WS บทที่ 208 โชคดีในโชคร้าย
เมอร์ลินนอนอยู่บนพื้นของหอคอยโบราณอันเงียบสงบขณะที่หน้าอกของเขายกขึ้นทุกลมหายใจเข้าออก อาการบาดเจ็บของเขาสาหัสมาก แม้ว่าเขาจะไม่ตายแต่เขาถูกโจมตีอย่างรุนแรง เขาต้องการใช้เวลาพักฟื้นแต่ไม่รู้ว่าเขามีเวลาเท่าไรถึงจะหายดี
“เดิมทีฉันระวังพ่อมดรีเซนอยู่ตลอดเวลาแต่ไม่คิดว่าเขาจะจู่โจมอย่างกะทันหันแบบนี้แถมเขายังใช้ม้วนคัมภีร์คาถาระดับสี่อีกด้วย”
อันที่จริง เมอร์ลินไม่ได้ระแวดระวังตัวพ่อมดรีเซนมากขนาดนั้น เขาก็ไม่กลัวว่าเขาจะร่ายเวทย์ระดับสาม อย่างไรก็ตาม คราวนี้พ่อมดรีเซนใช้ม้วนคัมภีร์คาถาระดับสี่และทำให้เมอร์ลินได้รับบาดเจ็บอย่างมากแต่โชคดีที่ร่างกายของเมอร์ลินนั้นเหนือกว่าร่างกายของนักเวทย์ทั่วไป มิฉะนั้นเขาคงจะถูกฆ่าตายไปแล้ว
และที่สำคัญที่สุด การที่เมอร์ลินรวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อเปิดใช้งานดัชนีเยือกแข็งทำให้รีเซนหวาดกลัวและหนีไป ถ้าไม่ทำเช่นนั้นเขาเกรงว่ารีเซนคงจะเข้ามาและปลิดชีพเขาไปแล้ว
เมอร์ลินตัดสินใจว่าเขาจะรออย่างอดทนเพื่อให้แผลหายดีและจากนั้นเขาก็จะออกจากหอคอยโบราณ ถ้าเป็นไปได้เขาต้องการจะชำระหนี้แค้นของเขาที่มีต่อรีเซน
*โครม!!*
ขณะที่อารมณ์ของเมอร์ลินกำลังจะสงบลง จู่ ๆ ก็มีบางอย่างปรากฏตัวขึ้นจากพื้นประตูหิน มันคือแมงมุมลายขนาดใหญ่ก็เริ่มคลานออกมา
แมงมุมลายนี้มีความสูงเท่ามนุษย์และเป็นแมงมุมลายที่ใหญ่ที่สุดที่เมอร์ลินเคยเห็น แมงมุมลายค่อยๆ คลานเข้าหาเมอร์ลินขณะที่มันเริ่มส่งเสียงฟ่อ
ใบหน้าของเมอร์ลินซีดเผือด เดิมทีเขาวางแผนที่จะฟื้นตัวอย่างช้าๆ และก็พังประตูหินเพื่อหนีออกจากอนุสาวรีย์โบราณ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้บาดเจ็บหนักและอยู่ในสภาพอ่อนแอและแมงมุมลายขนาดมหึมานี้ มันต้องแข็งแกร่งกว่าแมงมุมลายตัวอื่นๆ ที่เขาเคยพบมาก่อนอย่างแน่นอน
เมอร์ลินไม่สามารถร่ายดัชนีเยือกแข็งได้อีกต่อไปแต่พลังจิตของเขาไม่ได้รับผลกระทบจากอาการบาดเจ็บ ดังนั้นเขาจึงรีบร่ายรูปปั้นผู้พิทักษ์ทันที
เขาร่ายรูปปั้นผู้พิทักษ์อีกสามครั้ง แผ่นผนังสีเทาก่อตัวขึ้นรอบตัวเขาและปกคลุมร่างกายของเขา
แมงมุมลายขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาเมอร์ลินแต่หยุดเดินเมื่อสังเกตเห็นรูปปั้นผู้พิทักษ์
*หวู่ม!*
ทันใดนั้น แมงมุมลายก็ขยับอย่างรวดเร็ว มันปรากฏขึ้นข้างหลังเมอร์ลินในชั่วพริบตาและพุ่งชนรูปปั้นผู้พิทักษ์
*บูม!*
ด้วยแรงปะทะของแมงมุมลายทำให้รูปปั้นผู้พิทักษ์ถูกทำลายไปจนหมด เมอร์ลินจึงเหลือปราการด่านสุดท้ายนั่นก็คือรูปปั้นผู้พิทักษ์แบบเสริมพลังที่ร่ายผ่านอุปกรณ์เวทมนต์
เมอร์ลินรู้ว่ารูปปั้นผู้พิทักษ์ได้รับความเสียหายอย่างมากจากแมงมุมลาย นี่หมายความว่ามันแข็งแกร่งกว่าโฮมุนครุสของพ่อมดรีเซนมาก
แต่ถึงอย่างนั้น พลังของแมงมุมลายก็ไม่สามารถทำลายรูปปั้นผู้พิทักษ์อันนี้ได้ แมงมุมลายจึงถอยกลับเล็กน้อยแล้วเผยให้เห็นท้องของมัน ใยแมงมุมสีขาวบินออกมาและพันรอบเมอร์ลิน
ใยแมงมุมนั้นเหนียวแน่นและแข็งแรง และมันก็เริ่มยาวขึ้นเรื่อยๆ มันพันรอบทั้งตัวของเมอร์ลินและรูปปั้นผู้พิทักษ์ที่ทำหน้าที่ปกป้องเขาอยู่
