THW ตอนที่ 13+14(2/3) ตลาดนัดเชลซี + อาทิตย์อัสดงในแมนแฮตตัน
THW ตอนที่ 13+14(2/3) ตลาดนัดเชลซี + อาทิตย์อัสดงในแมนแฮตตัน
เย่เทียนแสร้งทำเป็นตกใจและถอนหายใจ นี่เป็นราคาที่เขาคาดการไว้เหมือนกัน
เจ้าของร้านขายของมือสองเบนนี่เห็นได้ชัดว่ารู้จักนาฬิกานี้เป็นอย่างดี ต่อให้เขาอยากจะฉวยโอกาส มันก็ไม่มีประตูให้เขาเข้าไป!
“เจ้าสิ่งนั้นมันห่างจากพวกเรามากเกินไป! ทำได้เพียงแค่ดูอย่างอิจฉาเท่านั้น! คิดจะเป็นเจ้าของอย่างงั้นเหรอ? นั่นมันยากเกินไปแล้ว!”
“แล้วทำไมนายถึงนำนาฬิกาล้ำค้าอย่างนั้นมาที่ตลาดนัดล่ะ? มันมีคนซื้ออย่างงั้นเหรอ?”
เย่เทียนถามอย่างสงสัย
จะมีคนนำเงินมากกว่า 150,000 เหรียญมาที่ตลาดนัดเพื่อซื้อนาฬิกาโบราณอย่างงั้นเหรอ? นี่คิดจะล้อเขาเล่นหรือไง!
“แน่นอนว่าไม่มีคนซื้อมันหรอก! ที่นำมานี่ก็ไม่ได้เพื่อขายอะไร จุดประสงค์ก็แค่เอามาให้ทุกคนในเมืองได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของร้านขายของมือสองของพวกเราเท่านั้นเอง
ในขณะเดียวกัน มันก็สามารถใช้เป็นตัวดึงดูดผู้คนให้เข้ามายังร้านของพวกเรามากขึ้นด้วย นี่ต่างหากจึงจะเป็นเป้าหมายที่แท้จริง หากให้พูดตรงๆ แล้ว มันก็คือสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง!”
“ก็จริง นาฬิกาตั้งโต๊ะตัวนี้นับว่าโดดเด่นมากจริงๆ”
ขณะที่คุย พวกเขาก็มาถึงร้านฮอตดอก และทั้งสองก็เข้าไปต่อแถวเพื่อซื้อฮอตดอก
ฮอตดอกของที่นี่ดูน่ากินจริงๆ สามารถเห็นได้จากสีหน้าของผู้คนที่ได้กลิ่นตอนกำลังเข้าแถว
แม้ว่าแถวจะยาว แต่ก็ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็ถึงคิวของพวกเขาแล้ว
และในตอนนี้ เย่เทียนก็เริ่มเรียนรู้จากเจสันเกี่ยวกับตลาดนัดเชลซีนี้
..........
สิบห้านาทีต่อมา
หลังจากที่ทั้งสองเพลิดเพลินกับฮอตดอก เจสันก็มองไปที่เย่เทียนที่กำลังยัดฮอตดอกเข้าปากอย่างตกตะลึง
นี่เป็นอันที่ห้าแล้วจากที่เขากินไปแค่อันเดียว และมันยังคงเหมือนเมฆที่พิโรธอยู่!
“สตีเวน นี่นายหิวมานานเท่าไหร่แล้ว? ทำไมนายถึงได้มีท่าทางหิวโซอย่างนี้? หรือว่านายเพิ่งออกมาจากค่ายกักกัน? ฉันเป็นห่วงกระเพาะของนายจริงๆ! นี่นายกินฮอตดอกเข้าไปกี่อันแล้ว?”
“ไม่ต้องห่วง ไม่มีปัญหา ฮอตดอกนี้เยี่ยมจริงๆ! อร่อยมาก!”
