471-472
Ep.471
สิ้นเสียงซูเฉิน ทุกคนบนเรือเหล็กต่างหันมองหน้ากัน
ก่อนหน้านี้ก็ว่าเฉินเมิ่งเฟยจองหองมากแล้ว แต่ไม่นึกเลย ว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะจองหองยิ่งกว่า
นี่ทำให้ทุกคนเกิดความสงสัยขึ้นมาข้อหนึ่ง นั่นคือคนหนุ่มสาวสมัยนี้ใช่อารมณ์ร้ายเหมือนกันหมด และไม่กลัวความตายกันเลยหรือ?
“นายท่าน โปรดอนุญาตให้ข้าไปมอบบทเรียนให้ไอ้เด็กพวกนี้ด้วยเถอะ!” ชายหัวล้านร้องขออีกครั้ง
ความหยิ่งผยองของซูเฉินมันเกินขีดจำกัดความอดทนของเขาแล้ว เขาสาบานว่าจะต้องดัดสันดานซูเฉินให้จงได้
เฝิงหานซั่วพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวเสียงเย็นว่า “ได้ แต่ต้องจับเป็น”
ในฐานะผู้วิวัฒนาการเลเวล 6 บารมีของเขาไม่ใช่สิ่งที่สามารถดูแคลนได้
วาจายั่วยุกวนประสาทของซูเฉิน มันทำให้เขาไม่พอใจมาก
และการสังหารซูเฉินเพียงอย่างเดียว มันไม่พอที่จะระบายความโกรธนี้ เขาต้องการทรมานซูเฉินให้ได้รับความเจ็บปวดทีละนิด ทีละน้อย ทำให้ซูเฉินต้องรู้สึกเสียใจที่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้
“เจ้าหนู จงรู้ไว้เสีย ว่าทุกข์ทรมานนับจากนี้ ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะความหยิ่งผยองของแก!”
รอยยิ้มโหดร้ายผุดขึ้นตรงมุมปากของชายหัวล้าน เขากระโจนลงจากเรือเหล็ก ตรงเข้าหาซูเฉิน
แต่สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็คือ ระหว่างที่กำลังร่อนลงไป ชายหัวล้านจู่ๆก็หยุดนิ่งกลางอากาศอย่างน่าฉงน
จากนั้น ทั้งเนื้อทั้งตัวก็เริ่มบิดเป็นเกลียวอย่างรวดเร็ว
กร๊อบ กร๊อบ กร๊อบ!
บังเกิดเสียงแตกหักของกระดูกที่ดังฟังชัด ร่างของชายหัวล้านถูกเปลี่ยนเป็นเศษเนื้อเหลว ร่วงจ๋อมลงในทะเล
ซู๊ดดดด
ได้เห็นฉากอันน่าสยดสยองนี้ เสียงสูดหายใจเย็นเยียบดังไปทั่วเรือเหล็ก
สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความสับสนและหวาดกลัว
เฉินเมิ่งเฟยเผยอปากเล็กน้อย รู้สึกตกตะลึงกับความตายอันพิสดารของชายหัวล้าน
“ที่แท้แกเป็นปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 6!”
เฝิงหานซั่วได้สติเป็นคนแรกก จ้องมองซูเฉินด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง สีหน้าท่าทีของเขากลายเป็นซับซ้อนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เพราะอาชีพปรมาจารย์พลังจิตนั้นยากที่จะฝึกฝน โดยเฉพาะการไต่ไปถึงเลเวล 6 เป็นเรื่องที่ยากดั่งการพบพานขนหงสาและเขากิเลน
ในทวีปเสวียนเทียน ปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 6 ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลอันยิ่งใหญ่ และที่สำคัญคืออายุของพวกเขาไม่ได้อยู่ในวัยเยาว์หรือวัยหนุ่มอีกต่อไป
ขณะที่ชายหนุ่มตรงหน้าเขา เกรงว่าจะยังอายุไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ กระนั้นกลับปีนป่ายขึ้นมาถึงขั้นนี้แล้ว นับว่าน่าชื่นชมนัก
แต่ยังไงก็เหลือเชื่อ! มันน่าเหลือเชื่อเกินไป!
“ทำไมเขาจึงแข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้?”
“เขาเป็นใครกันแน่?”
คนอื่นๆบนเรือเหล็ก หลังจากตระหนักถึงความแข็งแกร่งของซูเฉิน ลึกลงไปในใจก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความหวาดกลัวผุดขึ้นมาหลายส่วน
“นี่เขาก็เป็นปรมาจารย์พลังจิตด้วยหรือ?”
เฉินเมิ่งเฟยมองซูเฉินอย่างโง่งม บังเกิดคลื่นลมคลื่นฝนซัดสาดในหัวใจ
เพราะเมื่อเทียบกับเฝิงหานซั่วหรือคนเหล่านั้นแล้ว เธอรู้ข้อมูลเยอะกว่าพวกเขาไม่มากก็น้อย
ว่าซูเฉินไม่ได้เป็นเพียงปรมาจารย์พลังจิตเท่านั้น แต่เขายังมีสถานะเป็นผู้วิวัฒนาการและปรมาจารย์มนตราอีกด้วย –เป็นปรมาจารย์มนตราที่เชี่ยวชาญทุกธาตุ!