หากเป็นเพียงใยแมงมุมเพียงไม่กี่เส้นหรือหากเมอร์ลินสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เขาก็หลบหนีจะใยแมงมุมของมันได้อย่างง่ายดายด้วยคาถาสายลมแห่งอิสระ
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินถูกโจมตีด้วยม้วนคัมภีร์ของพ่อมดรีเซนและแทบจะขยับนิ้วแทบไม่ได้เลย เขาเกือบจะเป็นเป้านิ่ง ดังนั้นทางเลือกเดียวของเขาคือการป้องกันตัวเองอย่างอดทน ในบางครั้ง เมอร์ลินจะร่ายเพลิงพิโรธแต่ใยแมงมุมนั้นทนต่อเปลวไฟและยังคงแข็งแกร่ง ร่างกายของเมอร์ลินถูกห่อหุ้มและพันกันราวกับบ๊ะจ่าง
*แคร่ก!*
ในที่สุด รูปปั้นผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเมอร์ลินก็ไม่สามารถต้านทานการพันกันของใยแมงมุมได้และค่อยๆ เริ่มแตกออก
เมอร์ลินรู้สึกหมดหนทาง เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ตอนนี้การป้องกันสุดท้ายถูกทำลาย ตัวของเขาก็ถูกใยแมงมุมจับโดยไม่อาจหลีกหนีได้
หลังจากที่แมงมุมลายจับตัวเมอร์ลินได้แล้ว มันก็ลากเขาลงไปในรูที่อยู่บนพื้น
ในรูนั้นทั้งมืดสนิทและชื้น เมื่อเมอร์ลินถูกลากเข้าไป เขาสัมผัสได้เพียงความชันของเนินลาดที่ดูเหมือนจะทอดยาวลงไปที่พื้น
เมอร์ลินยังสงสัยว่าเขาจะทำอาหารมื้ออร่อยให้แมงมุมลายกินในรังของมันรึเปล่า
ในไม่ช้า ก็มีแสงริบหรี่ในหลุมมืดในที่สุด แมงมุมลายได้นำเมอร์ลินเข้าไปในห้องโถงที่ซ่อนอยู่ซึ่งเมอร์ลินสังเกตเห็นรูปปั้นเปลวเพลิงขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม รูปปั้นเปลวเพลิงนี้มีขนาดใหญ่กว่าที่เขาเคยเห็นมาก่อนหน้านี้มาก
แมงมุมลายกลับมาที่ด้านข้างของเมอร์ลินอีกครั้งและตัดใยแมงมุมที่มัดตัวเมอร์ลินไว้
หลังจากนั้น แมงมุมลายก็คลานเข้าไปในมุมของห้องโถงและนอนลงโดยไม่ขยับเขยื้อน
เมอร์ลินขมวดคิ้ว สถานที่แห่งนี้ดูไม่เหมือนรังแมงมุมลายและดูเหมือนมันไม่ได้ตั้งใจจะ ‘กิน’ เมอร์ลินด้วย
ห้องโถงล้อมรอบด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามแต่ละภาพมีการพรรณนาถึงเปลวไฟรูปแบบต่างๆ
มีเปลวไฟสีแดงเพลิงป่าและเปลวไฟสีแดงเข้มที่แปลกประหลาด มีแม้กระทั่งเปลวไฟสีขาวเยือกแข็ง พวกเขาทั้งหมดถูกทาสีตามผนังของห้องโถง
"ที่นี้คือที่ไหน?"
เมอร์ลินกระซิบ เขายังคงขยับตัวไม่ได้ และแม้ว่าแมงมุมลายจะถอยกลับเข้าไปในมุมหนึ่ง เขาก็หนีไม่พ้นมันอยู่ดี
ผ่านไปครู่หนึ่ง รูปปั้นเปลวเพลิงขนาดใหญ่ก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรงราวกับ ‘มีชีวิต’ เมอร์ลินรู้สึกความร้อนที่สูงขึ้นมนอากาศ
รูปปั้นเปลวเพลิงไฟค่อยๆ กลายเป็นเปลวเพลิงที่แท้จริง มันแผดเผาอย่างดุเดือดเมื่อกองไฟเล็กๆ และเริ่มก่อตัวเป็นภูติตัวเล็กๆ ที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ
ภูตถูกสร้างขึ้นจากเปลวไฟทั้งหมด ดังนั้นคุณสมบัติของมันจึงร้อนระอุ แม้ว่ามันจะมีขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้นแต่มันก็ร้อนมาก เมอร์ลินที่นอนอยู่ไกล ๆ ก็ยังรู้สึกถึงความร้อนอันรุนแรง
ภูตไฟลอยอยู่เหนือร่างของเมอร์ลินและมองดูเขาอย่างประชดประชัน "ยินดีด้วย เจ้าคือผู้โชคดี เจ้าสามารถเอาชนะหุ่นเชิดของนายท่านได้และดูเหมือนว่าจะมีคาถาระดับหนึ่งเพลิงพิโรธด้วย ดังนั้นเจ้าจึงผ่านการทดสอบของนายท่านแล้ว"
"ทดสอบ?"
