479-480
Ep.479
“มนุษย์! ความกล้าของเจ้าไม่เลว บังอาจมาวิ่งเล่นถึงสนามหญ้าของพวกเรา มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”
หญิงชราก้าวออกมาจากเผ่าเงือก กวาดสายตามองซูเฉินและคนอื่นๆ เอ่ยถามเสียงเย็นชา
“ฉันมาที่นี่เพื่อตามหาศิลาวิญญาณวารี”
ซูเฉยยกสร้อยในมือขึ้น กล่าวอย่างเฉยเมย
เงือกชรามองตาม แต่แล้วสีหน้าของเธอก็แปรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เอ่ยถามร้อนรนว่า “เจ้าไปเอาสร้อยเส้นนี้มาจากที่ไหน?”
เธอรู้ที่มาของสร้อยเส้นนี้ดี มันคือสร้อยที่ห้อยอยู่บนคอของเสวียนจี๋
หลังจากที่เสวียนจี๋หนีออกจากเกาะฮวง เหล่าผู้แข็งแกร่งของเผ่าก็ออกไล่ตามไป แต่ไม่มีใครจับเสวียนจี๋ได้
กระนั้น มนุษย์ตรงหน้ากลับมีสร้อยคอของเสวียนจี๋อยู่ในมือ แสดงว่าเขาต้องรู้แน่ๆ ว่าเสวียนจี๋อยู่ที่ไหน
หากสามารถไล่คลำไปตามเถาวัลย์จนเจอแตง หาเสวียนจี๋พบได้ แล้วเร่งนำตัวกลับมา จะถือเป็นผลงานชิ้นใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย
คิดได้แบบนี้ เงือกชรารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
“ฉันจะไปเอามาจากไหน ทำไมต้องรายงานแกด้วย?” ซูเฉินยิ้มดูแคลน
ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเงือกชรามืดมนลง กวาดตาประเมินซูเฉินอีกครั้ง ก่อนแค่นเสียงฮึอย่างเย็นชา
“มนุษย์! กล้าใช้วาจาเช่นนั้นกับข้า เจ้าไม่กลัวตายหรือ?”
“เงือกต่างเผ่าตนนี้ชักจะบ้าไปกันใหญ่แล้ว!”
“ก็นะ พวกต่างเผ่ามักมีนิสัยประมาณนี้แหละ ถือดีว่าตัวเองเก่งกาจกว่าใครๆ พวกเราคงได้แต่ทำตัวให้ชิน
“เดี๋ยวมันต้องคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตาแน่ๆ ฉันจะรอดู”
หยางฮ่าวและสหายสนทนาเสียงดัง ไม่สนใจสายตากินเลือดกินเนื้อของเงือกชราเลย
“โอหัง! อาศัยแค่เผ่ามนุษย์ กล้าดีอย่างไรมาทำให้เผ่าเงือกของข้าต้องอับอาย ช่างไม่รู้จักที่ตาย!”
เผ่าเงือกไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป คำรามใส่หยางฮ่าวและเหล่าสหาย
ชาวเงือกตนอื่นๆเองก็ไม่อาจระงับความโกรธในใจได้อีก พากันหยิบจับอาวุธขึ้นมาทีละตน ขอแค่เงือกชราออกคำสั่ง พวกเขาจะเข้าไปฉีกทึ้งมนุษย์กลุ่มนี้ทันที
ซูเฉินไม่อยากพูดพล่ามอีกต่อไป หันมาขยิบตาให้หวู่หยาง เอ่ยเพียงสั้นๆ “หัวหน้าหวู่ ลงมือได้เลย”
นับแต่เข้าสู่น่านน้ำทะเล หวู่หยางและคนอื่นๆแทบไม่ได้ออกหน้าสู้เลย นี่ก็นานแล้ว ถึงเวลาที่พวกเขาต้องขยับแข้งขยับขาเสียที
“ฆ่า!”
หยางฮ่าวและสหายข่มใจรอมานานแล้ว เวลานี้ได้ปลดปล่อย กระโจนเข้าสังหารอย่างบ้าคลั่ง
หวู่หยางกับหยางหลิงเทียนมองหน้ากัน ไล่ตามไปอย่างกระชั้นชิด
หยางเฉียนและสาวๆ ในที่นี้รวมไปถึงเฉินเมิ่งเฟย ก็ร่วมลงสนามรบเช่นกัน
เงือกชราที่อยู่ฝั่งตรงข้าม โบกไม้เท้าในมือ ออกคำสั่ง
“จงสังหารพวกมันให้ข้า!”
