ตอนที่ 488 (ตอนฟรี)ล้อมกรอบและจัดฉาก!
ตอนที่ 488 (ตอนฟรี)ล้อมกรอบและจัดฉาก!
.
"กลุ่มเพื่อนและคนรู้จักส่วนใหญ่ในเมืองดูไบก็รวมกันอยู่ที่นี่แล้ว!"
เวลาประมาณหนึ่งทุ่มตรงคนที่เข้ามาร่วมในงานเลี้ยงกลุ่มใหญ่ทั้งหมดแต่งตัวด้วยเสื้อคลุมสีขาว ผู้ชายมีผ้าโพกศีรษะส่วนผู้หญิงนั้นมีผ้าปิดใบหน้า
มีทั้งกลุ่มชายหญิงวัยกลางคนและกลุ่มคนหนุ่มสาว
ส่วนกลุ่มหญิงสาวที่อยู่ทางด้านหลังของพวกเขานั้นไม่ได้สวมผ้าโพกหัวและไม่ได้มีผ้าปกปิดใบหน้า
ความสวยงามของพวกเธอนั้นค่อนข้างจะโดดเด่น
กลุ่มคนเหล่านั้นเดินตรงเข้ามาในงานพร้อมกับแสดงรอยยิ้มที่จริงใจ
"สวัสดีเพื่อนๆและพี่น้องทั้งหลาย!"
กลุ่มคนหนุ่มสาวหลายคนโบกมือให้กับพวกเขาอย่างกระตือรือร้น
"เฮ้! ต้องขอโทษที ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาสายไปเล็กน้อย!" กลุ่มคนหนุ่มสาวเหล่านั้นเดินเข้ามานั่งลงบนโต๊ะและพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
"ยังไม่สายเกินไปพวกฉันเพิ่งมาก่อนหน้าพวกนายไม่นาน และกำลังเบื่ออยู่พอดีเลย พวกนายมากันในตอนนี้จะได้สนุกเพิ่มขึ้น!"
ชายหนุ่มคนที่จีบถังหลิงหลิงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
"โอเค! ถ้าอย่างนั้นหลังจากจบงานเลี้ยงพวกเราก็ไปหาที่เที่ยวกันต่อดีกว่า!"
กลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวที่มาใหม่ต่างพูดคุยกับกลุ่มของชายหนุ่มอย่างสนุกสนาน
"เฮ้อ! ช่างน่าเบื่อจริงๆ!"
หวังเสียนมองดูกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวพูดคุยกัน เขาจึงหันไปพูดกับมู่เสี่ยวหวันด้วยความเบื่อหน่าย
"ใจเย็นๆสิลุงแล้วฉันจะแนะนำสาวสวยๆในเมืองดูไบให้นายรู้จัก!"
มู่เสี่ยวหวันหันไปกระซิบกับหวังเสียน "หากนายอยู่ที่นี่นายสามารถแต่งงานกับผู้หญิงได้ถึง 4 คนเชียวนะ น่าตื่นเต้นดีไหมล่ะ!"
"ฉันมีแฟนแล้วถึง 2 คน และหากว่าคนเรามีความรักให้กันจริงๆมันก็ไม่จำเป็นจะต้องทำตามกฎเกณฑ์ใดๆหรอกนะ!" หวังเสียนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ
"เปลี่ยนรสชาติบ้างสิ! นายไม่อยากรู้หรอกหรือว่าการคบกับสาวต่างชาตินั้นจะมีความรู้สึกอย่างไร!" มู่เสี่ยวหวันพูดออกมาอย่างทะเล้น
"เสี่ยวหวัน มาที่นี่ก่อนแม่จะพาไปทำความรู้จักกับเพื่อนของแม่!"
ในขณะนั้นเองแม่ของมู่เสี่ยวหวันก็เดินมาเรียกเธอไป
"ตกลงค่ะแม่!"
มู่เสี่ยวหวันหันไปกระซิบพูดกับหวังเสียนเบาๆ "นายต้องรอฉันอยู่ที่นี่ก่อนนะ ห้ามแอบหนีกลับไปก่อนเด็ดขาด!"
"พอจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ของชนชั้นสูงเช่นนี้ทีไร แม่ของฉันชอบพาไปทำความรู้จักกับคนนู้นคนนี้ทู้กทีเลย~ ฉันเบื่อมากเลยละ นายรอฉันก่อนนะแล้วฉันจะรีบกลับมา!" เธอยังคงบ่นพึมพำให้เขาฟังก่อนที่จะลุกเดินจากไป
"หลิงหลิง ไปเต้นรำที่ฟอร์ด้านหน้ากันเถอะ!"
เมื่อเห็นว่ามู่เสี่ยวหวันลุกเดินจากไป ชายหนุ่มคนที่ตามจีบถังหลิงหลิง ก็ชวนเธอออกไปเต้นรำ
ถังหลิงหลิงถอนหายใจออกมาเบาๆแต่เธอก็พยักหน้ารับเนื่องจากว่าชายหนุ่มคนนี้นั้นเป็นว่าที่คู่หมั้นของเธอที่ทางตระกูลของเธอและตระกูลของเขาได้เคยตกลงหมั้นหมายกันไว้นานแล้ว
ชายหนุ่มอีก 2-3 คนที่เหลือในกลุ่มหันมองหน้ากันและยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
"พวกนายอย่ากระโตกกระตากไปล่ะ ไปบอกให้ ชิงชิง ถ่ายภาพให้ชัดเจนมากที่สุด!"
หยางเจ๋อหันไปพูดกับเพื่อนของเขา หลังจากนั้นเพื่อนของเขาก็ลุกจากไปพร้อมกับโทรศัพท์ ในขณะเดียวกันหยางเจ๋อก็กระซิบพูดคุยเบาๆกับเพื่อนผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ
"ฉันอยากจะแกล้งไอ้หมอนี่มานานแล้ว ก่อนหน้านี้มันทำให้ฉันเสียหน้าเป็นอย่างมาก ยิ่งมาเจอมันในงานเลี้ยงเช่นนี้ยิ่งมองมันฉันก็ยิ่งหงุดหงิด ฉันทำให้มันอับอายขายขี้หน้าจนรีบมุดหัวหดหางกลับประเทศจีนไปโดยเร็วที่สุด!"
หยางเจ๋อยิ้มออกมาอย่าพึงพอใจ คล้ายกับว่าเขานั้นได้เห็นภาพที่น่าอับอายของหวังเสียน
สำหรับการกลั่นแกล้งคนที่ไม่มีกลุ่มเพื่อนและรากฐานในเมืองดูไบแห่งนี้นั้นเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับพวกเขา
เขาหันไปมองเพื่อนเขาที่ชื่อฉิงเหวินที่ยืนอยู่ด้านข้างชายหนุ่มและหญิงสาว กลุ่มใหม่ที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับขยิบตา
ชายหนุ่มที่ชื่อฉิงเหวิน ยกมือทำท่าทางโอเค หลังจากนั้นเขาก็กระซิบพูดคุยกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆเขาด้วยรอยยิ้ม
"โอเค!" หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆฉิงเหวินพยักหน้า เธอหรี่ตาลงเล็กน้อยและจ้องมองไปทางหวังเสียนด้วยรอยยิ้ม
ชายหนุ่มทั้งสามคน หยางเจ๋อ, ฉิงหวินและเกาหยาง ขยับมานั่งที่โซฟาตัวเดียวกันพร้อมกับเอนหลังพิงคล้ายกับว่าเตรียมดูละครฉากใหญ่
"สวัสดีพี่ชายรูปหล่อ!"
หลังจากที่มู่เสี่ยวหวันจากไป หวังเสียนก็รู้สึกเบื่อเป็นอย่างมากเขาจึงนำโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาเล่นเกม และในทันใดนั้นเสียงหวานๆก็ดังขึ้นมาจากทางด้านข้างของเขา
หวังเสียนเงยหน้าขึ้นไปมองเล็กน้อย เขาเห็นหญิงสาวชาวต่างชาติคนหนึ่งที่มีหน้าตาสวยงามและอยู่ในชุดราตรีสีดำยืนอยู่ข้างๆและกำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้ม
"สวัสดีมีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า!" หวังเสียนเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยและถามเธอออกไปเบาๆ
"ไม่มีอะไรหรอก! ฉันแค่รู้สึกเบื่อเพียงเท่านั้นและเห็นว่าคุณกำลังเล่นมือถืออยู่คนเดียวและคิดว่าคุณก็คงจะเบื่ออยู่เหมือนกัน ฉันก็เลยคิดว่าพวกเราควรจะมานั่งคุยกันแก้เบื่อจะดีกว่า!" เด็กสาวหน้าตาสวยงามยิ้มให้กับหวังเสียนอย่างหยาดเยิ้ม
"ก็ดีเหมือนกันครับ!"
