477-478
Ep.477
จินเช่อเดิมคิดฉวยโอกาสหลบหนี ทว่าถูกหมัดของซูเฉินข่มจนขวัญหนีดีฝ่อ แข้งขาอ่อนเปลี้ย ทรุดลงกับพื้นเรือ
ซูเฉินเบือนสายตามอง ขณะที่กำลังจะสังหารจินเช่อ ประกายแสงสีทองสดใสก็ผุดขึ้นรอบกายคุณชายเผ่าเทพ
ในเวลาเดียวกัน คลื่นพลังงานมหาศาลแผ่ออกมา มันเวียนวนอยู่รอบกายของจินเช่อ ราวกับเป็นเกราะคุ้มภัยคอยปกป้องเขา
“ฮะ .. ฮะ ฮ่า … ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
เมื่อแสงสีทองปรากฏขึ้น จินเช่อค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆ หลังจากหัวเราะยกใหญ่ ทัศนคติเย่อหยิงและท่าทีจองหองของเขาก็กลับมาอีกครั้ง
“ข้ามีเกราะทองคำคุ้มกายที่พระบิดามอบให้ มนุษย์! หากคิดสังหารข้า เป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน!”
จินเช่อจ้องมองซูเฉิน กล่าววาจาเยาะหยัน
เกราะทองคำคุ้มภัย สามารถถือได้ว่าเป็นค่ายกลป้องกันชนิดหนึ่ง ซึ่งจะทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อสัมผัสถึงอันตราย
และพลังป้องกันของมันไม่อ่อนด้อยเลย มันสามารถทานทนต่อการโจมตีเต็มกำลังของผู้วิวัฒนาการเลเวล 7
ก่อนหน้านี้ จินเช่อลืมไพ่ตายใบนี้ เพราะตื่นตระหนกมากเกินไป
ปัจจุบัน เกราะทองคำคุ้มภัยเปิดทำงานแล้ว เขากลับมาเต็มเปี่ยมไปด้วยความั่นใจอีกครั้ง ไม่หวาดกลัวภัยคุกคามจากซูเฉินอีกต่อไป
“คิดว่าหดหัวอยู่ในกระดอง แล้วฉันจะทำอะไรแกไม่ได้หรอ?” ซูเฉินปาดจมูกเขา ผุดยิ้มเหยียดหยาม
กลวิธีโจมตีที่เขาแสดงออกมา อาจกล่าวได้ว่าเป็นแค่ปลายยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น
ไพ่ตายที่ทรงพลังที่สุดอย่าง [กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล] และ [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] ยังไม่ถูกเรียกใช้งานเลย
สิ่งแรกครอบครองพลังในการฉีกมิติ สิ่งหลังครอบครองอานุภาพของพลังเวทย์ห้าธาตุ บวกกับน้ำหนัก 108,000 จิน ของมัน ไม่ว่าจะใช้สิ่งไหน การทะลวงเกราะป้องกัน ไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายดายหรอกหรือ?
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าท่าทีหยิ่งผยองไม่หวั่นเกรงสิ่งใดของจินเช่อ จึงดูน่าขันในสายตาของซูเฉิน
“วาจาใหญ่โต! เจ้าเป็นเพียงผู้ฝึกตนเลเวล 6 เท่านั้น ต่อให้แข็งแกร่งเหนือกว่าคนอื่นๆในระดับเดียวกันแล้วอย่างไร? เกราะทองคำคุ้มภัยของข้าสามารถป้องกันการโจมตีของผู้ฝึกตนเลเวล 7 ได้ แล้วอย่างเจ้าจะทำอะไรข้า?” จินเช่อหัวเราะคลุ้มคลั่งด้วยความดูหมิ่นเหยียดหยาม
“ก็แค่กบก้นบ่อ!”
ซูเฉินเบ้ปาก รังสีแสงกระพริบวาบบนข้อมือเขา กระบี่ทมิฬเล่มหนึ่งปรากฏออกมา
แทบจะในทันทีหลังจากนั้น เขากุมด้ามกระบี่ด้วยสองมือ และฟันเข้าใส่จินเช่อ
เห็นแค่เพียงอากาศที่ว่างเปล่าเกิดการบิดเบี้ยว กระแสวังวนสีดำขนาดประมาณหนึ่งจั้งปรากฏขึ้น
“นี่มันกลวิธีโจมตีชนิดใดกัน?”
รับรู้ได้ถึงอำนาจฉีกทำลายอันน่าสะพรึงที่เล็ดลอดออกมาจากกระแสวังวน สีหน้าของจินเช่อแปรเปลี่ยนไปอย่างบ้าคลั่ง ร้องตะโกนว่า “ผู้อาวุโส ท่านไม่อาจสังหารข้าได้ พระบิดาข้าเป็นถึงปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 9!”
