EP 597 เรื่องใหญ่แล้ว!
EP 597 เรื่องใหญ่แล้ว!
By loop
ในช่วงเช้า.
กรรมการตรวจสอบวินัยมณฑลมาเคาะประตูห้องและเข้าไปในห้องเลขาธิการ
ผู้เยี่ยมชมกล่าวอย่างสุภาพ: "คุณคือ เลขาซูบินใช่ไหม ผมมาจากคณะกรรมการตรวจสอบวินัย พอดีทางเราต้องการคำแนะนำจากคุณมันเกี่ยวกับเกาหมิงเฟิง ดูเหมือนเขาจะทำผิดวินัย เราจึงต้องขอตัวเขาไป”
ดงซูบินพยักหน้า "คือ ว่ามีอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือจากฉันไหม”
“การสืบสวนครั้งนี้อาจต้องการข้อมูลเพิ่มเติมนิดหน่อยครับ”
“เข้าใจแล้ว ฉันยินดีที่จะให้ข้อมูล”
คณะกรรมการตรวจสอบวินัยยังได้ดำเนินการตามขั้นตอนในการนำเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเขตกวางหมิงออกไป พวกเขาจำเป็นจะต้องแจ้งดงซูบินไว้ก่อน
ก่อนที่พวกเขาจากไปดงซูบินก็ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่หน้าต่างเพื่อดูสีหน้าที่หวาดระแวงของเกาหมิงเฟิงถูกนำขึ้นรถโดยสำนักงานคณะกรรมการตรวจสอบวินัยมณฑล รู้ว่าเขาคงจะถูกกักตัวไว้สักสองสามวัน ดงซูบินก็หรี่ตาและรู้สึกว่าแผนที่เขาคิดนั้นสำเร็จแล้ว เป้าหมายต่อไปคือชูชินหลง และ ชูเซียวเหลียง สองพ่อลูกเป็นเป้าหมายต่อไปเนื่องจากทั้งคู่เป็นต้นเหตุของปัญหานี้ ซึ่งดงซูบินไม่สนใจว่าคนที่เขาจะจัดการนั้นเป็นต่อให้คนๆนั้นจะเป็นหัวห้นา ของแผนกองค์กรของคณะกรรมการพรรคมณฑลก็ตาม ดงซูบินจะต้องการที่จะให้ทั้งคู่ได้รับบทเรียนครั้งสำคัญ!
ดงซูบินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมมาและ ดงซูบินเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจสาขา
"สวัสดี ฉันเองดงซูบิน , คดีได้รับการตรวจสอบแล้ว? “
“ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติมเลย เพราะหลักฐาน...ยังไม่เพียงพอสำหรับตอนนี้” "
ผลการตรวจร่างกายเท็จของชูเซียวเหลียง เรียกว่าหลักฐานไม่เพียงพออย่างงั้นหรอ " ได้รับการยืนยันหรือไม่ว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ? ทั้งหมดนี้ผ่านไปหนึ่งวัน
"ในตอนเช้าเราพบกับรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งที่สองดีวู่ ทำงานในระหว่างการตรวจสอบ จากการสอบสวนได้โอนไปยังแผนกที่เกี่ยวข้องแล้ว"
"ฮ่า คดีถูกถอนออก?" "มันไม่ใช่ คดีที่ถอนออกไปแล้ว ได้โอนคดีเฉพาะเรื่องไปยังสำนักงานสาธารณสุข .”
หลังจากวางสายดงซูฐินก็ไม่แปลกใจ เขารู้ว่าชูชินหลงออกจากความสัมพันธ์ หลังจากวันที่ได้รับการสนับสนุน ในที่สุดเขาก็ส่งเรื่องไปยังรองผู้อำนวยการที่ถูกพักงานและถือว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ชูเซียวเหลียงนั้นไม่คิดจะรับผิดชอบ ชูชินหลง จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แน่นอนว่าเขาเป็นหัวหน้าแผนกองค์กร เขาทำงานที่หนานฉาง มาหลายปีแล้วและอิทธิพลของเขานั้นไม่ใช่เล็กๆ และเขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งเลวร้ายเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม การแก้แค้นนั้นอาจต้องใช้เวลาสักพัก ไม่ได้รีบร้อนในขณะนี้ พวกเขาคงคิดไม่ถึงเกี่ยวกับเกาหมิงเฟิงก่อน เรื่องนี้ยังไม่จบลงง่ายๆแน่นอนดงซูบิน จุดบุหรี่เพื่อรอดูผลงานชิ้นโบแดงของเขา
คณะกรรมการเขต.
