไม้ไผ่กลวง ความสามารถในการลอยตัวของมันนั้นยอดเยี่ยม จึงสามารถบรรทุกน้ำหนักและรออยู่บนแม่น้ำได้อย่างมั่นคง
เนื่องจากมียาและอาหารมากมาย หลังจากผ่านการฟื้นฟูมาทั้งคืนสภาพของเหล่าทหารก็ดีขึ้นมาก หลี่มู่ฟาน ยืนเอามือไพล่หลังและมองไปที่ป่าทึบทั้งสองฝั่ง
คนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาคือ ฟานชิงเยว่ อาเฉียง และ ชุ่ยฮัว หลังจากนั้นไม่นาน หลิวหลง ก็วิ่งบนน้ำดุจดังแมลงปอและลงบนแพไม้ตรงกลาง
“นายน้อย สายลับทั้งหมดถูกจัดการแล้ว”
หลี่มู่ฟาน พยักหน้า
“ดี เจ้าส่งคำสั่งออกไป ให้พี่น้องหาที่หยุดแพแล้วพวกเราจะขึ้นฝั่งกลับไป!
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็อึ้ง ฟานชิงเยว่ถามขึ้นว่า “นายน้อย พวกเราไม่ใช่ว่าจะไปที่เนินแห่งความโกลาหลหรอกหรือเจ้าคะ”
“พวกเจ้าคิดว่า หลี่ฮ่าวเทียน นั้นมีเจตนาเช่นนั้นใดหรือ ที่มาส่งพวกเรา?”
เมื่อเห็นว่าทุกคนสับสน หลี่มู่ฟาน ก็ยิ้มและกล่าวว่า “พวกมันเพียงต้องการสืบที่อยู่ของเราเพื่ออำนวยความสะดวกในการกำจัดรากถอนโคนพวกเรา ด้วยเล่ห์กลของหวังฝูเฉิน กลับ หวังเมิ่งอวี่ เมื่อพวกเขาเห็นแพไม้ไผ่ พวกเขาสามารถคาดเดาได้ว่าพวกเราจะลงแม่น้ำและเส้นทางนี้จะไปยังอาณาเขตของเผ่าเอลฟ์ ดังนั้นไม่มีที่ใดเหมาะสมเท่ากับเนินแห่งความโกลาหลทางใต้สุดเท่านั้น”
หลิวหลงถามด้วยความสงสัย “นายน้อย แม้ว่าพวกเขาจะคาดเดาว่าเราจะไปที่เนินแห่งความโกลาหล แต่ที่นั่นก็เป็นชายแดนระหว่างเผ่าเอลฟ์และเผ่าหมาป่า การเดินทางนั้นไกลมากไม่ต้องพูดถึงเผ่าพันธุ์ที่ไม่อาจยั่วยุได้ ทำไมพวกเขาถึงคิดว่าพวกเราจะไปที่นั่น?”
หลี่มู่ฟาน ยิ้มและส่ายหัว
“แม้ว่าเผาช้างและเผ่าหมาป่าจะแข็งแกร่ง แต่พวกเขาก็ยังเป็นเพียงเผ่าพันธุ์ระดับเหลือง มันขึ้นอยู่กับเผ่าเอลฟ์ ว่าเมืองสุริยันจันทราจะมอบเครื่องบรรณาการให้กับเผ่าเอลฟ์ทุกปี ถ้าพวกเขาใช้โอกาสนี้ซื้อใจเผ่าเอลฟ์เพื่อขอเข้ามาในเขต ด้วยความสามารถของพวกเขา พวกเขาก็จะสามารถจัดการพวกเราได้อย่างง่ายดาย”
ฟานชิงเยว่ จึงพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ว่าเผ่าเอลฟ์ตัดขาดกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเราหรอกหรือ?พวกเขาจะรับสินบนได้อย่างไร?”