พริบตานั้นเอง ทั่วทั้งหุบเขาสะท้อนไปด้วยเสียงตะโกนและเสียงจากการฆ่าฟัน
ฟัฟ ฟัฟ พรวดดด!
ตามมาด้วยเสียงคมอาวุธเชือดเฉือนเนื้อ ชาวเงือกนับสิบถูกสะบั้นศีรษะ ตายลงในทันที
แม้หวู่หยางและคนอื่นๆจะมีจำนวนน้อย แต่พวกเขาแข็งแกร่ง และผ่านการต่อสู้มาแล้วหลายร้อยครั้ง การบุกเข้ามาในเขตเผ่าเงือก จึงไม่ต่างจากหมาป่ากระโจนเข้าฝูงแกะ
มองไปยังฉากนี้ หัวใจของเงือกชราสั่นไหว ขณะที่เธอกำลังร่วมโจมตี พลันตระหนักว่าทั้งร่างของเธอถูกพันธนาการด้วยพลังที่มองไม่เห็น ไม่สามารถเคลื่อนไหวใดๆได้เลย
“นี่มันพลังจิตขั้นใดกัน?”
เงือกชราไม่เคยพบเคยเจอพลังจิตที่น่ากลัวขนาดนี้มาก่อน มันให้ความรู้สึกทรงพลังยิ่งกว่าพลังจิตของจินเช่อ อัจฉริยะแห่งเผ่าเทพเสียอีก
“หรือว่าจะเป็นพลังจิตขั้น 7 ?”
ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในสมองของเงือกชรา หัวใจทั้งดวงหล่นวูบลงสู่ก้นบึ้ง
เธอเป็นเพียงผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 เท่านั้น ต่อหน้าปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 7 ไม่ต่างอะไรเลยจากมดปลวก สามารถถูกบดขยี้ได้ตามต้องการ
“บอกที่อยู่ของศิลาวิญญาณวารีมา แล้วฉันจะยอมให้ไปที่ชอบที่ชอบแบบไม่เจ็บตัว”
ซูเฉินใช้พลังจิตยกร่างของเงือกชราลอยมาเบื้องหน้าเขา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ที่แท้เจ้าคือปรมาจารย์พลังจิตขั้น 7 !”
เงือกชราเปิดปาก ใบหน้าของเธอผสมปนเปไปด้วยอารมณ์เหลือเชื่อและหวาดหวั่น
เพราะในสายตาเธอ ซูเฉินยังเด็กนัก ทั้งยังเป็นเผ่ามนุษย์ แล้วเหตุใดจึงสามารถครอบครองพลังจิตที่ทรงพลังเช่นนี้?
นี่มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย!
Ep.480
เมื่อเห็นว่าเงือกชราคล้ายไม่ได้ยินคำพูดเขา ยังทำหน้าตาเหลอหลา จมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ซูเฉินก็อดสบถออกมาไม่ได้ เริ่มควบคุมพลังจิตบีบคั้นเธอ
“กรี๊ดดดด”
เงือกชรากรีดร้อง ได้สติกลับมา เร่งกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ศิลาวิญญาณวารีอยู่ในถุงผ้าตรงเอวข้า ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย”
ซูเฉินหยิบถุงผ้าขึ้นมาตรวจสอบอย่างรวดเร็ว เมื่อมั่นใจว่าเป็นศิลาวิญญาณวารีแน่ๆ และสีจำนวน 20 ก้อนพอดี เขาก็ไม่รั้งรอ สังหารเงือกชราทันที
หลังจากนั้นก็ก้มเก็บชิ้นส่วน
ส่วนเงือกที่เหลือ แค่หวู่หยางและสมาชิกคนอื่นๆ ก็เพียงพอแล้วที่จะสังหารพวกมัน
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ซูเฉินเก็บชิ้นส่วนเสร็จสิ้น และขณะนี้ ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
ครั้งนี้มีชิ้นส่วนดรอปไม่มากนักก็จริง ทว่ากลับมีชิ้นส่วนสีม่วงทองดรอปลงอย่างคาดไม่ถึง ส่งผลให้จำนวนแต้มพลังงานรวมกันเกินหลักหมื่นแล้ว มันอยู่ที่ 10,900 แต้ม
เขาสามารถปลดล็อค [ทักษะต่อสู้หมื่นแสงสิบเงาสะท้อน] , [ค่ายกลอเวจีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุ] , [มังกรศักดิ์สิทธิ์ขนเพลิงมายา] และ [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์] ได้อย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว
กลับขึ้นมาบนรถ ซูเฉินติดตั้งศิลาวิญญาณวารี 10 ก้อนให้แก่ [รถศึกอัจฉริยะ]
รอจนศิลาวิญญาณวารีในช่องล่างจอควบคุมหายไป [รถศึกอัจฉริยะ] ก็เปิดฟังก์ชั่นล่องหนได้สำเร็จ