มองไปยังกระแสวังวนที่ค่อยๆเคลื่อนเข้ามา จินเช่อรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตาย สูญสิ้นความั่นใจที่มีในเกราะทองคำคุ้มภัยไป
เพื่อความอยู่รอด เขาทำได้เพียงยกอ้างศักดิ์ศรีของพ่อออกมาเท่านั้น ใช้ความแข็งแกร่งของเขา ทำให้ซูเฉินรู้สึกหวาดกลัว
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่รู้จักซูเฉิน หากซูเฉินระเบิดจิตสังหาร ตัดสินใจแล้วว่าจะฆ่า เขาย่อมไม่มีทางหยุด
ไม่ต้องกล่าวถึงปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 9 ต่อให้มีการดำรงอยู่ของตัวตนที่เหนือกว่าเลเวล 10 คอยหนุนหลังจินเช่อ ซูเฉินก็ยังตัดสินใจฆ่าอยู่ดี
“ไปรอที่ชอบที่ชอบอย่างสบายใจเถอะ เพราะอีกไม่นาน พ่อของแกก็จะตามไปเหมือนกัน!”
รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมผุดขึ้นบนมุมปากของซูเฉิน สองมือที่กำ [กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล] กระชับแน่นขึ้น
กระแสวังวนสีดำที่ลอยอยู่กลางอากาศคล้ายได้รับคำสั่ง มันม้วนเข้ากลืนจินเช่อในคราวเดียว
“อ๊าาาาาาา”
จินเช่อกรีดร้องโหยหวนอย่างสุดหัวใจ
ทั้งคนทั้งร่าง รวมไปถึงเกราะทองคำคุ้มภัยที่สวมใส่ ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆราวกับแผ่นกระดาษบาง กลืนหายไปในความว่างเปล่าทันที
วินาทีที่จินเช่อเสียชีวิตลง ภายในห้องโถงใหญ่อันวิจิตรตระการตาบนทวีปเทพ สีหน้าของชายวัยกลางคนที่ดูสง่างามและน่าเกรงขามแปรเปลี่ยนไป ร้องคำรามออกมา
“ผู้ใดกันที่กล้าสังหารบุตรชายข้าจินโหยวหนาน? เราราชาจักจักบดขยี้กระดูกเจ้าให้แหลกเป็นผุยผง!”
Ep.478
ซูเฉินเก็บ [กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล] กวาดสายตามอง ก่อนที่มุมปากของเขาจะยกขึ้นเล็กน้อย
เพราะในสายตา ปรากฏชิ้นส่วนทอประกายระยิบระยับ
แม้ครั้งนี้จะมีพวกต่างเผ่าถูกสังหารไปเพียงสามตัวเท่านั้น แต่ชิ้นส่วนที่ดรอปออกมา มีมากถึง 130 ชิ้น
ในบรรดาทั้งสาม ศพที่ดรอปชิ้นส่วนมากที่สุดก็คือจินเช่อ สังหารมันตนเดียวดรอปชิ้นส่วนนับร้อย
จากนั้น ซูเฉินก็เริ่มเก็บชิ้นส่วน
เทียนเหอและเสวียนจี๋มองหน้ากัน เห็นถึงความตื่นตกใจสะท้อนอยู่ในแววตาของอีกฝ่าย
เขาและเธอไม่เพียงตกใจในความแข็งแกร่งของซูเฉินเท่านั้น แต่ยังตกใจในความกล้าหาญของซูเฉินอีกด้วย
ต้องรู้นะว่าจินเช่อไม่เพียงเป็นอัจฉริยะเผ่าเทพ แต่เขายังเป็นบุตรชายสุดรักของจักรพรรดิเทพสวรรค์อีกด้วย
ด้วยสถานะปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 9 จักรพรรดิเทพสวรรค์มีสถานะสูงส่งเป็นอย่างยิ่งในเผ่าเทพ การตายของบุตรชายเขา คงมิแคล้วก่อคลื่นลมคลื่นฝนไปทั่ว
สามารถคาดการณ์ได้เลยว่า เมื่อเผ่าเทพค้นพบสาเหตุการตายของจินเช่อ พวกเขาจะต้องไล่ล่าซูเฉินอย่างบ้าคลั่ง เพื่อล้างแค้นอย่างแน่นอน
เผ่าเทพคือหนึ่งในสุดยอดห้าเผ่าพันธุ์ กำลังรบของพวกเขาไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง ถึงเวลานั้นซูเฉินจะมีโอกาสรอดหรือไม่ คงไม่ต้องจินตนาการ
“ยังเยาว์วัยนัก เลือดร้อนเกินไป …” เทียนเหอถอนหายใจยาว
แม้ซูเฉินจะแข็งแกร่งไร้เทียมทาน แต่คงไม่มีทางแข็งแกร่งกว่าเผ่าพันธุ์เทพทั้งเผ่าไปได้ ดูเหมือนชะตากรรมในอนาคตของซูเฉิน จะมีแต่ทางตัน
เรื่องนี้ทำให้เทียนเหอรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เพราะท้ายที่สุดแล้ว ซูเฉินคือคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้ เป็นเขาที่ต้องตอบแทนซูเฉิน
แต่ต่อหน้าเผ่าเทพ เขาเทียบกับมดยังไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วจะช่วยซูเฉินได้อย่างไร?
