461-462
Ep.461
[ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] เปี่ยมไปด้วยพลังเวทย์ของธาตุทั้งห้า เหมือนกับเจ้าของของมัน
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ซูเฉินเป็นปรมาจารย์มนตราเลเวล 5 พลังเวทย์ที่แข็งแกร่งของเขาก็มีอยู่ 5 ธาตุเช่นกัน
ที่สำคัญก็คือ พลังเวทย์ในหินนี้ มิใช่แยกจากกัน แต่ทั้งห้าม้วนเกลียวเป็นหนึ่งเดียว ใช้โจมตีเพียงครั้งจะเทียบเท่ากับการระเบิดพลังเวทย์ทั้งห้าธาตุพร้อมกัน
หลังจากทบทวนข้อมูลที่ได้มา ซูเฉินต้องสูดหายใจลึก พยายามข่มอารมณ์ตื่นเต้นเอาไว้
ก่อนที่ [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] จะปรากฏขึ้น กระบวนท่าสังหารที่ทรงพลังที่สุดของเขาจะเกิดจาก [กระบี่แยกฟ้าแห่งความโกลาหล]
แต่เวลานี้ พลังทำลายล้างของ [ภูเขาหยวนเหออู่จี๋] นั้นไม่ด้อยไปกว่ากันเลย แค่น้ำหนัก 108,000 จินเพียงอย่างเดียว ก็มีใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถต้านทานได้แล้ว
เกรงว่าต่อให้เป็นยักษ์ไททัน โดนมันเข้าไป ก็คงถูกทุบกลายเป็นเนื้อเหลว
ควบคู่ไปกับพลังอันน่าสะพรึงกลัวของธาตุทั้งห้า ยามพลังทั้งสองอยู่ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว แทบไม่มีใครสามารถเอาชนะได้
ถึงจุดนี้ ซูเฉินได้รับไพ่ตายมาอีกหนึ่งใบ กำลังรบของเขาเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก
…
เนื่องจากการเดินทางสู่เกาะซูหวูต้องใช้เวลาหลายวัน ยามว่างเว้น ทุกคนจึงรวมตัวกันเพื่อทานบาร์บีคิว เปิดเพลงฟัง และเล่นเกมไพ่โต้วตี้จู่
เฉินเมิ่งเฟยค่อยๆคลายจากอารมณ์เศร้า กลืนไปกับบรรยากาศครื้นเครง
จนวันที่ห้า บนหน้าจอควบคุมส่วนกลางในที่สุดก็พบสัญญาณของเกาะซูหวู
ซูเฉินลองสำรวจดู แต่แล้วคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน
เห็นแค่เพียงในสถานที่ที่เรียกว่า ‘ที่ราบฉิงหลวน’ มีจุดแสงจำนวนมากกำลังรวมตัวกัน จำนวนน่าจะถึงหลักหมื่น
จุดสีแดง , สีน้ำเงิน และสีดำ มารวมกันอยู่ในที่เดียว แต่แบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน
ด้านหนึ่งคือจุดสีดำประมาณ 1,000 จุด และสีน้ำเงินอีกหลายพันจุด อีกด้านเป็นจุดสีดำประมาณ 2,000 จุด และจุดสีแดงอีกนับหมื่น
ซูเฉินรู้สึกสับสนเล็กน้อย เอ่ยพึมพำออกมา “เป็นไปได้ไหมว่า มนุษย์กับสิ่งมีชีวิตต่างเผ่ากำลังร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับคลื่นซอมบี้และพวกต่างเผ่าอีกกลุ่ม?”
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการคาดเดาของเขาเท่านั้น จะเป็นอย่างที่คิดหรือไม่ คงต้องลองดูถึงจะแน่ใจ
หลังจากไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง ซูเฉินก็กล่าวว่า “เสี่ยวจือ ขยายภาพหน้าจอซิ”
หน้าจอควบคุมส่วนกลางเริ่มเคลื่อนไหว ไม่นานก็ปรากฏภาพของมนุษย์ , ซอมบี้ และพวกต่างเผ่าขึ้น
สิ่งที่ซูเฉินนึกไม่ถึงก็คือ พวกต่างเผ่าในที่นี้ไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกัน ดูเหมือนจะแยกออกเป็นสามเผ่าพันธุ์
เผ่าแรกอยู่รวมกับมนุษย์ พวกเขามีรูปร่างสั้นและบึกบึน ดูจากความสูงคาดว่าคงไม่ถึงหนึ่งเมตรด้วยซ้ำ
ขณะที่พวกต่างเผ่าฝั่งซอมบี้ ซูเฉินเคยเห็นมาก่อนทั้งหมด
ส่วนใหญ่คือพวกเผ่าครึ่งออร์ค ที่เหลือเป็นเผ่าอมตะอีก 10 กว่าตน ทั้งสองร่วมมือกัน ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร แต่สิ่งที่ซูเฉินคิดไม่ออกก็คือ พวกต่างเผ่าตัวเตี้ยเหล่านั้น คือเผ่าพันธุ์อะไรกัน?