“เสี่ยวจือ แล่นเรือต่อไปยังทวีปเสวียนเทียน”
ซูเฉินออกคำสั่ง จากนั้นเอนตัวลงบนเก้าอี้คนขับ และเปิด [ร้านค้าวันสิ้นโลก]
แต้มพลังงานเกิดหลัก 10,000 แล้ว ให้เก็บไว้ก็เสียของ แน่นอนว่าเขาต้องใช้มันแลกเปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม มี 4 อย่างที่ต้องใช้ 10,000 แต้มพลังงานในการแลก ซูเฉินต่อสู้กับความคิดตัวเองอยู่พักหนึ่ง การตัดสินใจแลก [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์]
ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงเลือกกระบวนท่านี้ นั่นมาจากสัญชาตญาณล้วนๆ เขารู้สึกว่าหากมี [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์] อยู่ในครอบครอง มันจะสามารถช่วยเขาได้ไม่มากก็น้อย
ช่วงเวลาที่ [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์] แลกเปลี่ยนสำเร็จ ซูเฉินก็ได้รับข้อมูลตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
[เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์] เป็นเทคนิคลับที่ค่อนข้างพิเศษมาก หลังเปิดใช้งาน ร่างกายจะพุ่งสูงขึ้นประมาณ 10 จั้ง
กลายเป็นผู้ทรงพลังมหาศาล ยากจักโค่นล้ม และทุกอาชีพในตัวเขาก็จะเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวลเช่นกัน
กล่าวอีกนัยนึงก็คือ ปัจจุบันซูเฉินอยู่เลเวล 6 หากเปิดใช้งานมัน ทั้งสามอาชีพจะทะยานขึ้นไปอยู่ในเลเวล 7
“คุ้มค่าไม่เลวสำหรับเทคนิคที่ต้องแลกด้วย 10,000 แต้มพลังงาน”
หลังจากได้รับข้อมูลตอบกลับ ซูเฉินถอนหายใจด้วยอารมณ์จากหัวใจ
จนถึงตอนนี้หากไม่นับ [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์] เขาได้แลกเปลี่ยนรายการที่ใช้ 10,000 แต้มไปถึง 4 อย่างแล้ว
อันได้แก่ [กายาเทพอสูรนิรันดร์] , [เทคนิคลับร้อยเท่าสะท้านฟ้า] , [กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล] และ[อุปกรณ์เร่งเวลา]
[กายาเทพอสูรนิรันดร์] ช่วยให้ร่างกายคงกระพันในเลเวลเดียวกัน หมื่นพิษมิอาจย่างกราย หมื่นสิ่งชั่วร้ายมิอาจผจญ
[เทคนิคลับร้อยเท่าสะท้านฟ้า] ยามเปิดใช้งาน สามารถช่วยเพิ่มพละกำลังของเขาขึ้นเป็นร้อยเท่า
ในด้านพละกำลัง ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเทียมเทียบ ไม่ว่าเผ่าพันธุ์ใด อยู่ต่อหน้าเขาล้วนยอมศิโรราบ
[กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล] ครอบครองพลังในการฉีกมิติ สังหารสิ่งมีชีวิตในเลเวลเดียวกันได้ไม่ต่างจากการบี้มด และปลิดชีพศัตรูที่เลเวลสูงกว่าหนึ่งขั้นได้อย่างไม่ยากเย็น
[อุปกรณ์เร่งเวลา] แม้มันจะเป็นแค่อุปกรณ์เสริม แต่สามารถช่วยเร่งอัตราการไหลของกระแสเวลาได้ ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
อาจกล่าวได้เลยว่าทุกรายการที่แลกด้วย 10,000 แต้มพลังงาน ไม่เคยทำให้ซูเฉินผิดหวัง
สำหรับเทคนิค [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์] เขารู้สึกว่ามันทรงพลังยิ่งกว่าอีกสี่รายการอยู่หน่อยๆ
เพราะด้วยความสามารถในการสังหารศัตรูข้ามขั้นได้อย่างง่ายดายของซูเฉิน หลังจากใช้ [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์] แล้ว เขามีความั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถสังหารผู้ฝึกตนเลเวล 8 ได้
ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าซูเฉินได้ไพ่ตายในมือเพิ่มขึ้นอีกใบ และขณะเดียวกัน กำลังรบโดยรวมของเขาติดปีกทะยานไปอีกขั้น