“เขาคือผู้ฝึกตนทุกอาชีพ!”
เฉินเมิ่งเฟยยกมือขึ้นมาปิดปากของเธอ ไม่ให้เปล่งเสียงกรีดร้องออกไป
ผู้ฝึกตนทุกอาชีพ และทุกสายยังอยู่ในเลเวล 6 มีอัจฉริยะเช่นนี้อยู่ในโลกด้วยหรือ?
แม้จะทราบแล้วว่าซูเฉินมีสถานะเป็นผู้ฝึกตนทุกอาชีพ แต่เฉินเมิ่งเฟยก็ยังคงรู้สึกเหลือเชื่ออยู่ดี
“ฉันยังมีอะไรให้ค้นหาอีกเยอะ เดี๋ยวก็รู้”
ซูเฉินม้วนริมฝีปาก กวาดสายตามองเฝิงหานซั่ว จากนั้นปลดปล่อยพลังจิตของเขาออกมาอีกครั้ง
เนื่องจากรับประทานผลแก่นแท้เข้าไป พลังจิตของเขาจึงข้ามขั้นมาอยู่ในระดับความแข็งแกร่งของเลเวล 7
ช่วงเวลานี้ พลังที่มองไม่เห็นที่เกิดจากพลังจิต ราวกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ โถมบดขยี้ไปเบื้องหน้า
ผู้คนรอบๆเฝินหานซั่ว ไร้ซึ่งกำลังจะต่อต้าน ทั้งหมดถูกบิดตัวเป็นเกลียว แปรสภาพเป็นแอ่งเนื้อเหลว
ส่วนเฝิงหานซั่ว แม้ไม่ตายทันที แต่ก็ถูกกดทับทรุดลงกับพื้น ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
“พลังจิตเลเวล 7 .. ท่านอาวุโส! โปรดไว้ชีวิตด้วย!”
ใบหน้าของเฝิงหานซั่วซีดขาวถึงขีดสุด ร้องสุดเสียงอ้อนวอนขอความเมตตาจากซูเฉิน
“เลเวล 7 …”
เฉินเมิ่งเฟยอ้าปากค้าง ร่างเธอสั่นเทาเล็กน้อย ขาอ่อนเปลี้ยเกือบล้มลงกับพื้น
“ผลไม้วิญญาณอยู่ที่ไหน?”
ซูเฉินควบคุมพลังจิต กระชากร่างของเฝิงหานซั่วมาข้างๆ เอ่ยถามเสียงเย็น
Ep.472
“ผลไม้วิญญาณอยู่ในถุงผ้าของฉัน”
เฝิงหานซั่วยอมสารภาพอย่างไม่ลังเล
ซูเฉินหรี่ตากวาดมอง ไม่นานก็พบถุงข้าแขวนอยู่ที่เอวของเฝิงหานซั่ว
เขากระตุงถุงผ้าขึ้นมาแล้วคลี่ออก พบว่าข้างในบรรจุผลจำลองจิตเอาไว้จริงๆ
“ทำไมถึงมีแค่ 3ลูก?”
สีหน้าของซูเฉินหมองลง จิตสังหารกระพือไปทั่วสรรพางค์กาย
ในตัวเขามีอยู่หกลูก ได้เพิ่มมาอีกสามก็เท่ากับเก้า ยังไม่พอที่จะใช้แยกจิตจำลองที่สอง
สัมผัสได้ถึงจิตสังหารของซูเฉิน ทั้งคนทั้งร่างของเฝิงหานซั่วสั่นระริก อธิบายว่า “ผู้อาวุโส ผลไม้วิญญาณที่เหลือน่าจะยังอยู่บนพืชวิญญาณต้นนั้น”
“หืม?”
ซูเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองเฉินเมิ่งเฟย
เฉินเมิ่งเฟยพยักหน้ายืนยัน “ผู้อาวุโส ตอนฉันไป ผลไม้วิญญาณเหล่านั้นยังไม่สุกงอม ดังนั้นที่เหลือสมควรยังอยู่บนพืชวิญญาณจริงๆ”
เมื่อทราบถึงที่อยู่ของผลจำลองจิตลูกสุดท้าย ซูเฉินง้างแขนเต็มข้อ แล้วฟาดฝ่ามือลงบนหัวของเฝิงหานซั่วทันที จากนั้นหันไปถามเฉินเมิ่งเฟย “เธอได้ผลไม้วิญญาณมาได้ยังไง?”
