93 - อาวุธจิตวิญญาณ
93 - อาวุธจิตวิญญาณ
เย่ฟ่านหัวเราะเบาๆที่เขากล่าวว่า
“ท่านลุงไม่ต้องกังวล ข้าไม่ใช่คนชั่วร้ายอย่างแน่นอน มีเพียงพบเจอกับคนชั่วร้ายแบบนี้เท่านั้นค่าถึงจะชั่วร้ายตอบ”
“ดูเหมือนว่าผู้บ่มเพาะตระกูลหลี่จะกลับมาในเร็วๆนี้” ชายชรามีสีหน้าเจ็บปวดในขณะที่เขาดูเหมือนจะนึกถึงลูกชายของเขา
“ข้าคิดว่าคงจะเป็นอย่างนั้น ด้วยความโกลาหลครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นภายในตระกูลหลี่ ข่าวต้องมาถึงสำนักศักดิ์สิทธิ์ของเอี๋ยนเซี่ยแล้ว”
“แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นแต่สุดท้ายผู้ฝึกตนตระกูลหลี่ก็ต้องกลับมาในไม่ช้า”
"ทำไม?" เย่ฟ่านรู้สึกงงงวย
“ตระกูลหลี่ต้องหาเงินให้ได้อย่างมากมายมหาศาล ทุกสิ่งทุกอย่างก็เพื่อซื้อสมุนไพรจิตวิญญาณเพื่อเลี้ยงดูทายาทของพวกเขาในสำนักศักดิ์สิทธิ์
ว่ากันว่าพวกเขาค้นพบ “พลังต้นกำเนิด” ที่ลึกลับภายในป่ามันสามารถสร้างประโยชน์มหาศาลให้กับผู้บ่มเพาะได้ ดังนั้นผู้บ่มเพาะของตระกูลหลี่จึงต้องกลับมาเพื่อดูแลมันเป็นบางครั้ง”
หัวใจของเย่ฟ่านเริ่มสั่นอย่างรุนแรง
ตามตำราโบราณ ในยุคที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดก่อตัวขึ้น พืชและต้นไม้นั้นอุดมสมบูรณ์ และสิ่งมีชีวิตก็น่าเกรงขาม ยาทางจิตวิญญาณไม่มีที่สิ้นสุด และ 'พลังต้นกำเนิด' มากมายก่อตัวขึ้นนั่นคือพลังที่เป็นต้นกำเนิดของปราณชีวิตทั้งหมด
ในอดีตเคยมีแม้กระทั่ง 'ต้นกำเนิดพลังสวรรค์' ซึ่งหาได้ยากอย่างยิ่งมีเพียงยกโบราณเท่านั้นที่สามารถค้นพบได้
“'พลังต้นกำเนิด' ที่ตระกูลหลี่หาพบเป็นเหมือนของขวัญให้กับข้า!”เย่ฟ่านมีรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของเขา
“ใครเป็นคนพบ 'พลังต้นกำเนิด' คนแรก ข้าไม่เชื่อว่าตระกูลหลี่จะลงทุนเข้าไปในป่าด้วยตัวเอง?” เย่ฟ่านถาม
มันถูกบันทึกไว้ในตำราโบราณว่า 'ดินแดนลึกลับโบราณ' มักจะมี 'พลังต้นกำเนิด' ได้หลายชิ้น และถ้าใครพบถ้ำโบราณนั้นก็อาจมีการค้นพบอื่นๆภายในด้วยเช่นกัน
ลุงเจียงถอนหายใจ
“เมื่อเขากลับมาที่เมืองและขาย 'พลังต้นกำเนิด' ชิ้นนั้นให้ตระกูลหลี่ เขาก็หายตัวไปหลังจากผ่านไปเพียงวันเดียว หลายคนเดาว่าตระกูลหลี่ไม่เต็มใจที่จะจ่ายและคงสังหารเขาไปแล้ว”
เย่ฟ่านเข้าใจในทันที ตระกูลหลี่คงฆ่าปิดปากชายคนนั้นไปแล้ว 'พลังต้นกำเนิด' มีความสำคัญเกินไปสำหรับผู้ฝึกฝน และพวกเขาไม่ยอมให้บุคคลนี้เผยแพร่ข่าวออกไป
“ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาเล็กน้อย……”
“พี่ใหญ่ มีปัญหาอะไรไหม? ถิงถิงจะช่วยพี่ใหญ่เอง” ถิงถิงมีสีหน้างุนงงและดวงตาขนาดใหญ่ของนางก็กะพริบขณะที่นางพูดอย่างไร้เดียงสา
เย่ฟ่านหัวเราะขณะที่เขาลูบจมูกของนาง
“ถิงถิงเด็กดี…….”
………..