หวังเสียนเก็บโทรศัพท์มือถือของเขา และหันไปยิ้มให้เธออย่างสุภาพ
"ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปเต้นรำกันสักรอบสองรอบจะดีไหม!" หญิงสาวยิ้มและชวนเขาออกไปเต้นรำ
"อย่าเลยครับผมเต้นรำไม่เป็น มันจะทำให้คุณนั้นอับอายเสียเปล่าๆ!"
หวังเสียนพูดปฏิเสธออกไปอย่างสุภาพ แต่เขาก็เริ่มสงสัยและเอะใจขึ้นมาเล็กน้อย จากที่เขาเคยอ่านในกฎของหนังสือเล่มสีขาวที่อาเจียยาส่งมาให้กับเขา ผู้หญิงในประเทศอาหรับเอมิเรตส์นั้นจะไม่ใกล้ชิดกับชายแปลกหน้าคนอื่นอย่างเด็ดขาด
หรือว่ากฎและธรรมเนียมเหล่านี้นั้นจะบังคับใช้เฉพาะกลุ่มของราชวงศ์?
หวังเสียนขมวดคิ้วเล็กน้อยและเขาก็ไม่แน่ใจเกี่ยวกับกฎและธรรมเนียมของชาวต่างประเทศ
"ไม่สุภาพเลยที่ปฏิเสธสุภาพสตรีเช่นนี้!" หญิงสาวยิ้มและพูดล้อเล่นกับเขาแต่สายตาของเธอนั้นกลับยั่วยวนเขาเป็นพิเศษ
"ผมต้องขอโทษด้วยผมเต้นไม่เป็นจริงๆ!" หวังเสียนส่ายหัว ถึงแม้ว่าเด็กสาวตรงหน้าของเขานั้นจะเรียกว่าสวยงามมากก็ตาม แต่ผู้หญิงในลักษณะนี้นั้นไม่ใช่สเปคของเขา
หากแค่เป็นการนั่งพูดคุยธรรมดาเขาจะไม่ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด แต่การเต้นรำนั้นจะต้องสัมผัสเนื้อตัวกันอย่างใกล้ชิด เขาจึงปฏิเสธออกไปในทันทีเพราะไม่อยากจะสร้างปัญหาให้กับตัวเองมากไปกว่านี้
หลังจากนั้นหวังเสียนก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปเพื่อเปลี่ยนสถานที่นั่ง
"ฮึ!" หญิงสาวขมวดคิ้วและเอื้อมมือไปคว้าแขนของเขาในทันที
หวังเสียนขมวดคิ้ว และจับมือของเธอเพื่อจะดึงมือของเธอออกจากแขนของเขา
"ดูเหมือนว่าเรื่องนี้คงจะเป็นแผนการของพวกเขาสินะ!" หวังเสียนพูดออกมาเบาๆก่อนจะหันไปจ้องมองชายหนุ่มทั้งสามคนด้วยสายตาที่เย็นชา
"ว๊ายยย! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!"
แคว๊กกก!
