94 - คัดลอกคัมภีร์เต๋า
94 - คัดลอกคัมภีร์เต๋า
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เย่ฟ่านพบว่ามันยากที่จะสงบสติอารมณ์ลงได้ในขณะที่เขาส่งการควบคุมไปยังก้อนทองเหลืองที่อยู่ในทะเลแห่งความทุกข์อย่างรวดเร็ว
ถึงกระนั้นก้อนทองเหลืองก็สงบนิ่งโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เลยในใจกลางของทะเลแห่งความทุกข์สีทองของเขา ราวกับว่ามันเป็นก้อนหินที่ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
“คงทำไม่ได้แล้ว”
ศีรษะของเย่ฟ่านเป็นประกายด้วยเหงื่อ และเขาได้ใช้พลังทั้งหมดของเขาแล้ว แต่ไม่สามารถขยับก้อนทองเหลืองได้แม้แต่น้อย
ศูนย์กลางของทะเลแห่งความทุกข์ของเขาดูเหมือนจะปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายของการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่และความเรียบง่าย เมื่อรวมกันกลายเป็นความกดดันที่ไร้ขอบเขต
“ไม่น่าแปลกใจที่คัมภีร์เต๋าไม่สามารถสู้กับมันได้ ก้อนทองเหลืองนี้ช่างลึกลับและพิเศษเกินไป มันให้ความรู้สึกราวกับว่าข้ากำลังเผชิญกับทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุดหรือจักรวาลโบราณอันยิ่งใหญ่ก็ไม่ปาน”
ก้อนทองเหลืองยังไม่สมบูรณ์และดูเหมือนว่าจะถูกหักออกจากอาวุธบางชนิด หากแม้ชิ้นส่วนที่แตกหักยังเป็นเช่นนี้ มันก็สามารถจินตนาการได้ว่าอาวุธทั้งหมดจะน่ากลัวเพียงใด
“มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะวัดระดับของมันได้!”
หัวใจของเย่ฟ่านเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ และยิ่งเขาคิดเกี่ยวกับมันมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจและหวาดกลัวมากขึ้นในขณะที่เขาพึมพำ
“ชิ้นส่วนดั้งเดิมของมันคือวุฒิอะไรกันแน่……”
ในขณะนั้น ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นทันทีเมื่อเห็นอักขระโบราณที่ถูกสลักไว้บนก้อนทองเหลือง
“ข้าต้องคัดลอกมันไว้ก่อนไม่เช่นนั้นมันอาจจะหายไปเหมือนตำราทองคำก็ได้!”
พื้นผิวของก้อนทองเหลืองลึกลับไม่มีจารึกเต๋าใดๆ แต่ขณะเดียวกันบริเวณที่มันแตกหักกลับมีตัวหนังสือมากมายซึ่งมีขนาดเล็กจนน่าเหลือเชื่อ
เย่ฟ่านยังคงอ่อนแอมากเกินไป มันไม่มีทางที่เขาจะอ่านอักขระพวกนี้ออกได้
เขาเพียงแค่ต้องการใช้ก้อนโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่เขาไม่สามารถหลอมรวมเป็นหม้อทำการกดทับไปในบริเวณแตกหักของก้อนทองเหลืองเพื่อคัดลอกเอาตัวหนังสือออกมา
“จารึกเต๋าที่หนาแน่นและมากมาย มันลึกซึ้งและคลุมเครือเหล่าอย่างยิ่ง แต่ว่าเมื่อข้ามีความแข็งแกร่งขึ้นจนสามารถศึกษามันได้ ถึงตอนนั้นมันคงเป็นประโยชน์กับข้ามากมายมหาศาลอย่างแน่นอน”
เย่ฟ่านพักสักครู่ก่อนที่จะเริ่มละลายก้อนโลหะศักดิ์สิทธิ์ หลังจากนั้นก็เริ่มทำมันให้กลายเป็นของเหลวเพื่อโอบล้อมบริเวณที่แตกหักของก้อนทองเหลือง
เขาขัดเกลาและลอกเลียนแบบอย่างต่อเนื่องจนถึงขนาดที่เขารู้สึกเบาๆว่าก้อนโลหะศักดิ์สิทธิ์นี้ดูเหมือนจะมีเสน่ห์ที่อธิบายไม่ได้
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาสัมผัสมันอย่างจริงจัง เขารู้สึกว่ามันยังคงธรรมดาโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง เสน่ห์ที่ลึกลับนั้นไม่ได้มีอยู่จริง
“ข้าเข้าใจผิดไปหรือเปล่า” เย่ฟ่านพึมพำ
