Chapter 22 : นัดเดียวจอด
ตกดึก
ไคลน์คลี่ถุงนอนออก
เมื่อคืนที่ผ่านมาเขาต้องนอนบนพื้นแต่วันนี้ในที่สุดเขาก็มีถุงนอนสำหรับนอนซักที
ยิ่งไปกว่านั้นฐานรูนที่ผ่านการซ่อมแซมมาแล้วยังไม่หนาวเหมือนเมื่อคืนอีกด้วย
เครื่องกลั่นน้ำเองก็กำลังทำงานอยู่และมีถังไม้วางเอาตรงกลาง ถ้าตอนกลางคืนเกิดน้ำมันเต็มขึ้นมาน้ำที่ล้นออกมาจะได้ไหลลงไปยังถังไม้ไม่เสียเปล่า
ทั้งสองด้านของเครื่องกลั่นน้ำมีโครงสร้างคล้ายกับหูหม้อดังนั้นเขาจึงเอาไม้เสียบผ่านและใช้เครื่องมือยึดถังไม้เอาไว้ตรงกลาง
“นอนดีกว่า!”
ไคลน์หาวและแทรกตัวเข้าไปในถุงนอน
ในขณะที่เขากำลังปรับท่าปรับทางอยู่นั้นเงาสีขาวก็แทรกตัวเข้ามาในถุงนอนอย่างรวดเร็ว
จิ้งจอกน้อยซุกหัวเข้ามาอย่างน่ารัก
ท่าทีเช่นนี้ราวกับเธอกำลังบอกว่าเธอเองก็อยากจะนอนในนี้เหมือนกัน!
“มันอึดอัดนะ”
ไคลน์ใช้มือจับหลังคอของเธอแล้วยกเจ้าตัวน้อยออกไป
“หงิงๆๆ”
จิ้งจอกน้อยส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าสงสาร
“ก็ได้ๆเข้าใจแล้ว ตอนกลางคืนเองก็หนาวไม่น้อยใช้เธอเป็นถุงอุ่นก็ไม่เลว”
ไคลน์ยิ้มอย่างอับจน
จิ้งจอกน้อยได้ยินดังนั้นก็มุดตัวเข้ามาในอ้อมแขนของไคลน์ในทันที
“อย่าขยับแล้วนอนได้แล้ว พรุ่งนี้เรายังมีงานต้องทำ”
ไคลน์ลูบหัวจิ้งจอกน้อยเบาๆ
หลังจากนั้นจิ้งจอกน้อยก็เอนกายลงอย่างเงียบๆ
“อุ่นนิดๆจริงๆด้วย”
ไคลน์ปิดตาลงและค่อยๆจมลงสู่ห้วงนิทรา
...
เช้าวันถัดมา
ไคลน์ตื่นขึ้นมาตามปกติ
คืนที่สองในสุสานแห่งนี้สบายมากกว่าคืนแรกมากนัก
ด้วยถุงนอนที่เขามีทำให้ในฐานรูนแห่งนี้มีความอบอุ่นมากพอ
หลังจากที่ตื่นขึ้นมาเขาก็พูดขึ้น “จิ้งจอกน้อยเธอทับหน้าอกฉันอยู่นะลุกออกไปได้แล้ว ตลอดคืนนี่ฉันคิดว่าผีอำนะเนี่ย”
ไคลน์หาวและยกตัวจิ้งจอกน้อยออกไป
จิ้งจอกน้อยกรีดร้องออกมาอย่างไม่พอใจและหาวออกมาเช่นกัน หางนุ่มนิ่มทั้งสองข้างของเธอส่ายไปส่ายมาและดวงตาเองก็ยังคงแสดงความง่วงงุนให้เห็น
“ล้างหน้าก่อน”
ไคลน์ลุกขึ้นไปตรวจสอบน้ำในถัง หลังจากรวบรวมมาตลอดคืนทำให้ตอนนี้ในถังน้ำมีน้ำอยู่เกือบหนึ่งในสี่แล้ว (3ลิตร)
ในเครื่องกลั่นน้ำเองก็เต็มแล้วเหมือนกัน
ไคลน์เล่นกับน้ำอยู่ครู่หนึ่งแต่ไม่ได้เทมันใส่ถังไม้แต่อย่างใด
เขาวิดน้ำขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน
หลังจากทำความสะอาดเสร็จเตาปิ้งก็ถูกเตรียมพร้อมโดยมีหม้อถูกวางเอาไว้ด้านบนเพื่อต้มน้ำดื่ม
ตอนเช้าอันแสนผ่อนคลายได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