ฝ่ายองค์การ สำนักรัฐมนตรี.
ชูชินหลง กำลังคุยโทรศัพท์กับลูกชายของเขาชูเซียวเหลียง"ลูกอยู่ไหนแล้วตอนนี้"
“ที่บ้านครับพอ พ่อสบายดีไหม”
"ช่วงนี้อย่าออกไปไหน อยู่บ้านเฉยๆ"
"ผมเข้าใจแล้ว แต่ว่า เรื่องดงซู... "
"อย่ากังวลเลย พยายมซ่อนตัวไว้ เข้าใจไหม"
"ผมเข้าใจแล้ว" ชูเซียวเหลียงพยายามสูดลมหายใจเขา เขาไม่เคยอยู่ในความทรมานขนาดนี้มาก่อน แน่นอนตัวเขาเองก็คิดจะแก้แค้นดงซูบินที่ทำให้พวกเขาขายหน้าเช่นกัน
หลังจากวางสายชูชินหลงก็มองเขาอย่างเย็นชา แม้ว่าดงซูบินจะสร้างปัญหาให้เขามากมายแต่ก็ยังถือว่ามันยังไม่ใช่เรื่องใหญ่มาก ชูชินหลงซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกองค์กรในวันนี้เขาแทบจะไม่ได้ทำงานเลย เพราะต้องหาวิธีที่ทำให้ลูกชายของเขาไม่ให้เขาไปยุ่งเกี่ยวกับรูปคดี ถึงแม้มันอาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขามากก็ตาม แต่สิ่งที่ทำให้ชูชินหลงไม่สามารถเข้าใจได้ก็คือในคณะกรรมการประจำของคณะกรรมการพรรคมณฑลทำไมจู่ๆ เลขาธิการหวังอันชีจึงเข้ามีบทบาทในครั้งนี้ ต้องมีเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเกาหมิงเฟิง ชูชินหลงเป็นคนของหวังอันชี แม้ว่าความสัมพันธ์กับนายกเทศมนตรี เกิงโยฮวาแทบจะไม่เป็นที่ยอมรับ แต่ชูชินหลงเป็นถึงผู้บริหารระดับสูงที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งโดยหวังอันชี และตำแหน่งของเขายังต้องรับหน้าที่เป็นเลขานุการของเลขาธิบการหวังอีกด้วย อีกทั้งผลการโยกย้ายเกาหมิงเฟิง ทางชูชินหลงก็ไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นไม่น่าแปลกใจที่เกาหมิงเฟิงจะถูกนำตัวไปสอบสวน เนื่องจากเป็นข้อเสนอของเลขาธิการหวังอันชิ ชูชินหลงเองไม่ได้คัดค้าน การวิเคราะห์ของเขาอาจเป็นไปได้ว่า เกาหมิงเฟิง ต้องไปกระทำอะไรสักอย่างให้หวังอันชิไม่พอใจ ในบางประเด็น มิฉะนั้นเลขาธิการคณะกรรมการพรรคมณฑลคงไม่เดือดดานขนาดนี้ ในที่ประชุมได้ แม้ว่าชูชินหลงรู้สึกว่ามันผิดปกติ แต่ในเวลานั้น ชูชินหลงไม่แสดงการคัดค้านออกมาเลย
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ชูชินหลงตัดสินใจไปหาเลขาธิการหวัง เขาต้องหาคำตอบเรื่องนี้ให้ได้ เป็นไปได้ไหมที่เลขาธิการพรรคเขตมีความคิดเห็นเกี่ยวเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องนี้น ? นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าเขาจึงให้ความสำคัญกับคดีของเกาหมิงเฟิงมากขนาดนี้?