เย่เทียนยกนิ้วชม จากนั้นก็ทำการกินฮอตดอกชิ้นสุดท้ายที่อยู่ตรงหน้า
หลังจากที่ฮอตดอกถูกวาดจนหมด เขาก็จบมื้อเที่ยงอย่างพึงพอใจ
“เพื่อน นายนี่มันกินเก่งจริงๆ! นายไม่ลองไปงานแข่งกินฮอตดอกดูหน่อยเหรอ ฉันว่านายจะต้องเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน!”
เจสันถอนหายใจ ยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
หลังจากกินเสร็จ ทั้งสองก็กลับไปที่ร้าน พร้อมกับซื้อฮอตดอกกลับไปฝากพวกมิรันด้าด้วย
“บอกฉันเกี่ยวกับเรื่องดัมโบ้ดัมโบ้หน่อย นายได้ของดีอะไรบ้างหรือเปล่า?”
“ฉันได้ของมาสองสามชิ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องไปต่อรองซื้อมา และในหมู่พวกมัน มีเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารที่ทำมาจากเงินชุดหนึ่งที่ดูเหมือนของโบราณ แต่ว่าฉันไม่แน่ใจ ฉันได้ถ่ายรูปมาด้วย และนายช่วยฉันดูหน่อยว่าพวกมันมาจากไหน”
เย่เทียนหยิบเอามือถือของเขาออกมาขณะที่พูด พร้อมกับแสดงภาพชุดเครื่องใช้นั้นให้กับเจสันดู
เขาตรวจสอบที่มาของชุดเครื่องใช้ที่ทำจากเงินนี้แล้วเมื่อตอนเที่ยงว่ามันมาจากไหน แต่ว่าเขาก็ไม่พบมัน เหตุผลที่เขาบอกเจนสันตอนนี้ก็เพื่อที่จะใช้เพื่อดูว่าเขาจะสามารถหาต้นกำเนิดของมันได้หรือเปล่า
แน่นอนว่าเจสันไม่ได้มีสายตาระดับสูงขนาดนั้น ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่เป็นแค่พนักงานในร้านคนหนึ่ง
แต่แน่นอนว่าเจ้านายของเขาจะต้องไม่แย่อย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้สามารถเห็นได้จากนาฬิกาโบราณและของโบราณอื่นๆ ที่ตั้งอยู่ในร้านนั่น
ยิ่งกว่านั้น ร้านขายของมือสองก็ไม่สามารถแยกออกไปสังคมของโบราณ และมันง่ายที่จะหาข้อมูลผ่านช่องทางของพวกเขา
เมื่อได้ยินเย่เทียนพูด เจสันก็กลายเป็นสนใจในทันที พร้อมกับเริ่มตรวจดูภาพในมือถือของเย่เทียน
มันเป็นแค่ภาพช้อนเงินอันหนึ่ง ซึ่งเป็นภาพแบบเต็มใบ และเมื่อมองดูใกล้ๆ ก็จะเห็นสัญลักษณ์พิเศษบนนั้นอย่างชัดเจน
“ช้อนนี้เก่ามากจริงๆ ดูเหมือนว่ามันจะมีตัวอักษร”J“สลักอยู่ ซึ่งเป็นตัวแทนสัญลักษณ์ของช่างฝีมือ แต่ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นคนไหน นายต้องกลับไปและดูมันอย่างละเอียด”
ผลลัพธ์ยังคงออกมาเหมือนกับที่เย่เทียนคิด เจสันนั้นไม่สามารถรู้ได้ว่ามันมีที่มายังไง
แต่นั่นก็โอเค ไม่ใช่ว่าเขายังมีเจ้านายของเขาอยู่อีกคนอย่างงั้นเหรอ!
จากนั้นเย่เทียนก็รีบพูดต่อว่า
“ส่งภาพนี้ให้เจ้านายนายดู และถามเขาว่าให้ช่วยหาที่มาของมันหน่อย บอกว่านี่เป็นของเพื่อนนาย นายทำได้หรือเปล่า?”
เจสันพยักหน้า และตอบออกมาว่า
“เรื่องกล้วยๆ เบนนี่ย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว”
“เยี่ยม!”