แน่นอนว่าคงไม่มีผู้เล่นคนใดในโลกแห่งสุสานนี้ที่สามารถเพลิดเพลินกับชีวิตได้มากเท่ากับไคลน์อีกแล้ว
ตอนนี้ขอแค่ให้มีน้ำดื่มไม่ขาดก็คงเป็นเรื่องที่เกินจะคาดหวังสำหรับคนอื่นแล้วไม่ต้องพูดถึงการเอามาใช้ล้างหน้าแปรงฟันเลย ต่อให้เขาเล่าให้คนอื่นฟังก็คงไม่มีใครเชื่อเป็นแน่
จิ้งจอกน้อยเองก็ทำเช่นเดียวกับไคลน์ เริ่มจากแปรงฟันก่อนจะใช้เล็บวิดน้ำขึ้นมาล้างหน้าและจบด้วยการแปรงขน
“ไปดูความคืบหน้าของฟาร์มเพาะเนื้อหน่อยดีกว่า”
ไคลน์เดินไปยังโซนที่เขาทำเป็นฟาร์มเพาะเนื้อเอาไว้
เมื่อวานเขาคอยรดน้ำของฟาร์มเพาะเนื้ออยู่ตลอดและหลังจากผ่านไปคืนหนึ่งมันก็โตจนพร้อมเก็บเกี่ยวแล้ว
ไคลน์คิดอยู่แปปนึงก่อนจะพึมพำออกมา “พระเจ้าช่วยด้วยอัตราการเติบโตขนาดนี้อย่างน้อยก็น่าจะเก็บเกี่ยวเนื้อได้สิบชิ้นต่อวันเลยมั้ง สงสัยจริงๆว่าถ้ารดน้ำเพิ่มจะโตได้มากกว่านี้รึเปล่า?”
“เช้านี้ลองเอามาทำอาหารดูดีกว่าว่ารสชาติมันเป็นยังไง”
ไคลน์หยิบมีดออกมาและเริ่มทำการตัดชิ้นเนื้อออก
ชิ้นเนื้อขนาดพอดีมือหล่นลงมาบนมือของเขา
ฟาร์มเพาะเนื้อสั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่บริเวณที่ถูกตัดออกมาจะค่อยๆสมานเข้าหากัน
[แจ้งเตือนจากระบบ : เนื้อหมาป่าทรายเขาเดียวชั้นเยี่ยม +1]
[เนื้อหมาป่าทรายเขาเดียวชั้นเยี่ยม : ผ่านการปรับปรุงแบบพิเศษจนทำให้ตัวเนื้อทั้งนุ่ม มีรสชาติที่ดีและมีสารอาหารมากมาย ดัชนีความอิ่มอยู่ที่5ดาว – คะแนนรวม 70]
(ดัชนีความอิ่มหรือsatiety indexคืออะไรไปหาดูในgoogleนะครับ)
ไคลน์ผงะไปเล็กน้อย
หลังจากผ่านการปรับปรุงโดยพันธุศาสตร์คุณภาพของมันก็เพิ่มขึ้นมาถึงระดับนี้เชียว?
‘หลังจากผ่านมาหนึ่งคืนร่างกายของเราก็ยกระดับขึ้นมาอีกเล็กน้อย ดัชนีความอิ่มของเราตอนนี้เองก็อยู่ที่ห้าดาว’
ไคลน์ตัดเนื้อออกเป็นชิ้นๆเพื่อเตรียมทำซุปเนื้อ
ดัชนีความอิ่มของอาหารแต่ละอย่างจะเปลี่ยนไปโดยขึ้นอยู่กับร่างกายของคนนั้นๆ
ยกตัวอย่างเช่นเนื้อของปลาหมึกทรายเหลือง เมื่อวานเนื้อของปลาหมึกทรายเหลืองมีดัชนีความอิ่มอยู่ที่3ดาวแต่มาวันนี้กลับลดลงเหลือ2ดาวครึ่งแล้ว
งง
‘เมื่อวานฉันรดน้ำไป500มิลลิลิตรและวันนี้ก็สามารถเก็บเกี่ยวเนื้อสดๆจากฟาร์มเพาะเนื้อได้สิบชิ้น วันนี้ฉันจะลองรดน้ำดูซัก1ลิตรแล้วกัน’
ไคลน์คำนวณอยู่ภายในใจ
เนื้อที่ว่านี้ผุดออกมาจากฟาร์มเพาะเนื้ออีกทีดังนั้นจึงไม่ส่งผลอะไรกับฟาร์มเพาะเนื้ออย่างแน่นอน
อาหารเช้าวันนี้ของเขาก็คือสตูเนื้อ
ในระหว่างที่กินข้าวไคลน์ก็ตั้งรายการขายไอเทมลงบนตลาดแลกเปลี่ยนไปด้วย
