THW ตอนที่ 9+10(3/3)
THW ตอนที่ 9+10(3/3) ข้อมูลสำหรับการล่าสมบัติ + โต๊ะเล็กสไตล์บารอก
เวลาสิบนาฬิกา
เย่เทียนก็ได้แบกกระเป๋าของเขาไปที่ตลาดนัดดัมโบดัมโบ้ ซึ่งอยู่ใต้สะพานบรูคลิน และใช้เวลาเดินแค่สิบนาทีจากที่ที่เขาอยู่
ตลาดนัดแห่งนี้เพิ่งเปิด และในขณะนี้ เหล่าเจ้าของร้านต่างก็กำลังตั้งร้านของพวกเขา ส่วนเขาก็เริ่มปฏิบัติการล่าสมบัติ
วันนี้ เขามีเป้าหมายที่ชัดเจนมาก เขาไม่สนใจสินค้ามือสอง แต่จะซื้อเพียงของโบราณที่มีรัศมีเท่านั้น และจะไม่ซื้อของชิ้นใหญ่ แต่จะซื้อเพียงชิ้นเล็กๆ ที่ถือได้สะดวก
และหากว่าเขามีรถ เขาก็คงไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องพวกนี้
แต่ว่าน่าเสียดาย ที่รถของเขาได้เข้าสู่ตลาดของมือสองไปนานแล้ว จากนั้นก็เข้าสู่กระเป๋าเงินของซูซานและท้องของเขา
และอีกอย่างหนึ่ง คือเขาจะไม่มองทะลุวัตถุโบราณของที่นี่หากว่าเขายังไม่สามารถควบคุมพลังดวงตาได้! หากว่าเกิดเหตุการณ์ดูดกลืนออร่าขึ้น อย่างนั้นคงกลายเป็นโชคร้ายแทน!
จากที่เขาคาดการณ์ หลังจากที่พลังได้อัพเกรด และเพิ่มศักยภาพของร่างกายเขา ออร่าที่ดูดกลืนไปเมื่อวานก็ถูกใช้ไปเกือบหมด หากว่าเขายังทำการมองทะลุของโบราณในตอนนี้อีก มันคงเกิดเหตุการณ์เหมือนกับที่เกิดขึ้นในพิพิธภัณฑ์เมื่อวานแน่!
เนื่องเพราะตลาดเพิ่งเปิด จึงทำให้ที่นี่ไม่ได้มีร้านมากนัก และก็ไม่ได้มีลูกค้ามากด้วย ทำให้ที่นี่ไม่มีนักล่าสมบัติมืออาชีพมากเท่าไหร่ ถือว่าเป็นช่วงเวลาในการล่าสมบัติที่ดี
มาเริ่มการล่าสมบัติกัน!
เย่เทียนเริ่มกวาดตามองร้านแรกเมื่อเข้าไป
ร้านนี้เต็มไปด้วยอุปกรณ์ครัว เพียงแค่ชายตามอง ก็พบว่าที่นี่ไม่มีไอเทมที่ส่องแสงออกมา และเมื่อเมื่อไปที่ของที่วางอยู่ข้างหลังเจ้าของร้าน ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม
ไม่มีของโบราณ!
เย่เทียนเหลือบตามองสองครั้ง จากนั้นก็ได้เดินจากไป โดยทั้งหมดนี้ใช้เวลาไปไม่ถึงห้าวินาที!
ส่วนร้านที่สองนั้นแขวนไว้ด้วยเสื้อเก่าและกระเป๋าถือเป็นแถวยาว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง แต่ทั้งหมดนี้ ก็ยังห่างไกลจากของโบราณที่เขาตามหา!
เย่เทียนไม่หยุดแม้สักนิด เพียงแค่ชายตามองแล้วก็เดินผ่านไป
แม้ว่าร้านนี้จะไม่มีค่าในสายตาเขา แต่ว่ามันก็เป็นที่นิยมมากในตลาดนัดแห่งนี้
อย่าเห็นว่าของสำหรับความงามเก่านี้เป็นของฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลือง นี่เป็นการจ่ายเงินเพื่อวันพรุ่งนี้ สำหรับบางสถานที่ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นของประหยัดและสมเหตุสมผล เป็นตัวอย่างของพวกอนุรักษ์นิยม!
