469-470
Ep.469
จังหวะที่เผ่าอมตะและเผ่าหุ่นเชิดกำลังเหม่อลอย มือของซูเฉินสับเปลี่ยนเป็น [ดาบเสริมมนตรา] ฟาดฟันออกไป
ทันใดนั้นเอง กระแสคลื่นสีฟ้าพัดผ่าน เจตจำนงแห่งอสนีบาตอันน่าสยดสยองแพร่กระจายเต็มชั้นอากาศ
สีหน้าท่าทีของเผ่าอมตะและเผ่าหุ่นเชิดแปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ได้สติกลับมาและเริ่มต่อต้าน
กระนั้น เทคนิคสายฟ้าที่ซูเฉินปลดปล่อยออกมามันอยู่ในระดับเลเวล 7 แล้วผู้วิวัฒนาการเลเวล 6 ทั้งสามจะสามารถต้านทานมันได้อย่างไร?
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยงงง!
หลังเกิดพายุสายฟ้าดังขึ้นสามครั้งติดๆกัน ศัตรูทั้งสามถูกระเบิดทั้งตนทั้งร่าง ศพหายไปไม่เหลือแม้แต่กระดูก มีเพียงหนึ่งเดียวที่ทอแสงระยิบระยับจากตำแหน่งเดิมของพวกมัน คือชิ้นส่วนมากกว่า 50 ชิ้น
ซูเฉินเก็บ [ดาบเสริมมนตรา] ก้าวไปข้างหน้าอย่างสบายๆ และเริ่มเก็บชิ้นส่วน
“หัวหน้าหวู่ กำลังรบของพี่เฉินดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว”
บน [รถศึกอัจฉริยะ] เฉาหรานหันไปมองหวู่หยาง เอ่ยกระซิบกระซาบ
หวู่หยางเดาะลิ้น พยักหน้ากล่าวว่า “พิจารณาจากกลิ่นอาย ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าสู่เลเวล 6 แล้ว”
ซู๊ดดดด!
เสียงสูดหายใจเย็นเยียบดังไปทั่วคันรถ
ซูเฉินเพิ่งยกระดับสู่เลเวล 5 ได้แค่ไม่กี่วัน รู้สึกตัวอีกทีเขาก็ก้าวเข้าสู่เลเวล 6 แล้ว ความเร็วในการเลื่อนขั้นระดับนี้ คงมีแค่คำว่า ‘น่าพรั่นพรึง’ เท่านั้นที่เหมาะสมแก่การอธิบาย
และเมื่อลองนึกถึงความสามารถของซูเฉินที่สังหารศัตรูเลเวลมากกว่า 1 ขั้นได้อย่างง่ายดาย เกรงว่าเวลานี้ต่อให้เป็นผู้ฝึกตนเลเวล 8 ก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูเฉิน
แล้วก็ลองคิดดูดีๆสิ!
ว่าในปีนี้ ซูเฉินยังอายุไม่ถึง 20 ด้วยซ้ำ!
ในทวีปเสวียนเทียน จะมีใครบ้างพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้กับเขา?
ซูเฉินในปัจจุบันนี้ ต่อให้ถูกเรียกขานว่าเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของเผ่ามนุษย์ คงไม่ใช่เรื่องเกินเลยกระมัง?
อีกด้านหนึ่ง หลังจากเก็บชิ้นส่วนเสร็จแล้ว ซูเฉินก็มุ่งหน้าเข้าไปในเมืองฉิงหยุน หลังจากทำลายทางผ่านเขตแดนสู่ทวีปหุ่นเชิด เขาก็กลับมายัง [รถศึกอัจฉริยะ]
เรื่องราวหลังจากนั้น เขาตัดสินใจรั้งอยู่บนเกาะซูหวูสองสามวัน ไล่ทำลายทางผ่านเขตแดนของเผ่าพันธุ์อื่นๆทั้งหมด เมื่อได้รับแร่บางส่วนจากซูฉวิน ก็ออกจากเกาะซูหวู
“ซูเฉิน พวกเราจะไปที่ไหนกันต่อ?” หวู่หยางเดินเข้ามายืนข้างซูเฉิน เอ่ยถามเสียงเบา
“ไปทวีปเสวียนเทียน” ซูเฉินตอบกลับ
ต้นผลจำลองจิตอยู่กับราชวงศ์เฝิงซีในทวีปเสวียนเทียน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันใดๆ เขาจะต้องรีบไปที่นั่นโดยเร็วที่สุด
เมื่อได้ยินว่าสถานที่ต่อไปคือทวีปเสวียนเทียน คนอื่นๆเริ่มตื่นตัวเล็กน้อย
เพราะซูเฉินเคยกล่าวว่าทวีปเสวียนเทียนมีขนาดใหญ่เป็นพันเท่าของเกาะเฉียนหยู และที่นั่นอาจมีประชากรมนุษย์อยู่ถึงหลักร้อยล้านคน ตั้งแต่ที่ได้รู้เรื่องนี้ พวกเขาก็อยากจะเห็นกับตามาตั้งนานแล้ว