แล้วเหตุใดถึงได้อยู่ร่วมกับทางฝั่งมนุษย์?
ทำไมถึงไม่สู้กัน?
“เสี่ยวจือ รีบไปยังที่ราบฉิงหลวน” ซูเฉินแทบอดใจรอไม่ไหว
ซอมบี้นับหมื่นและพวกต่างเผ่านับพัน หากเขาสังหารลงทั้งหมด น่าจะดรอปชิ้นส่วนได้หลายพันเป็นอย่างน้อย
“รับทราบ”
[รถสึกอัจฉริยะ] รับคำสั่ง แล่นเรือไปยังเกาะซูหวูอย่างรวดเร็ว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ซูเฉินที่กำลังเฝ้าหน้าจอควบคุม ได้พบว่าทั้งสองฝ่ายเริ่มต่อสู้กันแล้ว และนับเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ เพราะแค่ปะทะกันนิดเดียว ก็มีผู้เสียชีวิตนับร้อยราย
อ้างอิงตามความร้อนแรงในการสังหารนี้ เกรงว่าใช้เวลาไม่นานการต่อสู้คงสิ้นสุดลง
ซูเฉินไม่ต้องการเห็นฉากนี้ หากพวกต่างเผ่าและซอมบี้ตายหมด เขาจะไปดรอปชิ้นส่วนจากไหน?
“หัวหน้าหวู่ ไปเจอกันที่ที่ราบฉิงหลวน ผมขอตัวล่วงหน้าไปก่อน”
ซูเฉินออกคำสั่ง เปิดประตูรถ และวิ่งนำไปเพียงลำพัง
ความเร็วของ [รถศึกอัจฉริยะ] ไม่นับว่าเชื่องช้า มันเร่งเครื่องได้ถึง 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เมื่อเทียบกับความเร็วของซูเฉินแล้ว ยังห่างชั้นกันนัก
ซูเฉินเหยียบย่ำลงในอากาศที่ว่างเปล่า เปิดใช้งาน [รองเท้าเพิ่มความเร็ว] ระเบิดความว่องไวที่ไม่ด้อยไปกว่าผู้วิวัฒนาการเลเวล 7 พริบตาเดียวหายวับไปสุดขอบฟ้า
Ep.462
“รวดเร็วมาก …”
เฉินเมิ่งเฟยมองไปยังทิศทางที่ซูเฉินจากไปด้วยความหลงใหล พึมพำเสียงต่ำ
กำลังรบของซูเฉินนั้นแข็งแกร่งที่สุด แต่ไม่เคยนึกเลยว่ากระทั่งความเร็วก็ยังเป็นเลิศเหนือผู้ใด ผู้ฝึกตนครบวงจรเช่นซูเฉิน เป็นคนที่หาได้ยากในโลกใบนี้อย่างแท้จริง
อีกด้านหนึ่ง หลังจากซูเฉินเข้ามาในเกาะซูหวูแล้ว เขาก็ร่อนลงพื้นทันที
เมื่อเทียบกับท้องฟ้า การวิ่งบนพื้นจะยิ่งช่วยระเบิดความเร็วออกมาได้อย่างเต็มที่
สับฝีเท้าไปตลอดเส้นทาง ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เขาก็มาถึงที่ราบชิงหลวน
ช่วงเวลานี้สถานการณ์รบร้อนระอุเป็นอย่างยิ่ง ศพนอนเกลื่อนเต็มท้องทุ่ง เลือดสดๆเจิ่งนองไปทุกหนแห่ง กลิ่นคาวลอยคละคลุ้งในอากาศ
ซูเฉินหรี่ตากวาดสำรวจมอง และพบว่าฝั่งพวกต่างเผ่าตัวเตี้ยและมนุษย์กำลังเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง พวกเขาตายไปเกือบครึ่งแล้ว คิดว่าอีกไม่นานคงถูกสังหารหมู่
เห็นแบบนี้ เขาก็รีบกระโจนเข้าไปทันที สิ่งแรกที่ทำคือกำจัดฝูงซอมบี้
ได้ยินเพียงเสียงพายุสายฟ้าดังกึกก้องระเบิดลงกลางฝูงซอมบี้
ซูเฉินกางฝ่ามือและร่ายเวทย์พายุสายฟ้า ซอมบี้ในจุดนั้นกว่า 7-8 ร้อยตัวตายคาที่ทันที
จากนั้นก็ตามด้วยเวทย์ธาตุอื่นๆ ผลัดเปลี่ยนกันร่ายออกมาในสนามรบ
ใช้เวลาไม่ถึงนาที ซอมบี้นับหลายพันตัวถูกฆ่าตาย
ความน่าเกรงขามที่ซูเฉินแสดงออกมา บวกกับการโจมตีอันทรงพลัง ได้ดึงดูดความสนใจของทั้งสองฝ่ายอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันการต่อสู้ได้หยุดชะงักลง ทั้งหมดต่างจับจ้องไปทางซูเฉิน
เมื่อเห็นว่าเป็นมนุษย์รุ่นเยาว์ ห้วงอารมณ์ของทั้งสองฝ่ายก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ฝ่ายมนุษย์บังเกิดความตื่นเต้นจนอธิบายไม่ถูก พวกเขาเริ่มกระซิบกระซาบกัน
“เป็นผู้แข็งแกร่งจากฝั่งมนุษย์ของพวกเรา!”