เมื่อรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วเย่ฟ่านก็ออกจากร้านเล็กๆ และเดินไปรอบๆคฤหาสน์ตระกูลหลี่สองรอบจากระยะไกล กระเบื้องและผนังด้านในพังยับเยินและมีบ้านเรือนมากกว่าสามสิบหลังที่ถูกไฟไหม้จนหมด
ในขณะนี้ได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ร้ายจากนอกเมืองและฝุ่นผงก็กระจายขึ้นสู่ท้องฟ้า ทันใดนั้นก็มีสัตว์ร้ายตัวใหญ่เหมือนภูเขาปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าตระกูลหลี่
“ม้าเกล็ดมังกร!”
เย่ฟ่านตกใจ เขารู้ว่าสัตว์ร้ายที่มีเอกลักษณ์นี้ ร่างกายของมันถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีเขียว และมันก็เหมือนกับม้าซึ่งสามารถเดินทางได้หลายพันลี้ในเวลาเพียงวันเดียว
คนธรรมดาจะพบว่ามันยากที่จะครอบครองสัตว์ร้ายที่มีเอกลักษณ์เช่นนี้ และแม้แต่ผู้ฝึกตนในระดับทะเลแห่งความทุกข์ก็ยากที่จะปราบมัน
ม้าเกล็ดมังกรมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากและโดยปกติมีเพียงผู้ฝึกตนในระดับน้ำพุแห่งชีวิตเท่านั้นที่จะปราบพวกมันเป็นพาหนะได้ ดูเหมือนว่าสำนักศักดิ์สิทธิ์หลานเซี่ยส่งมอบมันให้กับลูกหลานตระกูลหลี่
เกล็ดสีเขียวของม้าเกล็ดมังกรส่องแสงระยิบระยับเมื่อหางของสะบัดไปมา
มันเป็นม้าที่มีชีวิตชีวาอย่างน่าอัศจรรย์ ชายหนุ่มอายุยี่สิบห้าถึงยี่สิบหกปีนั่งอยู่บนอาน ผิวของเขาขาวซีด ริมฝีปากบางและดวงตาของเขาดูเย็นชาอย่างน่ากลัว
ผู้คนในตระกูลหลี่เกิดความโกลาหลเมื่อประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก และมีคนเริ่มตะโกน
“นายน้อยกลับมาแล้ว!”
เย่ฟ่านสงบสติอารมณ์ ผู้ฝึกตนของตระกูลหลี่ควรอยู่ที่ระดับทะเลแห่งความทุกข์เท่านั้น ไม่เช่นนั้นเขาควรจะขี่สายรุ้งลึกลับกลับมาที่นี่
“'พลังต้นกำเนิด' จะต้องเป็นของข้า!”
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาลงมือ และไม่นานหลังจากที่เย่ฟ่านเข้าไปในป่าลึกอีกครั้ง เมื่อมองดูหนังสือสีทองในทะเลแห่งความทุกข์ เขาตระหนักว่าคำนำเริ่มพร่ามัวมากขึ้น และดูเหมือนว่าคำเหล่านั้นใกล้จะหายสาบสูญไปหมดแล้ว
“ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น……”เย่ฟ่านครุ่นคิดคำถามนี้อย่างต่อเนื่องในขณะที่เขาพูดพึมพำ
“โชคดีที่ข้าได้จดจำส่วนที่หายไปได้หมดแล้ว”
หลังจากนั้นเขายังคงศึกษาคัมภีร์เต๋าและทุกครั้งที่เขามีความรู้แจ้งไปส่วนหนึ่ง เขาก็จะเริ่มขัดเกลาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในร่างกายให้กลายเป็นหม้อ
สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์สิบเก้าอันหลอมรวมเข้าด้วยกัน ราวกับก้อนโลหะศักดิ์สิทธิ์ แวววาวและเจิดจ้า ไม่ว่าเย่ฟ่านจะพยายามปั้นมันอย่างไร มันก็ไม่ได้กลายเป็นหม้อขนาดใหญ่
ภายในกรอบเวลานี้เย่ฟ่านพยายามปั้นมันให้เป็นกระบี่บินและถึงแม้จะไม่ได้ทำอย่างสมบูรณ์ แต่ก็ยังมีรูปร่างที่หยาบของกระบี่แล้ว
และถ้าเขายังคงปั้นมันต่อไปสักวันหนึ่งมันก็จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
“ทำไมการปั้นหม้อจึงยากจัง”
เย่ฟ่านละลายก้อนทองคำที่อยู่ในรูปของกระบี่ในขณะที่เขาเริ่มปั้นอีกครั้ง ความพยายามแต่ละครั้งจบลงด้วยความล้มเหลว และเขาทำได้เพียงปั้นให้เป็นก้อนโดยไม่มีรูปแบบใดๆ แม้แต่โครงร่างที่หยาบกร้านก็ยังไม่ได้ทำ