ในเวลาต่อมาเขายังคงได้กลิ่นก้อนโลหะศักดิ์สิทธิ์และขัดเกลามันอย่างต่อเนื่อง ทั้งภายในและภายนอกถูกปกคลุมด้วยจารึกเต๋าที่มีลักษณะคล้ายกับก้อนทองเหลือง ซึ่งกระบวนการนี้ทำการคัดลอกและแก้ไขเป็นเวลานานอย่างยิ่ง
“ซับซ้อนจริงๆ หากคัดลอกผิดไปแม้เพียงเล็กน้อย ความพยายามทั้งหมดของข้าคงสูญเปล่าอย่างไม่มีชิ้นดี”
เมื่อคัดลอกจนเสร็จสิ้น เย่ฟ่านก็เริ่มเปลี่ยนแปลงสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของเขาให้กลายเป็นหม้ออีกครั้งโดยที่ตัวอักขระเสาร์ที่เขาคัดลอกมายังคงอยู่ในนั้น
เหนือทะเลแห่งความทุกข์ของเขา ก้อนโลหะศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในที่สุดแม้จะไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่เย่ฟ่านก็ยังมีความสุขเพราะเขาตรวจพบความผิดปกติบางอย่างในตอนขึ้นรูปหม้อโลหะ
“จารึกเต๋าบนก้อนทองเหลืองนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ มันทำให้ข้าสามารถควบคุมสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในทะเลแห่งความทุกข์ได้ง่ายขึ้นไม่น้อย”
……………
เที่ยงวันเย่ฟ่านก็กลับไปที่ร้านเล็กๆเขาเพื่อรับประทานอาหารร่วมกับลุงแก่เจียงและถิงถิงน้อย
หลังอาหารถิงถิงตัวน้อยยังคงน่ารักเช่นเดิม นางเก็บจานที่อยู่บนโต๊ะแล้วเริ่มล้างที่ด้านหลังของร้าน เมื่อสังเกตเห็นสิ่งนี้เย่ฟ่านก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย ดูเหมือนว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เขาจะไม่เคยช่วยเหลืองานบ้านเลย
“ให้ข้าทำเถอะ เจ้ายังเด็กอยู่ เจ้าต้องไปนอนให้เพียงพอไม่เช่นนั้นเจ้าจะโตช้ากว่าเด็กทั่วไป”
“พี่ใหญ่ไม่ต้องทำแบบนี้ ข้ารู้วิธีล้างจานข้าทำความสะอาดได้ดีมาก” เด็กหญิงตัวเล็กๆผลักเย่ฟ่านไปด้านข้างอย่างแรง
ใบหน้าของลุงเจียงเต็มไปด้วยรอยยิ้มในขณะที่เขาเก็บจานไว้ข้างๆ เขามองไปทางหลานสาวของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก
จู่ๆ ก็มีเสียงแหบพร่าทำลายบรรยากาศอันอบอุ่นที่ด้านหน้าของร้าน
“เราไม่ได้เจอกันมาสองปีแล้ว เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้โตขึ้นมากแล้ว”
ชายหนุ่มอายุยี่สิบห้าถึงยี่สิบหกปีเดินเข้ามา ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มจางๆในขณะที่เขากวาดสายตาดูถูกเหยียดหยามไปที่ลุงเจียงและเย่ฟ่านก่อนที่จะจ้องมองไปที่ถิงถิงตัวน้อย
“เจ้าเป็นใคร?”
เมื่อเห็นสายตาของเขาถิงถิงก็รู้สึกไม่พอใจ
“แน่นอน ข้ารู้จักเจ้าอยู่แล้ว ตอนที่พ่อแม่ของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ข้าก็เคยเจอเจ้าอยู่บ่อยครั้ง”
ผิวของชายหนุ่มดูซีดเซียวและริมฝีปากของเขาก็บางและมีกลิ่นอายที่ชั่วร้าย เขาไม่ได้หลีกเลี่ยงข้อห้ามและพูดถึงการเสียชีวิตของพ่อแม่ของถิงถิงในทันที
นัยน์ตาโตของเด็กหญิงตัวเล็กๆแดงก่ำในทันที นางยังคงจำหน้าตาพ่อแม่ของนางได้ไม่ชัดเจน ตอนนั้นนางนอนร้องไห้อยู่หลายคืนสุดท้ายด้วยการดูแลของปู่ นางจึงค่อยคลายความโศกเศร้า
ในเวลานี้เมื่อมีคนพูดถึงพ่อแม่ของนางอีกครั้งน้ำตาของนางก็ไหลลงมาขณะที่นางหันร่างเล็กๆของนางและเริ่มล้างจานอย่างช้าๆและไหล่ของนางยังคงสั่นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเห็นว่าถิงถิงได้รับความเจ็บปวดใบหน้าของลุงเจียงก็บิดเบี้ยวแล้วกล่าวว่า
“คุณชายเจ็ดตระกูลหลี่ เจ้ามีธุระอะไรที่นี่?”
