492 - มิตรภาพ
492 - มิตรภาพ
เอี้ยนลี่เฉียงมองไปรอบๆลานประลองพบว่ามีคนอยู่ไม่มากนัก
นอกจากผู้คนที่ฝึกกระบวนท่าต่อสู้ในสองเวทีแล้ว ยังมีฝูงชนกลุ่มเล็กๆอีกกลุ่มหนึ่งมารวมตัวกันรอบๆเวทีหนึ่งในเวทีด้านตะวันออกของห้องโถง
เอี้ยนลี่เฉียงมองเห็นสือต้าเฟิงที่กำลังหัวเราะอยู่ในแทบจะในทันที
สือต้าเฟิงยืนครึ่งเปลือยบนเวทีโดยหันหลังให้ตรงทางเข้าห้องโถงของสนามกีฬา เผยให้เห็นร่างกายที่แข็งแรงของเขา เขาชี้นิ้วไปที่คนที่อยู่ด้านล่างเวทีอย่างอวดดี
เสิ่นเติ้งก็ยืนอยู่ด้านล่างของเวที แม้ว่าเขาจะหันหน้าเข้าหาทางเข้า แต่เขาไม่ได้สังเกตว่าเอี้ยนลี่เฉียงเข้ามาในห้องโถงของสนามประลองแล้ว
สือต้าเฟิงชี้ไปที่คนประมาณเจ็ดหรือแปดคนที่อยู่ใต้เวที พวกเขามีอายุมากกว่าสือต้าเฟิงและเสิ่นเติ้งประมาณหนึ่งหรือสองปีเอี้ยนลี่เฉียงไม่เคยพบพวกเขามาก่อน แต่พวกเขาอาจเป็นรุ่นพี่ที่เข้าร่วมสถาบันศิลปะการต่อสู้ก่อนเอี้ยนลี่เฉียง
ในบรรดาศิษย์พี่แปดคน หนึ่งในนั้นกำลังถูไหล่ของเขาด้วยท่าทางเจ็บปวด เป็นไปได้ว่าเขาคือคนที่สือต้าเฟิงเพิ่งเอาชนะได้เมื่อสักครู่นี้
เอี้ยนลี่เฉียงค่อยๆเดินไปที่เวที สือต้าเฟิงและเสิ่นเติ้งยังไม่ได้สังเกตเห็นเอี้ยนลี่เฉียงที่ค่อยๆเข้ามาใกล้
“ข้าจะสู้กับเจ้าเอง…”
ในบรรดาศิษย์พี่หนึ่งในนั้นที่สวมชุดนักรบสีน้ำเงิน เขากระโดดขึ้นเวทีพร้อมกับมองสือต้าเฟิงอย่างเย็นชา
“วันนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่ามีคนที่ดีกว่าเจ้าอยู่เสมอ สถาบันศิลปะการต่อสู้แคว้นผิงซีไม่ใช่สถานที่สำหรับเจ้าสองคนที่จะแสดงท่าทีอวดดี!”
การแสดงออกของเสิ่นเติ้งเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อมองดูบุคคลนั้นก้าวขึ้นไปบนเวที เขาก็กระโดดขึ้นไปบนเวทีแล้วพูดกับ สือต้าเฟิงว่า
“มอบเจ้าคนนี้ให้ข้าเถอะ…”
“อย่ากังวลไป การประลองก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่การอุ่นเครื่องเท่านั้น ไม่ใช่ว่าเราต้องทำงานหนักเพื่อก้าวไปสู่นักรบต่อสู้อย่างนั้นหรือ มีอะไรต้องกลัว? ข้าอยากสู้กับเขา!”