ตัวอย่างเช่น ในส่วนของสินค้ามือสอง ตราบเท่าที่พวกเขาเป็นชาวอเมริกัน ไม่ว่าจะเป็นคนที่รวยที่สุดหรือขอทาน ทุกคนต่างก็ไม่มีใครปฏิเสธสินค้ามือสอง หลายคนยังคงชอบสินค้าแบบนี้อยู่!
สิ่งนี้ได้สร้างวัฒนธรรมของมือสองที่พิเศษเฉพาะของพวกเขาขึ้น ก่อให้เกิดร้านขายของมือสองจำนวนมาก และส่งผลให้เกิดอาชีพนักล่าสมบัติขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นรถมือสอง เสื้อผ้ามือสอง หรืออะไรอื่นๆ ตราบเท่าที่ไม่ใช่อาหารมือสอง โดยปกติพวกเขาจะไม่มีการปฏิเสธ และพวกเขาจะดูแลพวกมันโดยไม่ให้อะไหล่แม้สักชิ้นหล่นหาย
ซึ่งในสายตาของคนจีนแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลก
ในสายตาของชาวจีน หากไม่ใช่เพราะชีวิตที่ยากลำบาก พวกเขาย่อมไม่เต็มใจที่จะใช้ของมือสอง! ไม่คิดจะเอาชุดคนอื่นมาใส่
แต่ว่าที่นี่ตอนนี้กลับมีหลายคนที่กำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่ในร้านมือสองนี้ ดูแล้วเหมือนจะเป็นนักเรียนที่เรียนอยู่ในมหาลัยต่างๆ ในนิวยอร์ก ทุกคนต่างก็กระตือรือร้นและตื่นเต้นอย่างมาก
ส่วนร้านที่สามนั้นเป็นร้านขายของชำ ซึ่งแน่นอนว่าไม่พบอะไร เย่เทียนเพียงแค่ชายตามองไม่กี่วิ ก็จากไปอย่างรวดเร็ว
“อะไรกัน!”
และเมื่อมาถึงร้านที่สี่ สิ่งที่น่าประหลาดใจก็ได้ตกลงมาจากฟ้า!
ทันใดนั้น แสงสีขาวก็สว่างขึ้นในตาของเขา ทำให้เย่เทียนตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และอดไม่ได้จนต้องเผลอส่งเสียงร้องเบาๆ ออกไป
นี่เป็นโต๊ะไม้เชอรี่สไตล์บารอกขนาดเล็กที่มีลายเส้นงดงามมาก พร้อมกับเป็นงานฝีมือชั้นดี
ลักษณะภายนอกของมันถูกเห็นในตาของเขา และไม่พบความเสียหายของมัน นับว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์เก่าที่อยู่ในสภาพดีมากเลยทีเดียว
แต่ว่าถึงยังไงมันก็ยังเป็นของมือสอง แต่ว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือในสายตาของเย่เทียนนั้น เขาได้มองเห็นแสงสีขาวซึ่งมีรัศมีสองชั้นส่องออกมา
ตัดสินจากความสว่างของแสงสีขาวแล้ว โต๊ะกลมเล็กๆ นี้ คงมีอายุประมาณ 70 ปี และมาจากปี 1930 ถึง 1940
จากรัศมีที่แสดงออกมา บ่งบอกว่าโต๊ะไม้ตัวเล็กๆ นี้มีคุณค่าทางศิลปะ และเป็นสินค้าที่ไม่ได้รับความนิยาที่สามารถมองเห็นได้ทุกที่
แม้ว่าวันนี้เขาจะไม่ได้วางแผนที่จะซื้อของชิ้นใหญ่ แต่นี่เป็นของโบราณชิ้นแรกที่เขาเห็นในวันนี้ และเย่เทียนอดไม่ได้ที่จะถามเกี่ยวกับมัน
“สวัสดี ขอฉันดูโต๊ะกลมตัวนี้ได้หรือเปล่า?”