หญิงสาวแกล้งตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมกับใช้มืออีกข้างหนึ่งดึงเสื้อผ้าของตัวเองออกไปวางบนมือข้างที่หวังเสียนจับมือของเธอ
หญิงสาวคนนี้นั้นค่อนข้างจะมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าเธอนั้นก็เป็นผู้ฝึกตนเช่นเดียวกัน หาไม่แล้วเธอคงจะไม่สามารถฉีกเสื้อผ้าให้ขาดออกจากกันได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
"เฮ้ย! นายทำอะไรของนาย ทำไมนายถึงได้เป็นคนที่เลวทรามเช่นนี้กัน!" ในทันใดนั้นชายหนุ่มทั้งสามคนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกันและตะโกนออกมาเสียงดัง
ชายหนุ่มและหญิงสาวในชุดคลุมขาวคนอื่นๆก็รู้สึกประหลาดใจพร้อมกับหันมาจ้องมองไปที่หวังเสียนด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
"เธอบันทึกเอาไว้หมดแล้วใช่ไหม!" หยางเจ๋อหันไปพูดกับดาราสาวที่อยู่ข้างๆเขา
"ใช่! ฉันถ่ายเป็นรูปภาพเอาไว้และไม่ได้บันทึกเป็นวีดีโอ หลังจากนี้พวกเราเลือกตัดต่อเฉพาะภาพบางส่วน มันก็สามารถเป็นหลักฐานที่มัดตัวเขาไว้ได้อย่างแน่นหนาเลยทีเดียว!" ดาราสาวพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
"ดีมาก! หลังจากนี้ก็ให้ผู้จัดการของพวกเราลงในสื่อเพื่อโปรโมทเรื่องนี้และทำให้ชื่อเสียงของเขานั้นเสียหายมากที่สุด!" หยางเจ๋อยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
'คิก คิก! ชายหนุ่มคนนี้ช่างโชคร้ายจริงๆที่ไปยั่วยุจอมมารร้ายเช่นหยางเจ๋อ!' ดาราสาวหัวเราะออกมาเบาๆ
"เฮ้นายมันไม่ทำมากเกินไปหน่อยหรือเพื่อน! นี่คือเมืองดูไบที่มีกฎเกณฑ์และระเบียบของสังคมที่ดี ฉันว่าการที่นายทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติประเทศอาหรับเอมิเรตส์และเมืองดูไบเลยแม้แต่น้อย!" กลุ่มชายหนุ่มทั้ง 3 คนชี้ไปที่หวังเสียน พร้อมกับประนามเขาออกมา
"ใช่เลวมาก! ชายคนนี้นั้นเลวมากจริงๆ เขาถึงกับกล้าดูหมิ่นและหยามเกียรติผู้หญิงในเมืองดูไบเช่นนี้ได้!"
"ใช่เขาเป็นคนที่ชั่วร้ายมาก คนเราสมัยนี้นั้นดูกันที่หน้าตาไม่ได้จริงๆ!"
"มากเกินไป! ชายหนุ่มคนนี้นั้นทำมากเกินไปจริงๆ เขาไม่ให้เกียรติผู้หญิงในประเทศของพวกเราเลยแม้แต่น้อย!"
ในขณะเดียวกันกลุ่มหนุ่มสาววัยรุ่นในชุดคลุมขาวที่เป็นคนของเมืองดูไบ ก็จ้องมองไปที่หวังเสียนด้วยความไม่พอใจ
"จับเขาไว้! แล้วส่งไปที่สถานีตำรวจ คนแบบนี้นั้นจะต้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด!"
กลุ่มคนหลายคนตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หวังเสียน
หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆของหวังเสียน ค่อยๆดึงเสื้อผ้าของเธอที่ฉีกขาดนำมาปกปิดแขนและช่วงไหล่ของเธอที่เปิดเผยออกมาพร้อมกับก้มหน้าลงด้วยท่าทางที่น่าสงสาร
เมื่อกลุ่มคนหลายคนหันมาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฉากนี้ต่างก็ต้องเชื่ออย่างแน่นอนว่าหวังเสียนนั้นได้รังแกหญิงสาวคนนี้จริงๆ
'ฮึ! ช่างเป็นการจัดฉากที่แนบเนียนจริงๆ!' หวังเสียนถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาที่ไม่เป็นมิตรของฝูงชนในงานเลี้ยงที่กำลังจ้องมองมาทางเขา
ในขณะเดียวกันชายหนุ่มทั้งสามคนก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจก่อนที่จะรีบพูดเติมเชื้อไฟอีกครั้ง
"ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจิตใจของนายนั้นจะสกปรกเหมือนกับสัตว์เดรัจฉานเช่นนี้ คนอย่างนายนี่มันเลวระยำบัดซบจริงๆ!"
ในขณะนี้กลุ่มคนในห้องจัดเลี้ยงที่มีมากกว่า 300 คนก็เริ่มให้ความสนใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและต่างหันมาถามคนที่อยู่ข้างๆ
"ชายผู้ไร้เกียรติผู้นี้นั้นได้กระทำการรังแกเพื่อนผู้หญิงของผมอย่างไร้ยางอายมากที่สุด!"
ฉิงเหวิน ชี้นิ้วไปที่หวังเสียนพร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดังเพื่อให้ฝูงชนที่อยู่รอบๆนั้นได้ยิน
……….
จบบท