สือต้าเฟิงพูดอย่างไม่ใส่ใจและโบกมือให้เสิ่นเติ้งพร้อมกับกระซิบว่า
“นอกจากนี้ ข้าเป็นคนหนา ข้าไม่สนว่าข้าจะแพ้ ข้าได้ยินมาว่าวิชาหมัดเต็มแขนของเขานั้นทรงพลังมาก ให้ข้าดูว่าเขามีอะไรบ้างในขณะที่เจ้าดูจากด้านล่าง
หากข้าแพ้เจ้าก็ค่อยขึ้นมา ไม่ว่าอย่างไรเงิน 10 เหรียญทองที่เดิมพันไว้จะให้เสียไปไม่ได้เด็ดขาด…”
“คุยเสร็จแล้วเหรอ? ใครจะขึ้นมาก็ขึ้น” คนที่อยู่บนเวทีถามอย่างไม่ใส่ใจ
“เราคุยกันเสร็จแล้ว ข้าจะเข้าร่วมในรอบนี้…” สือต้าเฟิงตอบด้วยรอยยิ้ม
“งั้นก็ระวัง!” เสิ่นเติ้งตบไหล่สือต้าเฟิง
“ไม่ต้องห่วง!”
เสิ่นเติ้งก็ลงจากเวทีคนสองคนบนเวทีอยู่ห่างจากกันประมาณห้าเมตร ทั้งคู่ปรบมือข้างหนึ่งเป็นสัญญาณความพร้อม
"ลงมือเถอะ!"
“เจ้าลงมือก่อน!”
ท่าทางเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว สือต้าเฟิงคำรามออกมาและเป็นคนแรกที่กระโจนใส่คู่ต่อสู้ของเขา
ฝ่ายตรงข้ามของเขาก็ไม่คิดจะอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย เมื่อเขาเห็นสือต้าเฟิงพุ่งเข้าหาเขา เขาก็ก้าวหนึ่งก้าวและพุ่งไปข้างหน้า
ภาพธรรมที่ด้านหลังของสือต้าเฟิงยังคงเป็นชะนีแขนยาวสีดำ ซึ่งบ่งชี้ว่าเขากำลังแสดงวิชาหมัดเต็มแขน ในทำนองเดียวกันภาพธรรมของคู่ต่อสู้ของเขาก็เป็นชะนีแขนยาวสีดำเช่นกัน
ทั้งคู่กำลังต่อสู้กันเองด้วยวิชหมัดเต็มแขน พวกเขาปะทะกันในชั่วพริบตา
หมัดเต็มแขนเป็นวิชาภายนอกที่ทรงพลัง การต่อสู้ระหว่างวิชาหมัดเต็มแขนนั้นตรงไปตรงมาและมีประสิทธิภาพ กระบวนท่าของมันไม่มีความคิดแพงมีเพียงพละกำลังล้วนๆเท่านั้นที่ปะทะกัน
แน่นอนว่าการต่อสู้ระหว่างนักเรียนสถาบันศิลปะการต่อสู้สองคนที่ยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ระดับนักรบต่อสู้นั้นไม่รุนแรงสำหรับเอี้ยนลี่เฉียงอีกต่อไปแล้ว แม้จะเป็นคำว่าน่าสนใจก็ไม่สามารถถูกเขียนขึ้นในใจของเขาได้
วิชาหมัดเต็มแขนของสือต้าเฟิงพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว เอี้ยนลี่เฉียงจำได้ว่าเมื่อเขาเข้าร่วมสถาบันศิลปะการต่อสู้ครั้งแรก วิชาหมัดเต็มแขนของสือต้าเฟิงเพิ่งบรรลุถึงระดับที่สามเท่านั้น
ในเวลาเพียงไม่ถึงสองปี วิชาหมัดเต็มแขนของสือต้าเฟิงได้พัฒนาจนถึงชั้นที่ห้าแล้วและแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก ทุกการออกหมัดของเขานั้นส่งเสียงดังกึกก้องราวกับปืนใหญ่
นอกจากร่างกายที่แข็งแรงและดุร้ายแล้ว ร่างกายของสือต้าเฟิงยังว่องไวมากเอี้ยนลี่เฉียงสามารถบอกได้ทันทีว่าความว่องไวเป็นผลมาจากการต่อสู้ในชีวิตจริงมากมาย