เย่เทียนยิ้มพร้อมกับถามเจ้าของร้าน
“ได้ ตามสบายเลย!”
เจ้าของร้านผิวขาวพยักหน้าและตกลง พร้อมกับประกายแห่งความสุขที่วาบผ่านสายตาเขา
“ขอบคุณ!”
เย่เทียนตอบ จากนั้นก็นั่งยองๆ เพื่อตรวจเช็คมัน
เขาไม่ได้ตรวจเช็คอายุและคุณค่าทางศิลปะ เพียงแค่ตรวจสอบความเสียหายจากด้านล่าง จึงทำให้ความเร็วที่ใช้นั้นเร็วมาก
และหลังจากหนึ่งนาทีผ่านไป เย่เทียนก็ลุกขึ้นอย่างพอใจ พร้อมกับถามด้วยรอยยิ้มว่า
“สวัสดี ฉันชอบโต๊ะตัวนี้มาก ฉันขอถามราคาหน่อย? ไม่ทราบว่านายจะขายมันเท่าไหร่? หากเป็นไปได้ ฉันก็อยากจะซื้อมัน”
เย่เทียนใจเต้น!
นี่เป็นของโบราณชิ้นแรกที่เขาเจอตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจจะเป็นนักล่าสมบัติ ซึ่งถือว่ามีค่ากับความทรงจำของเขามาก ดังนั้น เขาจึงวางแผนว่าจะซื้อโต๊ะตัวนี้เพื่อเป็นของที่ระลึกและเก็บไว้ใช้เอง
อีกทั้งที่นี่ก็ไม่ไกลจากบ้านของเขา ตราบเท่าที่เขากลับบ้านด้วยแท็กซี่ มันก็จะไม่ถ่วงของชิ้นอื่น
เมื่อได้ยินคำถามของเย่เทียน เจ้าของร้นก็ตอบออกมาในทันที
“ขอบคุณสำหรับคำชม โต๊ะตัวนี้เป็นโต๊ะไม้เชอรี่สไตล์บารอก มันสวยและไม่ได้รับความเสียหาย ฉันอยากจะขายมันในราคาห้าสิบเหรียญ หากว่านายยอมรับ งั้นนายก็รับมันไปได้เลยหลังจากที่จ่ายเงินแล้ว”
นี่คือความจริงใจของชาวอเมริกัน ด้วยเพราะเป็นของมือสอง ดังนั้นราคาของมันจึงจับต้องได้ หรือกระทั่งว่ามีราคาต่ำ
หากว่านี่เป็นที่พานเจียหยวนที่ปักกิ่ง มันคงเกิดการต่อราคาที่ยาวนายอย่างแน่นอน
เพราะเจ้าของร้านที่พานเจียหยวน หม้อทุกใบของพวกเขา ต่างก็เคยถูกใช้โดยจักรพรรดิเฉียนหลงมาก่อน!
ไม่เพียงแต่พวกเขาจะเสนอราคาที่ทำให้คุณต้องอ้าปากค้างได้เท่านั้น แต่พวกเขายังสามารถบอกเรื่องราวของมันที่ถูกใช้เป็นที่ฉี่ ทำให้คุณรู้สึกเสียใจหากไม่ซื้อมัน และเหมือนกับว่าคุณได้พลาดสมบัติล้ำค่าไป!
เมื่อได้ยินราคาที่เจ้าของร้านเสนอมา เย่เทียนก็เกือบที่จะตกลงในทันที แต่ว่าเขาก็ได้ห้ามตัวเองไว้ พร้อมกับเริ่มต่อราคา
“ห้าสิบเหรียญ! มันแพงเกินไป! ฉันคิดว่าราคาสักยี่สิบเหรียญกำลังดี คุณคิดว่ายังไง?”