แม้มีจุดหมายปลายทางที่แน่นอน แต่สายตาของซูเฉินยังคงไม่ละจากหน้าจอควบคุมส่วนกลาง หากพบเจอจุดสัญญาณของสัตว์ทะเลตามรายทาง เขาจะแวะเวียนไปสังหารพวกมัน
…
[รถศึกอัจฉริยะ] แล่นเรือเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน ตลอดทางไม่เกิดคลื่นลมคลื่นฝน ทุกอย่างสงบดี
จนถึงตอนเที่ยงของวันที่สี่ จู่ๆ [รถศึกอัจฉริยะ] ก็ร้องเตือนว่า “เจ้านาย ตรวจพบเรือรบเหล็กกำลังมุ่งหน้ามาทางเรา”
ซูเฉินตอนแรกไม่สนใจ แต่เมื่อฉุกคิดว่าเรือรบของราชวงศ์เฝิงซีก็เป็นเรือเหล็กเช่นกัน สองตาที่หลับอยู่พลันเบิกโพลง ผุดขึ้นนั่ง แล้วตรวจสอบหน้าจอควบคุมส่วนกลาง
เมื่อเห็นว่ามีจุดสีน้ำเงินกำลังแล่นเข้ามาหาตัวเองจริงๆ เขาก็กล่าวว่า “เสี่ยวจือ ขยายภาพซิ”
ภาพบนหน้าจอเปลี่ยนไป ไม่นาน ปรากฏเรือเหล็กลำใหญ่ จากลักษณะที่เห็น ดูไม่ต่างจากเรือของชายชราหน้าดำขลับก่อนหน้านี้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น ซูเฉินยังพบว่ามีผู้คนนับสิบกำลังยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือในเวลานี้ และดูเหมือนในกลุ่มจะนำโดยชายชราหงอกขาวที่มีกลิ่นอายน่าเกรงขาม
“เฉินเมิ่งเฟย มานี่สิ ช่วยดูหน่อยว่านี่เป็นเรือของราชวงศ์เฝิงซีรึเปล่า?”
ซูเฉินเรียกเฉินเมิ่งเฟยมาเบื้องหน้าจอควบคุมส่วนกลาง
เฉินเมิ่งเฟยเพ่งมองอย่างตั้งใจ แต่แล้วสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป กล่าวด้วยความกังวลว่า “ผู้อาวุโส นี่คือเรือรบของราชวงศ์เฝิงซีจริงๆ และชายชราหงอกขาวคนนั้นคือเฝิงหานซั่ว”
Ep.470
“ที่แท้ก็เป็นเฝิงหานซั่ว!”
ดวงตาของซูเฉินเปล่งประกายขึ้นมาทันที
เฉินเมิ่งเฟยเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ว่าผลจำลองจิตที่เหลืออยู่ในมือของเฝิงหานซั่ว
เดิมที จุดประสงค์ของซูเฉินในการเดินทางไปทวีปเสวียนเทียน ก็เพื่อนำผลจำลองจิตกลับคืนมา แต่เขาไม่คาดหวังเลยว่าจะได้พบเป้าหมายที่นี่
“เสี่ยวจือ ล็อคเป้า อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้” ซูเฉินออกคำสั่ง
“รับทราบ”
[รถศึกอัจฉริยะ] ล็อคเป้าเรือรบลำนี้ เร่งความเร็วแล่นไป
ใช้เวลาไม่นาน ทั้งสองฝ่ายก็ได้พบกัน
ซูเฉินเปิดประตูรถ ค่อยๆก้าวเดินออกมาช้าๆ
“แกเป็นใคร? กล้าดียังไงถึงมาหยุดเรือรบของพวกเรา? หรือว่าเบื่อชีวิตแล้ว?”
หนึ่งในคนบนเรือเหล็ก ชายวัยกลางคนหัวล้านตะโกนใส่ซูเฉิน
แต่นี่ก็แค่ปลาซิวปลาสร้อย ซูเฉินไม่สนใจ หันไปหาเฝิงหานซั่ว กล่าวเสียงเย็นว่า “เฝิงหานซั่ว จงมอบผลไม้วิญญาณมา”
สีหน้าของเฝิงหานซั่วแข็งค้างไป เบนสายตามองซูเฉิน และกล่าวว่า “นี่แกรู้จักฉัน?”
ท่ามกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ การได้พบพานคนรู้จัก คือสิ่งที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน
นอกจากนี้ อีกฝ่ายยังกล้าเรียกชื่อเขาตรงๆ แสดงว่าต้องกล้าหาญพอสมควร
แต่ประเด็นก็คือ อีกฝ่ายมาถึงก็เอ่ยปากให้เขามอบผลไม้วิญญาณให้ทันที ฉะนั้นเป็นไปได้ไหมว่า …
คล้ายฉุกคิดได้ถึงอะไรบางอย่าง สีหน้าของเฝิงหานซั่วแสดงออกถึงความตื่นเต้น จ้องเขม็งไปที่ซูเฉิน กล่าวเสียงเย็นว่า “เจ้าหนู แกรู้จักฉันได้ยังไง? จงบอกมาตามตรง! มิฉะนั้น แกจะต้องถูกฝังลงที่นี่!”
