บทที่ 19: เพลงเศร้า
บทที่ 19
เพลงเศร้า
หุบเขาชั้นที่ 1 เป็นเพียงชื่อที่บ่งบอกว่าเป็นหุบเขาที่อยู่ตรงกลางหน้าผา 2 แห่ง ซึ่งเป็นที่ที่แม่น้ำหยุนชางไหลผ่าน และตกสู่ที่ราบด้านล่าง ทำให้สิ่งมีชีวิตหลายร้อยล้วนได้ชุ่มชื่นกับน้ำตกนี้
หลี่มู่ฟาน ยืนอยู่บนที่ราบที่อยู่ไม่ไกลจากช่องเขาชั้นที่ 1 และมองไปยังแม่น้ำที่ตกลงมาจากหน้าผาสูงเกือบ 100 เมตร จนเกิดเป็นน้ำตกที่งดงาม หลี่มู่ฟาน กำลังครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา
“ฝ่าบาท ทหารที่เสียชีวิตได้ถูกฝังแล้วเจ้าค่ะ”
เสียงกระซิบของฟานชิงเยว่ดังขึ้นข้างหู หลี่มู่ฟาน ถอนความคิดที่กำลังสับสนและถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง?”
ฟานชิงเยว่พูดเสียงต่ำ “โชคดีที่ยาของ อาเฉียงนำมาทำให้พี่น้องหลายคนไม่เป็นอะไรแล้ว มีเพียงแค่ 18 คนเท่านั้นที่รักษาไม่ทัน…”
“เข้าใจแล้วไปแจ้งทุกคนให้มารวมตัวกันที่นี่”
“รับทราบ”
หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งก้านธูป หลี่มู่ฟาน มองไปที่ทหารกว่า 200 คนที่ยืนตรงหน้าเขา เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “พี่น้องพันคนจากกองพันองครักษ์ ตั้งแต่เกิดความวุ่นวายในพระราชวังจนถึงตอนนี้ เหลือเพียง 237 คน ราชาคนนี้ช่างอ่อนด้อยนักทำให้พวกเราสูญเสียผู้คนไปมาก แล้วข้าจะปล่อยให้พวกท่านปกป้องได้อย่างไร?”
หลิวหลงได้ยินเช่นนั้นก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งและพูดเสียงดังว่า
“ฝ่าบาททรงอย่าโทษตัวเอง การปกป้องท่านคือภารกิจของพวกเราการเสียสละเพื่อท่านคือเกียรติยศของพวกพี่น้อง!”
เมื่อมองไปที่หลิวหลงและทหารองครักษ์ หลี่มู่ฟาน ถอนหายใจเบาๆและกล่าวว่า “ข้าเข้าใจดีว่าพวกเจ้าเป็นทหารที่ดีที่สุดในราชอาณาจักร แต่ในตอนนี้ข้าไม่ใช่กษัตริย์อีกต่อไปแล้ว..”
“ฝ่าบาท….”
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็ตกใจคุกเข่าลงพร้อมกัน
จางเถี่ย ตะโกนเสียงดัง “ฝ่าบาทอย่าเพิ่งท้อแท้ ข้าจะกลับไปยังเมืองหลวงเพื่อช่วยท่านชิงบัลลังก์คืน!”
ทุกคนต่างตะโกนพร้อมกัน “ฝ่าบาทได้โปรดไตร่ตรองให้รอบคอบ”
เมื่อมองไปที่ทหารคุกเข่าอยู่ด้านล่าง หลี่มู่ฟาน รู้สึกเพียงหัวใจของเขากำลังเต้นแรงดวงตาของเขาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา
เมื่อเห็นว่า หลี่มู่ฟาน ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา หลิวหลงก็ร้อนใจและตะโกนเสียงดังว่า “หากฝ่าบาททรงปลดตัวเองออกจากบัลลังก์ข้าจะคุกเข่าอยู่ที่นี่ไปจนตาย!”