เจ้าของร้านผิดหวังเล็กน้อย พร้อมกับส่ายหัวและตอบออกมาว่า
“ไม่ ยี่สิบเหรียญต่ำเกินไป ฉันไม่ยอมรับ”
“งั้นสามสิบเหรียญล่ะ นี่เป็นราคาที่ยุติธรรมมาก และนี่ก็เป็นราคาที่เพียงพอจะซื้อของใหม่ได้จากอิเกียเลย”
เย่เทียนยังไม่ยอมแพ้ และทำการตั้งราคาใหม่
เจ้าของร้านคิดสักพัก แต่ก็เลือกที่จะส่ายหัวปฏิเสธ
“ใช่ นายสามารถซื้อโต๊ะใหม่ได้ด้วยราคาสามสิบเหรียญ แต่มันก็ไม่สวยเท่าโต๊ะตัวนี้ และก็ไม่ได้ทำขึ้นมาจากไม้เชอรี่ด้วย ดังนั้น ฉันจึงยอมรับกับราคานี้ไม่ได้!”
“แล้วถ้าเป็นสามสิบห้าเหรียญล่ะ? นี่เป็นราคาสูงสุดที่ฉันจะจ่ายไหวแล้ว หากคุณตกลง งั้นฉันก็จะจ่ายมัน หากไม่ ฉันคงทำได้เพียงรู้สึกเสียดายเท่านั้น”
เย่เทียนแสร้งทำเป็นเจ็บปวดกับข้อเสนอล่าสุด
เจ้าของร้านเงียบไปอีกครั้ง พร้อมกับคิดว่าจะยอมรับราคานี้หรือไม่
สิบวินาทีต่อมา เขาก็ให้คำตอบ เขายิ้ม พร้อมกับยื่นมือออกมาจับมือกับเย่เทียน
“ตกลง ดีล! นายเป็นลูกค้าคนแรกของวันนี้ แม้ว่านายจะต่อราคา แต่ก็เป็นราคาที่ยอมรับได้!”
“ดีล ฉันชอบโต๊ะตัวเล็กนี้ ขอบคุณสำหรับธุรกิจ!”
เย่เทียนจับมือกับอีกฝ่ายด้วยความตื่นเต้น พร้อมกับสรุปการซื้อขาย
จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า
“ฉันยังต้องหาซื้อของอื่นๆ อีก ดังนั้น โต๊ะตัวนี้คงต้องฝากไว้ที่คุณก่อน และไว้หลังจากซื้อเสร็จฉันจะกลับมาเอา คุณคิดว่ายังไง?”
“ได้ แต่นายต้องจ่ายบางส่วนของสินค้าก่อน สักประมาณสิบเหรียญ!”
เจ้าของร้านพยักหน้าและบอกเงื่อนไข
“ตกลง นี่เงิน”
หลังจากคุยเสร็จ เย่เทียนก็หยิบเงินสิบเหรียญออกมาส่งให้กับเจ้าของร้าน
จากนั้น เขาก็ถ่ายรูปโต๊ะด้วยมือถือของเขา และก่อนจะจาก เขาก็ได้แลกเบอร์ติดต่อของกันและกัน จากนั้นจึงออกไปจากที่นี่ไปยังร้านถัดไป
หลังจากรับเงินประกันแล้ว เจ้าของร้านก็หยิบผ้าออกมาคลุมโต๊ะเอาไว้ทันที เป็นเครื่องหมายว่ามันได้ถูกขายไปแล้ว
เย่เทียนยังคงเดินสแกนและเยี่ยมชมร้านค้ามากกว่าสิบร้าน แต่ก็ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมืออีก
เมื่อเขาเดินผ่านร้านเหล่านี้ เขาก็จะเหลือบมองครั้งสองครั้ง เมื่อพบว่าไม่มีแสงจากของโบราณส่องออกมา เขาก็จะไม่หยุด และเดินไปยังร้านถัดไปทันที
นี่ทำให้เขาสามารถตรวจดูตลาดและซื้อของที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว!
เย่เทียนยังคงไม่หยุดจนกระทั่งไปถึงร้านที่ยี่สิบ และมองดูบางสิ่งที่ขายอยู่ในนั้น
ซึ่งเขาได้เห็นประกายแสงสีแดงที่สว่างในดวงตาของเขา ซึ่งดูแล้วงดงามเป็นอย่างมาก!
ของโบราณจากศตวรรษที่ 19!
นี่ทำให้หัวใจของเย่เทียนเต้นราวกับจะระเบิดออกมา!