สำนักเลขาธิการพรรคมณฑล
ก๊อก ก๊อก ชูชินหลงเคาะประตู
เสียงอันทรงพลังดังออกมา "เข้ามา"
ชูชินหลงเปิดประตูและเข้ามา และเห็นหวังอันชี นั่งดื่มชาอยู่หลังโต๊ะของเขา "ท่านเลขา ท่านยังไม่ได้ทานข้าวหรอครับ"
"มีอะไรว่ามา" หวังอันชีเอามือทั้งสองข้างประกบกัน สีหน้าของเขาดูผ่อยคลายลงเล็กน้อย “นั่งลงก่อน” เมื่อเห็นท่าทีของเลขาหวัง ชูชินหลงงต้องรู้ว่าเลขาหวังอันซีดูเหมือนจะไม่ได้มีประเด็นสำคัญอะไรที่เกี่ยวกับเขา และดูเหมือนเขาก็จะไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย ดังนั้นเขาจึงพูดแบบติดๆชัดว่า: “พอดีว่าเรื่องของเกาหมิงเฟิง ผู้อำนวยการเขตกวางหมิง…” เมื่อได้ยิน
เรื่องนี้ หวางอันฉีก็ก้มหน้าลงทันที “ไอ้สารเลวนั้น! เรื่องนี้น่าจะจับได้แล้ว!” ชูชินหลงสูดหายใจเข้าและไม่กล้าพูดต่อ ดูเหมือนว่า หวังอันชีจะไม่พอเกาหมิงเฟิงจริงๆ และแน่นอนนี้คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่นอน และจะเห็นได้ว่าเลขาหวัง ดูเหมือนจะไม่รู้เกี่ยวกับปัญหาที่ลูกชายของชูชินหลงก่อขึ้นเมื่อวานนี้ หรือว่าเขาไม่รู้บทบาทสำคัญของเกาหมิงเฟิงที่เป็นผู้อำนวยการคณะกรรมการพรรคเขต มีเรื่องมากมายที่ต้องกังวลทุกวันและฉันต้องการที่จะเข้าใจทุกอย่างในรายละเอียดยรนี้ หากเลขาหวังเข้าใจสถานการณ์จริงๆ เขาต้องแน่ใจก่อนที่ทางคณะกรรมการสั่งลงโทษเกาหมิงเฟิง
แต่ถึงอย่างงั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน
ชูชินหลงไม่สามารถเข้าใจได้และไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เลขาธิการพรรคมณฑลประสงค์จะลงโทษรองผู้อำนวยการสำนักงานเขต หลายคนคิดไม่ออก เพราะไม่เคยมีเคสแบบนี้มาก่อน
เกาหมิงเฟิงไปสร้างปัญหาให้กับเลขาธิการหวังเรื่องอะไร
ดูเหมือนหวังอันชิเองก็จะไม่ชองเกาหมิงเฟิงด้วย ๆ ?
ยามบ่าย.
คณะกรรมการตรวจสอบวินัยหนานฉาง
หลังจากที่เกาหมิงเฟิงถูกนำตัวกลับมา เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการตรวจสอบวินัยได้ถามเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เกาหมิงเฟิงทำได้แต่นิ่งเงียบ พูดในสิ่งที่ควรพูด และไม่พูดอะไรที่ไม่ควรพูดเขาเป็นพวกปากแข็ง แต่ดูสงบนิ่ง แต่ใจของเขาสับสนอยู่แล้ว เขาไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร? ขณะถามเขา คนอื่นๆ ในคณะกรรมการตรวจสอบวินัยควรทำแนวทางสองทาง ไม่ว่าจะเป็นการตรวจบ้านหรือตรวจสอบบัญชีธนาคาร เกาหมิงเฟิง จะทราบสถานการณ์ของเขาเองไหม ไม่มีปัญหาใหญ่ เขาไม่เคยได้รับสินบนจำนวนมาก แต่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาเล็ก ๆ ได้ ในงานที่แล้วเขาได้รับเงินมากกว่าหนึ่งครั้งและเขาก็ได้รับ "ของขวัญ" มากมายเช่นกัน จากผู้ใต้บังคับบัญชาในวันหยุด ก.ล.ต. อยากจะจัดการกับเขาจริงๆ เรื่องนี้ไม่ควรปิดปัง
ครึ่งชั่วโมง...
หนึ่งชั่วโมง...
สองชั่วโมง...