ทหารองครักษ์ได้ยินดังนั้นก็ตะโกนอีกครั้งว่า “ฝ่าบาทโปรดไตร่ตรองให้รอบคอบด้วย”
เกิดความเงียบหลังจากนั้นเป็นเวลานาน
หลี่มู่ฟาน พูดขึ้นช้าๆว่า “ข้า หลี่มู่ฟาน รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก แต่สถานะของกษัตริย์นั้นได้ผ่านพ้นไปแล้วและอย่าพูดถึงมันอีกเลย นับแต่นี้ไปหากพวกท่านไม่รังเกียจให้เรียกข้าว่านายน้อย แล้วไม่จำเป็นต้องทำความเคารพข้าอีกต่อไป!”
“นี่..”
เห็นได้ชัดว่าทุกคนลังเล หลิวหลงและ จางเถี่ย ต้องการที่จะพูดอะไรออกมาแต่ หลี่มู่ฟาน โบกมือและกล่าวว่า “เรื่องนี้จบลงแล้วและเราไม่จำเป็นต้องพูดถึงสถานะในอดีตของเราอีกต่อไป ทุกคนลุกขึ้น”
เมื่อเห็นว่าเหล่าทหารไม่ได้เคลื่อนไหว หลี่มู่ฟาน จึงจ้องมองไปที่หลิวหลง
เมื่อหลิวหลงเห็นดังนั้นก็ตอบสนองทันที “ขอบพระทัยฝ่าบาท…”
ทุกคนตะโกนพร้อมกัน “ขอบพระทัยฝ่าบาท..”
“พวกเจ้า…”
เมื่อ หลี่มู่ฟาน เห็นว่าทุกคนยังคงเรียกเขาว่าฝ่าบาท ทำให้เขายิ้มอย่างขมขื่น
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากเป็นกษัตริย์ แต่เป็นเพราะสถานะนี้อ่อนไหวเกินไป หากถูกพูดออกไป เมืองสุริยันจันทราคงไม่ปล่อยเขาไปแน่ๆ แม้แต่อาณาจักรหยุนฉินก็ยอมรับว่าเขาเป็นคนที่ตายไปแล้ว ก็จะไม่มีทางปล่อยเขาไปเช่นกัน ในเมื่อเป็นเช่นนี้มิสู้เก็บตัวก่อนรอให้เขามีพลังมากกว่านี้ การขึ้นครองราชย์มิใช่แค่การพลิกฝ่ามือเท่านั้น?
หลังจากส่ายหัวอย่างขมขื่น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปและกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “หลิวหลง พาเหล่านักรบไปกล่าวคำอำลากับพี่น้องทั้ง 18 คน!”
“รับทราบ”
หลิวหลงหันกายและตะโกนว่า “จัดแถว!”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็เก็บความโศกเศร้าเอาไว้และจัดแถวตามลำดับ
“ทำความเคารพ!”
“ชิ้ง”
ทุกคนยกดาบยาวในมือขึ้นอย่างเป็นระเบียบจ้องมองไปยังหลุมศพของ 18 คนที่อยู่ริมแม่น้ำด้านหน้า
ด้านข้างมีคนเป่าแตรทหารอันเป็นเอกลักษณ์ของทหารองครักษ์ แต่นี่ไม่ใช่สถานะออกรบแต่เป็นเพลงที่ไว้อาลัยสำหรับสหายร่วมรบ…
เสียงแตรอันโศกเศร้าดังก้องไปทั่วช่องแคบ ดวงตาของทหารเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา หลี่มู่ฟาน เดินไปข้างหน้าทีละก้าวเขามองดูหลุมศพไร้วิญญาณทั้ง 18 หลุมและกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“ข้า หลี่มู่ฟาน ไม่สามารถพาพวกเจ้าไปสู่จุดมุ่งหมายได้แต่ก็จะไม่ให้พวกเจ้าเป็นผีของอาณาจักรอื่น”
เขารับช่อดอกไม้สีขาวจากฟานชิงเยว่และเขาค่อยๆเดินลงไปที่หลุมศพก่อนจะวางดอกไม้หน้าหลุมศพทีละดอก