“โอ้สวรรค์! เขายังเด็กนัก แต่กำลังรบกลับโดดเด่นไม่แพ้ใคร!”
“เขามาจากขุมกำลังไหนกัน? ฉันไม่เคยเจอเขามาก่อน”
“จะต้องเป็นยอดฝีมือที่เร้นกายอยู่แน่ๆ”
“เขาน่าจะเป็นปรมาจารย์มนตราเลเวล 5 ถูกไหม?”
“ต้องเป็นปรมาจารย์มนตราเลเวล 5 อย่างแน่นอน และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญทุกธาตุอีกด้วย!”
…
เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นทางฝั่งมนุษย์แล้ว ความฮึกเหิมของฝ่ายครึ่งออร์คลดทอนลงไปมาก สีหน้าของทุกตนไม่ค่อยสู้ดีนัก
แม้ซูเฉินจะปรากฏกายเพียงลำพัง แต่กำลังรบที่เขาแสดงออกมา กลับสามารถสังหารซอมบี้นับพันในชั่วพริบตาด้วยมือเดียว นี่ทำให้พวกมันรู้สึกหวาดกลัว
แล้วอีกอย่าง ซูเฉินยังเป็นมนุษย์ บางทีอาจเป็นผู้ช่วยที่อีกฝ่ายเชิญมาก็ได้
ในกรณีนี้ สถานการณ์นับว่าไม่เอื้ออำนวยต่อพวกเขา
“มนุษย์! เหตุใดเจ้าจึงฆ่าคนของเรา?”
เผ่าครึ่งออร์คเลเวล 4 ก้าวออกมาข้างหน้า คำรามใส่ซูเฉินด้วยความโกรธ
“ก็เห็นหน้าพวกแกแล้วมันรู้สึกรกลูกตา เลยอยากจะกำจัดพวกต่างเผ่าทิ้งซะให้หมด เป็นไง เหตุผลนี้ฟังดูดีไหม?” ซูเฉินกล่าวไปเรื่อยเปื่อย แสยะยิ้มเย็น
ทันทีทีคำนี้หลุดออกมา บังเกิดความโกลาหลขึ้นโดยรอบ
บ้าไปแล้ว!
จองหองนัก!
กล้าดีอย่างไร!
ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตต่างเผ่านับหมื่นตน แต่ซูเฉินเอ่ยปากว่าจะฆ่าพวกมันทั้งหมด ผายลมเช่นนี้ไม่กลัวกัดลิ้นตัวเองตายเอาหรือ?
“กับอีแค่ปรมาจารย์มนตราเลเวล 5 ทำมาเป็นปากดี อย่างเจ้าต้องเจอข้า!”
ปรากฏเผ่าอมตะร่างผอมเพรียวก้าวออกมาจากกลุ่มเผ่าครึ่งออร์ค ตัดสินจากกลิ่นอาย คาดว่าน่าจะเป็นผู้วิวัฒนาการเลเวล 5
“ขยะอย่างแก ฉันใช้แค่มือเดียวก็พอแล้ว!”
ซูเฉินกวาดสายตามองอีกฝ่าย ฉีกยิ้มกล่าวแดกดัน
พริบตานั้นเอง รอบด้านก็บังเกิดเสียงฮือฮาขึ้นอีกครั้ง
ความเย่อหยิ่งและสำคัญตนของซูเฉิน แม้แต่ฝ่ายมนุษย์ด้วยกันยังต้องอ้าปากค้าง
เป็นความจริงที่ว่าซูเฉินแข็งแกร่งมาก แต่เผ่าอมตะเลเวล 5 ก็ไม่ใช่ตัวกินพืชเช่นกัน มีสิทธิ์อะไรถึงมาบอกว่าจะสังหารมันด้วยมือเดียว
คิดโอ้อวดมันก็ต้องมีขอบเขตบ้างถูกไหม?
“แล้วข้าจะรอดูว่าเจ้าจะมีความสามารถดังปากว่าจริงหรือไม่!!” ชาวเผ่าอมตะตัวผอมโกรธจัด ร้องคำราม พุ่งเข้ามาหมายสังหารซูเฉิน
ซูเฉินปาดจมูก ไม่สนใจใดๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าประชิดตัว
“นี่เขาบ้าไปแล้ว?”
ฝ่ายมนุษย์บางคนร้องโวยวายด้วยความตื่นตระหนก
ซูเฉินเป็นปรมาจารย์มนตรา ข้อได้เปรียบของปรมาจารย์มนตราคือโจมตีระยะไกล แต่หากปล่อยให้ผู้วิวัฒนาการเข้ามาใกล้ จุดจบเดียวคือความตาย
ดังนั้น ฝ่ายมนุษย์จึงเห็นพ้องต้องกัน ว่าพฤติกรรมของซูเฉินเป็นเพียงการรนหาที่ตาย!