“ถ้ามันเป็นเช่นนี้ จะต้องใช้เวลากี่ปีกว่าที่ข้าจะสร้างหม้อขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยรัศมีเต๋า ถ้าข้าเสียเวลาไปอย่างนี้จริงๆมันก็เหมือนกับการพยายามใช้ตะกร้าหวายตักน้ำ แต่จบลงด้วยไม่มีอะไรเลย”
กระบวนการปั้นหม้อขนาดใหญ่ไม่เพียงแต่ต้องใช้พลังปราณแห่งชีวิตเท่านั้น แต่ยังต้องมีสมาธิในระดับสูงด้วย และในที่สุดเย่ฟ่านก็เหนื่อยเกินไปและไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหยุด
เหนือทะเลแห่งความทุกข์ ก้อนโลหะศักดิ์สิทธิ์ขนาดเท่าเม็ดถั่วนั้นสว่างไสวและแพรวพราว แม้แต่การกลั่นร้อยครั้งก็ไม่ทำให้เป็นรูปเป็นร่าง
“ชิ้นส่วนของ 'โลหะศักดิ์สิทธิ์' ชิ้นนี้ถือได้ว่าเป็น 'สิ่งประดิษฐ์' พิการครึ่งหนึ่งแล้ว ข้าสงสัยว่าข้าจะสามารถควบคุมสิ่งประดิษฐ์อาวุธเช่นตราประทับไม้สีเขียวได้หรือไม่
เย่ฟ่านรู้สึกเสียใจที่เขาไม่มีสมบัติใดๆ เขาไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถสร้างอะไรได้หรือไม่ แต่ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นสมุดสีทองซึ่งล่องลอยไปมาอยู่ตรงนั้น ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในใจของเขา
“ข้าจะพยายามควบคุมมัน”
ก้อนโลหะศักดิ์สิทธิ์ขนาดเท่าเม็ดถั่วได้เข้าไปในทะเลแห่งความทุกข์ของเขาอย่างรวดเร็วและเข้าไปในสมุดทองคำทันที
ด้วยความคิดแสงสีทองลุกโชนก็พุ่งออกมาจากร่างกายของเขาและล่องลอยไปในอากาศราวกับสายฟ้า
แสงระยิบระยับส่องผ่านต้นไม้โบราณหลายต้นและหินก้อนใหญ่สองก้อนก็ถูกพลังศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่านบดขยี้จนแหลกเป็นผุยผง
เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจ ต้นไม้โบราณทั้งหมดที่อยู่รอบบริเวณถูกตัดขาด แม้แต่ก้อนหินก็ยังแหลกละเอียดไปแล้ว
หนังสือสีทองลอยไปไกลกว่าสิบวาและเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้าและส่องแสงระยิบระยับอยู่กลางอากาศ
ด้วยความคิดเดียวแสงสีทองที่ส่องประกายก็บินกลับมาและกลับเข้าสู่ทะเลแห่งความทุกข์ของเย่ฟ่านเหมือนเดิม
“มันคมจริงๆ……”
เย่ฟ่านประหลาดใจเขาแค่ทดสอบมัน แต่เขาไม่คิดว่าเมื่อหนังสือสีทองถูกส่งออกไป มันจะมีความคมอย่างที่ไม่มีอะไรเทียบได้
“กระดาษแผ่นทองนี้ไม่เพียงแต่บันทึกคัมภีร์เต๋าเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เป็นอาวุธได้ด้วย?”
ด้วยความคิดนี้ เย่ฟ่านจึงเริ่มทดสอบอีกครั้งและแสงสีทองก็ส่องประกายราวกับรุ้งกินน้ำ ล่องลอยไปในอากาศอย่างต่อเนื่อง
เย่ฟ่านค้นพบว่าเขาสามารถส่งหนังสือสีทองที่บินออกไปได้เพียงสิบวาเท่านั้น และเมื่อมันออกไปจากบริเวณนั้นแล้ว เขาจะพบว่ามันยากที่จะควบคุม
“คัมภีร์เต๋าเป็นหนึ่งในคัมภีร์โบราณที่ลึกลับที่สุดในดินแดนรกร้างตะวันออก กระดาษสีทองนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน และตอนนี้ข้ามีอาวุธที่ไม่มีอะไรเทียบได้อยู่ในการครอบครองแล้ว”เย่ฟ่านค่อยๆเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“แม้แต่หน้าทองคำแผ่นเดียวก็สามารถเป็นเช่นนี้ได้ ก้อนทองเหลืองนี้จะต้องน่ากลัวยิ่งกว่า สงสัยจริงๆว่ามันจะสามารถใช้ประโยชน์ได้หรือไม่……”