ก่อนหน้านี้ เขามัวแต่ตื่นเต้นกับสรรพคุณของผลจำลองจิต จนลืมคิดถึงบางเรื่อง และไม่ได้ถามออกไป
“ฉันบังเอิญเจอมันตอนออกค้นหาวัตถุวิญญาณบนภูเขาฉีเซี่ย ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าพืชวิญญาณต้นนี้ค่อนข้างพิเศษ เลยนำมันลงมาด้วย แต่ได้มอบมันให้กับอู๋หยาจื่อไปแล้ว”
คำอธิบายนี้แทบไม่สามารถยอมรับได้ แต่ซูเฉินคร้านจะเค้นถาม ไหนๆเธอก็ยอมคายความจริงออกมาแล้ว เลยถามเท่าที่จำเป็นว่า “งั้นทำไมเธอถึงมอบพืชวิญญาณให้อู่หยาจื่อ?”
“อู๋หยาจื่อคือปรมาจารย์ด้านการหลอมอุปกรณ์ ฉันนำพืชวิญญาณต้นนั้นไปแลกเปลี่ยนสมบัติวิญญาณกับเขา หรือก็คือเรือไม้ลำเล็กก่อนหน้านี้” เฉินเมิ่งเฟยตอบ
ทุกครั้งที่เธอนึกถึงเรื่องเรือไม้ลำเล็กถูกซูเฉินทำลาย ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดในใจ
“ถ้าเป็นแบบนั้น แสดงว่าคนที่ชื่ออู๋หยาจื่อผู้นี้ไม่เลวเลย” ซูเฉินพึมพำ
เพราะของที่อู๋หยาจื่อใช้แลกเปลี่ยนกับต้นผลจำลองจิต มันดูไม่ได้เอาเปรียบหรือฉกฉวยผลประโยชน์จากเฉินเมิ่งเฟยเลย เห็นได้ชัดว่าอุปนิสัยของเขาค่อนข้างดีมาก
ในวันสิ้นโลก น้อยคนนักที่จะมีอุปนิสัยเช่นนี้
ซูเฉินตั้งปณิธานว่าจะต้องครอบครองต้นผลจำลองจิตให้จงได้ เดิมเขาตั้งใจจะใช้วิธีการปล้น แต่หลังจากได้รู้เรื่องราวของอู๋หยาจื่อแล้ว เขาก็เปลี่ยนความคิดไป
บนตัวเขามีสมบัติดีๆมากมาย อย่างมากก็แค่ยอมใช้บางส่วนแลกเปลี่ยนมัน
“แต่ที่ฟังดุเหมือนจะเป็นเรื่องระหว่างเธอกับอู๋หยาจื่อนี่ แล้วคนของราชวงศ์เฝิงซีมามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ยังไง? ทำไมพวกเขาต้องไล่ล่าเธอ?”
นี่คือสิ่งที่ซูเฉินไม่เข้าใจ
เพราะตามหลักเหตุผลแล้ว ด้วยไหวพริบความเฉลียวฉลาดของเฉินเมิ่งเฟย เธอไม่น่าจะยอมเปิดเผยสมบัติล้ำค่าออกมาให้ใครเห็นง่ายๆ
“เพราะฉันต้องการทรัพยากรฝึกฝน เลยนำผลไม้วิญญาณสามลูกไปแลกเปลี่ยน แต่ต่อมาก็ถูกคนของราชวงศ์เฝิงซีพบเข้า แล้วสะกดรอยตามมา” เฉินเมิ่งเฟยอธิบาย
“อ้อ”
ซูเฉินเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
เมื่อทราบที่มาที่ไปของสถานการณ์แล้ว เขาก็กลับเข้ามาในห้องโดยสารอีกครั้ง
เฉินเมิ่งเฟยก็ตามมาด้วย
ช่วงเวลาต่อมา [รถศึกอัจฉริยะ] ยังคงแล่นเรือไปยังทวีปเสวียนเทียน
ซูเฉินว่างๆไม่มีอะไรทำ เอนตัวลงนอนบนที่นั่งคนขับแล้วหลับตา
หลังจากแล่นเรือเป็นเวลาสองชั่วโมงกว่า [รถศึกอัจฉริยะ] ก็แจ้งเตือนขึ้น “เจ้านาย ค้นพบสัญญาณของสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าและสัตว์ทะเลจำนวนมาก”
“มีกี่ตัว?” ซูเฉินถาม หัวใจเริ่มเต้นแรง
“มีจำนวนทั้งหมด 1,200 ตัว” [รถศึกอัจฉริยะ] ตอบ
แม้จำนวนหนึ่งพันจะไม่มากนัก แต่เมื่อมีพวกต่างเผ่ารวมอยู่ด้วย นับว่าคุ้มค่าที่จะลงมือ
ซูเฉินหรี่ตากวาดมองหน้าจอควบคุมส่วนกลาง เห็นจุดสีแดงและสีดำปะปนกัน และกำลังเคลื่อนที่ไปยังทิศทางเดียว
นอกจากนี้ เขายังพบสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่าง
นั่นคือสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าสองตัวที่อยู่หน้าสุด คล้ายกำลังมีพฤติกรรมหลบหนี ในขณะที่สิ่งมีชีวิตต่างเผ่าและสัตว์ทะเลข้างหลังกำลังไล่ล่า
“เสี่ยวจือ ล็อคเป้าแล้วช่วยขยายภาพที” ซูเฉินเอ่ยเสียงแผ่วเบา