ชายหนุ่มดึงเก้าอี้ขณะนั่งลงและพูดว่า
“ไม่มีอะไรมาก ข้าก็แค่หวนนึกถึงวันเวลาเก่าๆจึงได้แวะมาเยี่ยมพวกเจ้าทั้งสองคน”
ลุงเจียงดูเฉยเมยในขณะที่เขาตอบ
“ขอบคุณความเอื้อเฟื้อของคุณชายเจ็ด แต่ว่าพวกเราไม่ได้รู้สึกอยากพบหน้าเจ้า”
เย่ฟ่านยืนอยู่ข้างๆโดยไม่พูดอะไร เขาจำคนคนนี้ได้แล้วเป็นชายหนุ่มที่ขี่ม้าเกล็ดมังกรนั่นเอง
“ทำไมพบหน้าข้าแล้วท่านไม่ยินดี ผู้เฒ่าเจียงเกลียดข้าเพราะความอิจฉาเหรอ?” ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆบนหลังม้า
บุคคลนี้เข้าสู่สำนักศักดิ์สิทธิ์เอี่ญนเซี่ยร่วมกับพ่อของถิงทิง และเนื่องจากความสามารถที่จำกัดของเขา เขาจึงถูกพ่อของถิงถิงทิ้งไว้เบื้องหลัง
นั่นทำให้เขาเกิดความแค้น หลังจากที่พ่อของถิงถิงไตเขาจึงได้ส่งคนในตระกูลของตัวเองมาทุบทำลายที่นี่อยู่เป็นประจำ
“ข้าไม่กล้าทำให้คุณชายเจ็ดขุ่นเคืองหรอก”
ริมฝีปากของชายหนุ่มมีรอยยิ้มจางๆแล้วกล่าวว่า
“มีบางสิ่งที่เจ้าไม่จำเป็นต้องฝังลึกลงไปในหัวใจของเจ้า ถ้าเจ้ารู้สึกอิจฉาริษยาก็แค่ระบายมันออกมา ไม่อย่างนั้นเจ้าจะทำร้ายตัวเอง เจ้าอายุเจ็ดสิบแล้วและเหลือเวลาอีกไม่กี่ปี อย่าทำให้หลานสาวของเจ้าต้องเป็นกำพร้า”
ร่างของลุงเจียงสั่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะสงบลงและพูดว่า
“คุณชายเจ็ด ข้าอยากจะถามเจ้าเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น ไม่เช่นนั้นข้าจะตายด้วยความเสียใจ”
“อยากรู้อะไรก็ถามออกมาเถอะ” ชายหนุ่มคลี่พัดพัดและโบกสะบัดด้วยท่าทางสบายใจ
“ข้าแค่อยากรู้ การตายของพ่อแม่ของถิงถิงเป็นอุบัติเหตุจริงๆเหรอ?”
ชายชราดูเหมือนจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ในขณะที่เขากำหมัดแน่นจนมือของเขาขาวซีด
เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อประคองชายชรา ในขณะที่ถิงถิงสะอื้นสะอื้นเงียบๆ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นนางก็ยังคงล้างจานอยู่เหมือนเดิม
“ผู้เฒ่าเจียงดูเหมือนว่าความแค้นจะฝังลงไปลึกในใจของเจ้า เจ้าจะทำอะไรได้? หรือเจ้าคิดจะสู้กับข้าเพื่อแก้แค้น แล้วหลานสาวของเจ้าจะอยู่กับใคร”
“พ่อแม่ของถิงถิงตายยังไง”
ลุงเจียงหายใจหนักและอกสั่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
“มันก็คงจะเป็นอย่างที่เจ้าคิดนั่นแหละ” ชายหนุ่มหยุดนิ่งไปชั่วครู่แล้วมองไปยังเย่ฟ่านพร้อมกับกล่าวว่า
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าทุบตีพ่อบ้านของข้าเป็นความจริงหรือ?”
เย่ฟ่านไม่ตอบเขาประคองลงเตียงให้นั่งลงแล้วหันกลับมามองชายหนุ่มด้วยสายตาเย็นชาในขณะที่ชายหนุ่มยื่นมือไปหาถิงถิง