น้ำหลายร้อยมิลลิลิตรถูกใช้ไปกับการแลกเปลี่ยนวัตถุดิบจำพวกสมุนไพรหลากหลายชนิด
จากนั้นเขาก็ตั้งขายเนื้อกิ้งก่าซึ่งรสชาติไม่ค่อยดีนักเพิ่มเติมอีกอย่าง เป้าหมายหลักในการแลกเปลี่ยนนี้ก็คือรูนทั้งหลายนั่นเอง
แทบจะทันทีที่น้ำวางขายพวกมันก็ถูกซื้อออกไปจนหมด
ไคลน์ได้รับวัตถุดิบมามากมายจนพอสร้างยาสลบได้อีกชุดแล้ว
ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังสุสานถัดไปเขาก็ทำการฉาบยาสลบลงไปบนปลายลูกศรของลูกดอกเสียก่อนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
หลังจากจัดการมื้อเช้าเสร็จเขาก็นั่งย่อยอาหารอยู่อีกครึ่งชั่วโมง
และตอนนี้เขาก็พร้อมแล้ว
เขาทำการขุดเปิดหน้าดินทางด้านซ้ายในทันที
“จิ้งจอกน้อยพร้อมไหม” ไคลน์ถามยิ้มๆ
“งืม!”
จิ้งจอกน้อยโบกสะบัดกงเล็บไปมา
“เอาล่ะเธอควรไปดึงดูดความสนใจของมันไว้นะ”
ไคลน์กระชับมีดแมเชเทเอาไว้ในมือซ้ายและกำหน้าไม้เอาไว้ในมือขวาพร้อมกับเดินเข้าสู่หลุมดำ
หนึ่งบุรุษหนึ่งจิ้งจอกก้าวเข้ามายังสุสานแห่งที่สิบหก
หลังจากเข้ามาสิ่งแรกที่ไคลน์สัมผัสได้เลยก็คือกลิ่นคาวที่ลอยคลุ้ง
ไคลน์กวาดสายตามองและพบกล่องสองกล่องบริเวณมุมๆหนึ่งและทรัพยากรจำนวนมากมายหลายชนิดที่กระจายอยู่บนพื้น
ไม่นานนักเงาร่างยักษ์สองเงาก็กระโจนออกมา
ไคลน์และจิ้งจอกน้อยที่เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้วดังนั้นจึงแยกออกจากกันแทบจะทันที
กงเล็บของจิ้งจอกน้อยไม่อาจสร้างบาดแผลหรือเรียกเลือดจากเจ้าของเงาขนาดยักษ์ได้เลย ทิ้งเอาไว้เพียงรอยข่วนขาวๆสี่รอยเท่านั้น
จระเข้เกราะหินปรายตามองหนึ่งบุรุษหนึ่งจิ้งจอกด้วยสายตาเหยียดหยามพร้อมกับเปิดปากใหญ่โตของมันขึ้นมา
จิ้งจอกน้อยพุ่งตัวหลบทันทีทำให้จระเข้เกราะหินกัดไม่โดน
นายท่านของเธอแค่บอกให้เธอล่อมันออกไปหนึ่งตัวเท่านั้น!
จิ้งจอกน้อยลดความเร็วลงเล็กน้อย
จระเข้เกราะหินติดกับตามคาด ทุกๆครั้งที่มันรู้สึกเหมือนจะไล่อีกฝ่ายทันแต่จู่ๆระยะห่างก็จะเพิ่มมากขึ้นทำให้มันส่งเสียงคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
ขณะเดียวกันที่อีกด้าน
ความเร็วของไคลน์เองก็รวดเร็วยิ่งกว่าจระเข้เกราะหินเช่นเดียวกันดังนั้นเขาจึงสามารถดึงระยะห่างไว้ที่เจ็ดถึงแปดเมตรได้ตลอด
ทันใดนั้นเองเขาก็หมุนตัวกลับมาและยกหน้าไม้รูนเล็งไปที่จระเข้เกราะหิน
ประกายแสงเย็นเยียบสว่างวาบขึ้นมา!
ฉึก!
หลุมเลือดปรากฏขึ้นบนศรีษะของจระเข้เกราะหิน
มันส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและล้มลงแน่นิ่งอยู่บนพื้น