…
หลังจากเก็บชิ้นส่วนเสร็จแล้ว ซูเฉินก็เรียกทุกคนกลับมาในห้องโดยสาร ก่อนจากไป เขาเหลือบมองเทียนเหอกับเสวียนจี๋ ไม่ได้เอ่ยอะไรซักคำ แต่ก็ไม่ได้ฆ่าพวกเขาเช่นกัน
แม้ว่าเทียนเหอและเสวียนจี๋ตะเป็นพวกต่างเผ่า แต่ก็ใช่ว่าพวกต่างเผ่าทุกตนจะชั่วร้าย
เช่นเดียวกับเผ่าพันธุ์คนแคระบนเกาะซูหวู พวกเขาสามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้อย่างสันติ
สำหรับพวกต่างเผ่าประเภทนี้ ซูเฉินทำใจฆ่าไม่ลง
ยิ่งไปกว่านั้น ศิลาวิญญาณวารีก็ได้มากจากเสวียนจี๋ ที่อยู่ของศิลาวิญญาณวารีก้อนอื่นๆ ก็รู้มาจากปากเธอเช่นกัน ดังนั้นถือว่าเธอมีบุญคุณต่อเขา
ซูเฉินจึงไม่คิดลงมือโจมตีอีกฝ่าย
“เสี่ยวจือ ล็อคตำแหน่งเกาะฮวง แล่นเรือด้วยความเร็วเต็มกำลังทั้งหมดของนาย” ทันทีที่กลับเข้ามาในห้องโดยสาร ซูเฉินออกคำสั่ง
“รับทราบ”
[รถศึกอัจฉริยะ] ขับเคลื่อนเต็มกำลัง แล่นเรือตรงไปยังเกาะฮวง
รอจน [รถศึกอัจฉริยะ] หายลับไปจากสายตา เทียนเหอและเสวียนจี๋หันมาสบตา จับมือกันและกัน และว่ายจากไป
สองชั่วโมงต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] ได้มาถึงเกาะฮวง
ซูเฉินสังเกตผ่านหน้าจอควบคุมส่วนกลาง พบว่าบนเกาะฮวงมีชาวเงือกอยู่ราวๆ 1,000 ตน
เวลานี้ทั้งหมดกำลังรวมตัวกันอยู่ในหุบเขา
แม้ว่าเกาะฮวงจะไม่ใช่เกาะขนาดใหญ่ แต่ก็ยังมีพื้นที่มากถึง 1 ใน 5 ของเกาะเฉียนหยู แต่ไม่นึกเลยว่าชาวเงือกจะมีจำนวนน้อยขนาดนี้ ทำให้เขาค่อนข้างผิดหวัง
อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์หลักของการมาในครั้งนี้คือศิลาวิญญาณวารี ชาวเผ่าเงือกจะมากน้อย ยังไงก็เป็นเรื่องยอมรับได้
ล็อคตำแหน่งหุบเขา [รถศึกอัจฉริยะ] เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว
หนึ่งชั่วโมงต่อมา หุบเขาก็ปรากฏสู่สายตา
ซูเฉินนำทุกคนลงจากรถอย่างสบายๆ โดยไม่เห็นชาวเผ่าเงือกนับพันในที่นี้อยู่ในสายตา
ระหว่างทาง เขาได้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ว่าเผ่าเงือกที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี้ คือผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 อีกทั้งยังมีเพียงตนเดียวเท่านั้น ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นผู้ฝึกตนเลเวล 3 หรือต่ำกว่า
ด้วยกำลังรบระดับนี้ แค่หวู่หยางกับหยางหลิงเทียนร่วมมือกัน ก็เพียงพอแล้วที่จะกวาดล้าง
การปรากฏของ [รถศึกอัจฉริยะ] ย่อมดึงดูดความสนใจของเผ่าเงือกเป็นธรรมดา
พวกมันรวมตัวกัน และล้อม [รถศึกอัจฉริยะ] เอาไว้