ดูเหมือนว่าสือต้าเฟิงคงไม่ได้หยุดพักเลยตั้งแต่ที่เอี้ยนลี่เฉียงออกจากสถาบันศิลปะการต่อสู้และไปที่เมืองหลวง
แม้ว่าสือต้าเฟิงจะทำการปรับปรุงที่สำคัญ แต่คู่ต่อสู้ของเขาก็ยังแข็งแกร่งกว่าเขาเล็กน้อย วิชาหมัดเต็มแขนของสือต้าเฟิงบรรลุชั้นที่ห้าแล้ว แต่คู่ต่อสู้ของเขาฝึกฝนจนถึงชั้นที่หกและกระบวนค่าของเขาสามารถกดดันสือต้าเฟิงใกล้จนตรอกได้อย่างรวดเร็ว
สือต้าเฟิงไม่ต้องการที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ แม้ว่าเขาจะถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องแต่เขาก็กัดฟันและต่อยเข้าที่ไหล่ขวาของคู่ต่อสู้ก่อนที่เขาจะถูกกระแทกตกเวที
สือต้าเฟิงพลิกตัวเองขึ้นจากพื้นหลังจากตกลงจากเวที เขาใช้มือเช็ดเลือดที่มุมปากของตัวเองแล้วตะโกนบอกเสิ่นเติ้งว่า
“ข้าต่อยไหล่ขวาของเขาแล้ว มันจะส่งผลต่อความเร็วของหมัดของเขาในภายหลังอย่างแน่นอน เจ้าสามารถใช้ความเร็วของเจ้าและมุ่งเน้นไปที่การโจมตีทางด้านขวาของเขา เรายังมีโอกาสชนะ…”
ขณะที่เสิ่นเติ้งกำลังจะขึ้นเวทีมีเสียงมาจากข้างหลังเขา
“พอได้แล้วเสิ่นเติ้ง นั่นไม่ใช่รูปแบบการต่อสู้ของเจ้า หากเจ้าขึ้นไปข้ารับรองได้ว่าเจ้าจะถูกทุบตีจนใบหน้าบวมเป่งอย่างแน่นอน…”
สือต้าเฟิงและเสิ่นเติ้งหยุดนิ่งทันทีหลังจากที่พวกเขาได้ยินเสียง พวกเขารีบหันไปหาเอี้ยนลี่เฉียงที่เดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
สือต้าเฟิงและเสิ่นเติ้งไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจได้ พวกเขามองหน้ากันโดยไม่ต้องคิด พวกเขาออกจากเวทีและวิ่งไปที่เอี้ยนลี่เฉียง ในขณะที่พวกเขากำลังจะกอดกันสือต้าเฟิงก็กระแทกหมักใส่หน้าอกของเอี้ยนลี่เฉียง…
“เฮ้ นี่คือวิธีการต้อนรับพี่น้องของเจ้า…?!”
เอี้ยนลี่เฉียงตะโกนในขณะที่เขาค่อยๆถอยหลังเพื่อหลบการโจมตีของเขา
“ฮ่าฮ่า เราอยากรู้ว่าเจ้าดีขึ้นหรือไม่หลังจากกลับมาจากโลกภายนอก…” สือต้าเฟิงหัวเราะ “อืม ดูเหมือนว่าฝีเท้าของเจ้าจะพัฒนาขึ้นมาก เรามาประลองกันหน่อยดีกว่า…”
เสิ่นเติ้งและสือต้าเฟิงแลกเปลี่ยนสายตากันก่อนที่ทั้งคู่จะพุ่งเข้าหาเอี้ยนลี่เฉียงด้วยวิชาอื่น
เอี้ยนลี่เฉียงไม่ได้หลบในคราวนี้แต่เขายืดตัวและเอนไปข้างหน้าแทน พร้อมที่จะรับการโจมตีด้วยหน้าอกของเขาตรงๆ
เมื่อทั้งสองคนเห็นปฏิกิริยาของเอี้ยนลี่เฉียงพลังของหมัดและฝ่ามือของพวกเขาก็ลดลงในทันใดก่อนที่จะสัมผัสกับไหล่ของเอี้ยนลี่เฉียงอย่างแผ่วเบา
เอี้ยนลี่เฉียงก็ชกทั้งสองบนไหล่เบาๆก่อนที่ทั้งสามคนจะมองหน้ากันแล้วหัวเราะเสียงดัง