นั่นเอง ปัญหาของ เกาหมิงเฟงิถูกวางไว้บนโต๊ะอย่างรวดเร็ว คณะกรรมการตรวจสอบวินัยพบหลักฐานมากมายซึ่งไม่ใหญ่มาก แต่มากกว่านั้น พอที่จะลงโทษเกาหมิงเฟิง ได้ .
เมื่อเผชิญกับข้อเท็จจริง ในที่สุดเกาหมิงเฟิงก็เลิกพูดจาวกวนและเริ่มอธิบายปัญหาทีละอย่างทันที
สุดท้ายฉันเองก็จะต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
มันไม่สามารถพลิกกลับได้อีก
หัวใจของเกาหมิงเฟิงนั้นดูเย็นชา ถ้าเขาเหนื่อย ไม่ใช่เลขาธิการพรรคเขตที่ต้องการย้ายเขา ทำไมเขาถึงถูกไล่ออกเพราะ "ปัญหาเล็ก ๆ " เช่นนี้?
หวังอันชิ..
หวังอันชิ...
เกาหมิงเฟิงรู้ว่าคนอื่นสงสัยว่าเขาคงจะทำให้เลขาธิการพรรคไม่พอใจ แต่เขาสาบานเลยว่าเขาไม่เคยทำสิ่งนั้นออกมา เขาระมัดระวังในการทำเรื่องต่าง ๆ และไม่เคยนำเรื่องที่เขานินทาออกมาคุยแบบสาธารณะเลย แล้วทำไมกันเลขาหวังอันชิถึงไม่พอใจเขาอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ ? โดยเมื่อเขาพยายามคิด สิ่งแรกที่เกาหมิงเฟิง คิดคือเรื่องการให้การเท็จ เพราะดูจากท่าที่ของเลขาธิการหวังอันชิแล้ว ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเอกสารไปถึงเห็นได้ชัดว่าเชื่อมโยงกับเรื่องนี้อย่างแยกไม่ออก กล่าวอีกนัยหนึ่ง นี้อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้หวังอันชิไม่พอใจก็เป็นไป ในสถานการณ์เช่นนี้เกาหมิงเฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึก ฉุนเฉียวเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้!
ตอนนี้เขาไม่ได้โกรธดงซูบินอีกต่อไปแต่กลับกลายเป็นชูชินหลง และ ชูเซียวเหลียงแทน!
ซึ่งเขาจงใจที่จะให้การเท็จด้วยตัวเอง? แน่นอนว่าเขารู้ด้วยว่าสิ่งนี้มันผิดกฎหมาย ถ้าไม่ใช่เพราะ ชูชินหลงรับปากในตอนนั้น เขาคงจะไม่รัปปากว่าจะเป็นพยานให้กับชูเซียวเหลียง เพราะความจริงเขาเองเกือบโดนชูเซียวเหลียงและถ้าเขาโดนทำร้ายแบบไม่มีดงซูบินมาช่วย ตอนนี้เขาคงบาดเจ็บปางตายไปแล้ว อาการบาดเจ็บบนใบหน้าของเขาเองก็ยังมีแผลให้เห็นอยู่ ซึ่งแน่นอนเกาหมิงเฟิงไม่ลืมเรื่องนี้อย่างแน่นอน
หากไม่มีความกังวลว่าชูชินหลงเป็นหัวหน้าแผนกองค์กร เกาหมิงเฟิงก็คงไม่เสี่ยงที่จะมีปัญหากับดงซูบิน แต่ตอนนี้? ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด เกาหมิงเฟิงพยายามฝืนใจทำตามคำแนะนำของ ชูชินหลงให้การเป็นพยานเท็จ ช่วยลูกชายของชูชินหลง โดยให้ลูกชายของเขาพ้นจากข้อหาทำร้ายผู้อื่นอีกทั้งยังใส่ความดงซูบิน แต่ดูตอนนี้สิชูชินหลงและลูกชายก็ยังปลอดภัยดี แต่ตัดภาพมาที่เกาหมิงเฟิง ความซวยทั้งหมดตกมาที่เขา อีกทั้งยังทำให้เลขาธิการหวังอันชิ พอใจอีกตั้งหากเพราะการเบิกความเท็จหรือไม่? ต้องการตรวจสอบโดยคณะกรรมการตรวจสอบวินัยหรือไม่? ชูชินหลงควรมีส่วนในความรับผิดชอบในครั้งนี้ด้วย? และคนที่ต้องการตรวจสอบเกาหมิงเฟิงก็ยังเป็นคนของฝ่ายชูชินหลงอีกตั้งหาก?