เมอร์ลินมองดูภูติไฟด้วยสีหน้าสงสัย ภูตไฟดูฉลาดและมันทำให้เขานึกถึงแมวดำที่เขาพบในดินแดนมนต์ดำ ไดอามอส ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจเลยที่มันจะพูดได้
“ใช่ นายท่านได้ออกแบบการทดสอบเหล่านี้ไว้ หากผู้ใดเอาชนะหุ่นเชิดผู้พิทักษ์ได้และสามารถใช้เพลิงพิโรธหรือทะเลแห่งเปลวเพลิงได้ พวกเขาก็ผ่านการทดสอบและสามารถรับสมบัติที่จำเป็นในการฝึกฝนเพลิงวินาศได้” ภูตไฟอธิบายอย่างใจเย็น
เมอร์ลินกำลังสับสน เขามีความคิดมากมายอยู่ในหัวของเขาและไม่สามารถเข้าใจอะไรได้เลย โบราณสถานแห่งนี้ถูกทิ้งโดยนักเวทย์อันทรงพลังเมื่อกว่าสามพันหกร้อยปีก่อน
อย่างไรก็ตาม แม้จะผ่านไปหลายปี ภูตไฟและแมงมุมลายก็ยังรอดชีวิตอยู่ มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเมอร์ลิน
"แกเป็นตัวอะไรกันแน่?"
เมอร์ลินอยากรู้เรื่องภูติไฟ มันเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิตแต่ก็มีสติปัญญาและไม่แข็งกระด้างเหมือนหุ่นเชิดผู้พิทักษ์
“ข้าเป็นภูตเพลิงที่นายท่านเคยจับได้ ข้าติดอยู่ที่นี่และไม่สามารถไปไกลจากรูปปั้นได้มากกว่าร้อยเมตร อย่างไรก็ตาม นายท่านบอกว่าตราบใดที่ข้าช่วยเขาหานักเวทย์ที่เหมาะสมและสามารถฝึกฝนเพลิงวินาศ รูปแบบที่สองได้ จากนั้นข้าจะมีอิสระอีกครั้ง
หลายคนค้นพบโบราณสถานของนายท่านและเข้ามาถึงชั้นหนึ่ง อย่างไรก็ตาม มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเอาชนะหุ่นเชิดผู้พิทักษ์ได้แต่เจ้าสองคนทำสำเร็จและได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ตั้งไว้แต่น่าเสียดายที่พวกเจ้าคนหนึ่งได้ละทิ้งโบราณสถานไปแล้วและจะไม่สามารถรับสมบัติของนายท่านเพื่อปลูกฝังเพลิงวินาศได้ ดังนั้นมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่จำเป็นทั้งหมด นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าส่งแมงมุมลายเพื่อลากเจ้ามาที่นี่"
เมอร์ลินฟังคำอธิบายของภูติไฟ มันได้ให้ความสนใจกับนักเวทย์ทุกคนที่เข้าไปในโบราณสถานและมองหานักเวทย์ที่เหมาะสมเพื่อฝึกฝนเพลิงวินาศ มันทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อช่วยเจ้านายของมันเพื่อวันหนึ่งมันจะเป็นอิสระอีกครั้ง
ภูตไฟเพลิงกล่าวถึงนักเวทย์ที่ออกจากโบราณสถานไป มันจะต้องเป็นพ่อมดรีเซนแน่นอน แผนของเขาล้มเหลวเมื่อการโจมตีเมอร์ลินไม่ได้ผล ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจปล่อยให้เมอร์ลินติดอยู่ในโบราณสถานให้เน่าตายอยู่ข้างใน
พ่อมดรีเซนไม่ได้คาดคิดว่าจะมีคนหรือบางสิ่งเฝ้าสังเกตเขาตลอดเวลาและแม้ว่าเขาจะปฏิบัติตามข้อกำหนด เขาก็ออกจากโบราณสถานไป
หากปราศจากสมบัติที่เจ้าของของโบราณสถานหลงเหลือไว้ วิธีการฝึกฝนของเพลิงวินาศที่รีเซนได้รับไป มันก็จะไร้ประโยชน์ เขาจะไม่สามารถฝึกฝนรูปแบบแรกของเพลิงวินาศได้
เมอร์ลินรู้สึกว่านี่เป็นโชคดีในโชคร้าย พ่อมดรีเซนที่คิดจะขังเขาไว้ในโบราณสถานและจากไปโดยไม่มีสมบัติแต่ตัวเขาสามารถคว้ามันมาได้ สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในการบ่มเพาะเพลิงวินาศ!