เย่เทียนรับมือถือกลับ พร้อมกับส่งภาพให้กับเจสัน และจากนั้นเจสันก็ส่งมันให้กับเจ้านายของเขา
จากนั้นไม่นาน เบนนี่ก็โทรกลับ พร้อมกับถามเกี่ยวกับรายละเอียดอื่นๆ ของเครื่องใช้พวกนี้ พร้อมกับบอกว่าจะไปถามบางคน และติดต่อกลับ จากนั้นก็ไม่มีข่าวอะไรอีก
เย่เทียนไม่รอ เขากลับไปและทักทายมิรันด้าและคนอื่นๆ จากนั้นก็ออกไปจากร้าน พร้อมกับเริ่มทำการกวาดล้างตลาดนัดเชลซี
“สวัสดี ภาพสีน้ำมันนี้ราคาเท่าไหร่?”
“500 เหรียญ ไม่มีการต่อรอง! นายอยากจะซื้อมันไหม?”
“ว้าว! มันแพงเกินไป! ลืมไปเถอะ!”
“สวัสดี เชิงเทียนคู่นี้ราคาเท่าไหร่?”
“650 เหรียญ 600 เหรียญหากไม่เอากล่อง”
........
หลังจากแสกนมาหลายร้าน เย่เทียนก็ไม่พบอะไร
ในตอนนี้ เขาพบว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะเก็บตกสมบัติจากที่นี่!
มันมีของดีจำนวนมากในตลาดนัดเชลซีแห่งนี้ เย่เทียนเห็นของโบราณหลายชิ้นที่มาจากศตวรรษที่ 19 และช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20
เขากระทั่งว่าเห็นรูปปั้นรูปหนึ่งที่มาจากศตวรรษที่ 18 ที่เปล่งแสงสีส้มพร้อมกับรัศมีหลายชั้นออกมา ซึ่งแสดงถึงคุณค่าของมัน
แต่ที่นี่มีคนเป็นจำนวนมาก และตราบเท่าที่เป็นของโบราณ ราคาของมันก็ตั้งไว้สูง ซึ่งเป็นราคาตลาดเรียบร้อย ไม่สามารถทำกำไรจากมันได้ จึงไม่มีอะไรให้เขาได้เก็บตก!
เห็นได้ชัดว่าของโบราณที่เขาเห็น ก็ได้ถูกคนอื่นเห็นเหมือนกัน และเขารู้ว่าตลาดนี้ดีมาก
เมื่อคิดถึงร้านมือสองของเจสัน เย่เทียนก็เข้าใจเหตุผลในทันที
ร้านในตลาดนัดแห่งนี้ โดยทั่วไปเป็นร้านที่มาจากร้านขายของมือสองและร้านขายของโบราณ ซึ่งมีน้อยมากที่จะเป็นร้านของคนทั่วไป ถึงยังไงนี่ก็คือแมนแฮตตัน และค่าภาษีก็สูงกว่าบรูคลิน!
ส่วนร้านของคนทั่วไปเอง เมื่อขายอยู่ที่นี่ก็ตั้งราคาไว้ค่อนข้างสูง ไม่ง่ายที่จะยอมรับมัน
แต่ที่ดัมโบดัมโบ้นั้นต่างกัน ราคาของที่นี่ค่อนข้างต่ำ และเป็นร้านของคนทั่วไปเป็นจำนวนมาก
ซึ่งเจ้าของร้านส่วนใหญ่ของที่นี่นั้นมาจากร้านขายของมือสองและร้านขายของโบราณ และแน่นอนว่าพวกเขามีสายตาที่เฉียบคมเช่น พวกเขาเป็นเหมือนมือโปร หรือเซมิโปร แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่ปล่อยสมบัติที่อยู่ตรงหน้าให้หลุดรอดไปถึงมือคนอื่น!
และนอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีมืออาชีพในการขุดสมบัติบางคนที่เดินอยู่ทั่วตลาด ตราบเท่าที่พวกเขาพบว่าของดีและพร้อมที่จะสร้างกำไรให้กับพวกเขา พวกเขาก็จะรีบเข้าไปซื้อมันในทันที แล้วอย่างนี้ มันจะเหลือสมบัติให้เย่เทียนเก็บได้ยังไง?
เมื่อเทียบกันแล้ว ตลาดนัดดัมโบดัมโบ้ที่เกรดต่ำกว่า นั่นง่ายที่จะเก็บตกสมบัติมากกว่าอีก
ต่อให้เป็นอย่างนั้น เย่เทียนก็ไม่ได้ผิดหวังโดยสมบูรณ์
ถึงยังไงเขาก็มีความสามารถที่คนอื่นไม่สามารถเลียนแบบได้ ตราบเท่าที่เป็นของโบราณ และมีอยู่ในตลาดนี้ มันก็ไม่สามารถหนีไปรอดไปจากสายตาของเขา
ต่อให้เป็นโปรหรือเซมิโปรคนอื่นๆ ก็ไม่มีทางที่จะรู้ทุกสิ่ง และทำให้มองผ่านพวกมันไปอย่างช่วยไม่ได้!
และสมบัติที่หลุดรอดสายตาพวกนี้แหละ ที่เป็นเป้าหมายที่แท้จริงของเย่เทียน
.........
ในระหว่างการกวาดสายตาและสอบถามราคา เวลาก็ผ่านมาแล้วครึ่งชั่วโมง
สมบัติที่เขาพบมีอยู่มาก แต่เขาก็ไม่ได้เป็นเจ้าของแม้แต่อย่างเดียว ดังนั้น เขาจึงยังคงดำเนินการล่าสมบัติต่อ
ในตอนนี้ เย่เทียนก็ได้กวาดสายตามาจึงถึงบริเวณใจกลางแล้ว และหันดูด้านอื่นๆ ที่มีร้านขายของมากกว่าเดิม
มันมีร้านตั้งอยู่แถวละห้าหกร้าน แต่ก็ยังคงไม่ได้เงินจากเขา
ขณะที่เขาเดินมาถึงร้านที่เจ็ด และกำลังยืนแสกนของอยู่นั้น ความประหลาดใจก็ได้แสดงออกมาในสายตาที่ซ่อนอยู่ใต้แว่นกันแดดของเขา
“การทำงานหนักได้ผล! และก็มีของหลุดรอดจากสายตาของพวกเขาในที่สุด พร้อมได้เวลาเก็บเกี่ยวแล้ว!”
ที่นี่มีของโบราณอยู่หกเจ็ดชิ้น ซึ่งมีชิ้นหนึ่งที่มีอายุราวๆ ร้อยสองร้อยปี จากแสงสีแดงและขาวที่เปล่งออกมา ทำให้มันดูงดงามอย่างถึงที่สุด เห็นได้ชัดว่านี่ก็คือพลังอำนาจอย่างหนึ่งของร้านขายของมือสอง
เย่เทียนไม่คิดแม้แต่จะถามราคาจากเจ้าของร้าน
เพราะต่อให้ถามไปก็ไม่ได้อะไร! แน่นอนว่าราคาของมันย่อมไม่ถูกอย่างแน่นอน!
ในตอนนี้ สายตาของเขาจ้องทะลุแว่นกันแดด และเขาจับจ้องไปที่ภาพถ่ายสมัยใหม่ใบหนึ่ง
ซึ่งภาพนี้ได้ถูกใส่ไว้ในกรอบธรรมดาอันหนึ่ง และภาพนี้ก็เป็นภาพที่เป็นที่คุ้นเคยมาก ทุกที่ในนิวยอร์กต่างก็เคยเห็นมัน และชาวอเมริกันทุกๆ คนต่างก็เคยเห็น
“อาทิตย์อัสดงในแมนแฮตตัน”
นี่คือชื่อของมัน! ถือเป็นทิวทัศน์ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในนิวยอร์ก