ซูเฉินปาดจมูกเขา กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ฉันไม่รู้จักแก แต่เธอรู้จัก”
ว่าจบ เฉินเมิ่งเฟยก็ก้าวออกมาจากห้องโดยสาร
“เป็นเธอนั่นเอง!”
เฝิงหานซั่วสามารถจดจำเฉินเมิ่งเฟยได้อย่างรวดเร็ว สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไป
เพราะเป้าหมายในการออกทะเลของเขาครั้งนี้ คือการจับตัวเฉินเมิ่งเฟย และช่วงชิงผลจำลองจิตในมือเธอ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า … ฉันตามหาเธอมานานแล้ว แต่ไม่นึกเลยว่าสุดท้ายเธอจะส่งตัวเองมาหาฉันถึงหน้าประตู ดีจริงๆ พวกเราจะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
เฝิงหานซั่วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง กล่าวฮัมเพลงอย่างปิติยินดี “เฉินเมิ่งเฟย มอบผลไม้วิญญาณที่เหลือทั้งหมดออกมาเสีย แล้วฉันจะยอมปล่อยให้ศพเธออยู่ในสภาพสมบูรณ์!”
เฉินเมิ่งเฟยเลียนแบบท่าทางของซูเฉิน หัวเราะดูแคลน “ต่อหน้าอาวุโสซู แกยังกล้าจะฆ่าฉันอีกหรอ? งั้นก็ลองดูสิว่าแกจะมีความสามารถอย่างที่พูดรึเปล่า”
หากอยู่ลำพัง ต่อให้มีความกล้ากว่านี้อีกสิบเท่า เธอก็ไม่กล้าพูดกับเฝิงหานซั่วเช่นนี้
แต่ภายใต้การคุ้มครองของซูเฉิน เธอไม่จำเป็นต้องหวาดเกรงสิ่งใด
แม้เฝิงหานวั่วจะแข็งแกร่ง แต่เขาเป็นเพียงผู้วิวัฒนาการเลเวล 6 เท่านั้น
ในทางกลับกัน ซูเฉินคือยอดฝีมือที่สามารถสังหารหุ่นเชิดเลเวล 7 ลงได้อย่างง่ายดายในไม่กี่วินาที เลเวล 6 ไม่นับเป็นสิ่งใด
ซูเฉินที่อยู่ข้างๆได้ยินประโยคนี้ ต้องลอบเดาะลิ้นอย่างช่วยไม่ได้
เขากระจ่างแล้ว ว่าทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม หากอยู่ใกล้เขา ย่อมติดเชื้อร้าย ค่อยๆกลายเป็นคนจองหองไปตามๆกัน
สือต้าหนิวเป็นตัวอย่างที่ดี
เฉินเมิ่งเฟยมาอยู่ด้วยกันไม่กี่วัน ก็มีความมั่นใจและความกล้ามากขึ้น เรื่องนี้ทำให้เขาพูดไม่ออกจริงๆ
เฝิงหานซั่วบนเรือเหล็กบังเกิดความฉงน
เฉินเมิ่งเฟยเป็นเพียงผู้วิวัฒนาการเลเวล 3 ผู้ใดกันที่มอบความกล้าให้เธอพูดกับเขาเช่นนี้?
หรือเธอจะบ้าไปแล้ว? ใช่สมองมีปัญหาหรือไม่?
อีกอย่าง ไอ้บัดซบตัวใดกันคือผู้อาวุโสซูที่เธอพูดถึง?
อย่าบอกนะว่าเป็นชายหนุ่มตรงหน้าเขา?
ถ้าใช่จริงๆ คงต้องบอกว่าช่างน่าขันเสียนี่กระไร!
ชายหนุ่มอายุต่ำกว่า 20 ปี จะแข็งแกร่งซักแค่ไหนเชียว? อย่างมากที่สุดก็เป็นได้แค่ผู้วิวัฒนาการเลเวล 3 มิใช่หรือ?
“อุกอาจนัก กล้าพูดจาถากถางนายท่าน ความผิดนี้สมควรตาย!”
ชายหัวล้านที่อยู่ข้างๆเฝิงหานซั่วตวาดใส่เฉินเมิ่งเฟยด้วยความโกรธเคือง และหันไปขออนุญาตจากเฝิงหานซั่วทันที ว่าขอฆ่าเฉินเมิ่งเฟยได้เลยหรือไม่?
เฝิงหานซั่วรู้สึกได้ว่าเฉินเมิ่งเฟยแปลกไป ดังนั้นไม่อนุญาตให้ชายหัวล้านลงมือ เขามองสำรวจซูเฉินดีๆอีกครั้งและกล่าวว่า “เจ้าหนู แกคือผู้อาวุโสซูใช่ไหม?”
“แก่หงำเหงือกแล้วยังมาเรียกคนอื่นอาวุโส สมองแกมีปัญหารึไง?” ซูเฉินไม่ตอบ ตะโกนด่ากลับไป