ชูชินหลง!
ฉันรังเกียจแก!
นี้มันเหมือนสุภาษิตจีนที่ว่า จบศึกฆ่าแม่ทัพชัดๆ!
เกาหมิงเฟิงโกรธเมื่อคิดเรื่องนี้ เขาทั้งเสียหน้าและยังยอมไปเป็นพยานให้กับคนที่ทำร้ายเขาอีกตั้งหาก ไม่เพียงแต่เขาไม่เอาเรื่อง แต่เขายังปล่อยให้ชูชินหลงหักหลังเขาอีกด้วย?
ชูชินหลงทำไมเขาถึงเป็นไร้ปราณีเช่นนี้ ถ้าเป็นเช่นนี้อย่าหาว่าฉันก้าวร้าวเลย!
เกาหมิงเฟิงไม่มีอะไรต้องกลัวในตอนนี้ ตอนนี้เขาก็เหมือนไม่เหลืออะไรแล้ว และไม่มีเรื่องตำแหน่งหน้าที่ อย่างที่หวังไว้ตอนแรก แล้วเขาจะต้องกังวลอะไรอีก? ตอนนี้เขาก็เหมือนกับหมาจนตรอกที่ไม่มีทางเลือกแล้ว
การสูญเสียเล็กๆน้อยๆ ไม่สำคัญอีกต่อไป เกาหมิงเฟิงต้องโต้กลับกับเพราะการอยู่นิ่งเฉยให้เป็นผู้ถูกกระทำก็ไม่ประโยชน์อะไรกับตัวเขาอยู่แล้ว!
“ผมมีบางอย่างที่ต้องการจะให้การ” เกาหมิงเฟิงกล่าวทันที
เจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบวินัยซึ่งนั่งตรงข้ามมองมาที่เขา "คุณอยากพูดอะไรไหม"
คนข้างๆ เขาพร้อมที่จะบันทึกด้วยปากกาได้ตลอดเวลา
เกาหมิงเฟิงกัดฟันของเขาและพูดว่า: "ผมเป็นคนให้การเท็จในเหตุการณ์ การทำร้ายที่ถนนเขตกวางหมิง ก่อนหน้านี้และได้กล่าวเลขาซูบิน เลขาธิการสำนักงานเขตของเรา ชูเซียวเหลียงลูกชายของผู้อำนวยการแผนกองค์กรในขณะนั้นเกือบจะทำร้ายผมปางตายด้วยการขับรถเข้ามาเฉี่ยว และยังจะใช้ท่อนเหล็กจากหลังรถมาทำร้ายผมอีก ในเวลาเดียวกันเลขาซูบินได้ขับรถผ่านมาพอดี พอเขาเห็น เขาก็หยุดเพื่อลงมาช่วย ซึ่งทุกอย่างเริ่มที่ชูเซียวเหลียง เลขาซูบินไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน "
สิ่งนี้ มีคนไม่มากในคณะกรรมการตรวจสอบวินัยที่รู้เรื่องนี้ แต่ทันทีที่พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับ ชูชินหลิงบรรยากาศก็ดูอึดอัดขึ้นมาทันที "คุณให้การเท็จอย่างงั้นหรอ" เกาหมิงเฟิงกล่าวอย่างขมขื่น: " ใช่ รัฐมนตรีชู โทรหาผมในตอนนั้นและขู่ว่าผมต้องช่วยเขาโดยให้ผมเป็นพยานและให้ผมบอกว่าลูกชายของเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและให้บอกว่าไม่เคยทำร้ายผมด้วย” เจ้าหน้าที่หลายคนในคณะกรรมการตรวจสอบวินัยต่างส่ายหน้า และหัวหน้าเซียวแห่งสำนักงานคณะกรรมการตรวจสอบวินัย หน่วยงานถึงกับส่ายหน้า เมื่อได้ยินเรื่องดังกล่าวจากปากของเกาหมิงเฟิง! ?
ตอนนี้เรื่องชักจะไปกันใหญ่แล้ว