THW ตอนที่ 11+12(1/3)
THW ตอนที่ 11+12(1/3) ชุดเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารชั้นสูงในศตวรรษที่ 19 + การเสนอราคาที่บ้าคลั่ง
ที่ปรากฏตรงหน้าสายตาเย่เทียนคือเซ็ตเครื่องเงินสำหรับใช้บนโต๊ะอาหารสไตล์ตะวันตก ซึ่งถูกแพ็คอยู่ในกล่องไม้เบสวูดที่งดงาม
กล่องนี้งดงามมาก มันรูปลักษณ์ในแบบนีโอคลาสสิคัล แต่ว่าตัวกล่องไม่มีแสงสาดออกมา เห็นได้ชัดว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในช่วงห้าสิบปีนี้
แต่ถึงอย่างนั้น กล่องนี้ก็มีราคาหลายเหรียญอยู่ ด้วยรูปลักษณ์ที่ดงงามของมันบวกกับเป็นงานทำมือด้วย
แต่สิ่งที่ดึงดูดเย่เทียนจริงๆ นั่นก็คือชุดเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารที่อยู่ข้างในครบเซ็ตนั่นต่างหาก
ชุดเครื่องใช้นี้เหมือนว่าจะมีอายุหลายปี ตัวเครื่องเงินนั้นเกิดการออกซิไดซ์และเป็นสนิม ดูไม่น่าดูอย่างมาก และสกปรกเล็กน้อย แต่ว่ามันก็ไม่ได้ส่งผลต่อราคาโดยรวม
เพราะว่ามันมีหลายวิธีที่จะกำจัดออกไซด์ที่อยู่บนผิวเครื่องเงินนี้ออกไปได้ง่ายๆ และทำให้มันกลับมาเหมือนใหม่โดยที่ไม่ทำอันตรายอะไรต่อเครื่องเงินพวกนี้เลย
และเครื่องเงินนี้ก็เป็นแบบเดียวกล่องไม้เบสวูดที่เป็นสไตล์นีโอคลาสสิคัล ที่ดูงดงามและทรงเกียรติ เหมาะสำหรับใช้ในตระกูลขุนนาง
และแสงสีแดงที่แยงตาเย่เทียนนี้ก็ออกมาจากชุดเครื่องใช้นี้ ซึ่งสีของมันสดมาก เป็นสีแดงที่สว่างเลยทีเดียว
จากสิ่งนี้ ทำให้เขาตัดสินใจได้ว่าพวกมันนั้นถูกผลิตมาในปีราวๆ 1850
และนอกจากแสงสีแดงแล้ว มันมีรัศมีเจ็ดหรือแปดชั้น ซึ่งทำให้หัวใจของเย่เทียนเต้นแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก!
ชุดเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารนี้ไม่ใช่ธรรมดาเลย! ซึ่งทั้งหมดนี้มีความเป็นไปได้ว่าพวกมันจะถูกผลิตด้วยมือ และบางทีอาจจะเกิดจากฝีมือของศิลปินที่มีชื่อเสียง!
ซึ่งเครื่องใช้พวกนี้ไม่ใช่อุปกรณ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่เป็นของระดับสูงสำหรับเก็บสะสม ซึ่งบ่อยครั้งจะถูกแสดงเพื่อให้เห็นถึงพลังและฐานะ โดยเฉพาะเหล่าคนชั้นสูงในยุโรปและอเมริกา ที่นิยมใช้เครื่องใช้ทำมือพวกนี้เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการแสดงฐานะ
สำหรับวันนี้นั้น ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร เขาก็ต้องเอาเซ็ตเครื่องใช้พวกนี้มาให้ได้ และเย่เทียนก็ได้ทำการตัดสินใจขึ้นในใจทันที
ไม่ว่าจะนำมันไปเพื่อทดสอบทักษะที่ได้มา หรือเปลี่ยนมันเพื่อเป็นเงิน ทั้งหมดนี้ก็ล้วนแต่เป็นธุรกิจที่คุ้มค่า แล้วอย่างนี้คุณจะพลาดมันได้ยังไงหากว่าคุณได้เจอมันเข้า!
ในวินาทีถัดไป เขาก็ยิ้มพร้อมกับเริ่มเดินเข้าไปคุยกับเจ้าของร้าน
เจ้าของร้านนั้นเป็นชายผิวขาวอายุราวๆ สี่สิบถึงห้าสิบปี พร้อมกับหุ่นหมีไว้หนวด ที่มีรูปลักษณ์ที่เหมือนผ่านประสบการณ์ในชีวิตมา
“สวัสดี ไม่ทราบว่าฉันจะขอดูชุดเครื่องใช้นี้หน่อยได้หรือเปล่า?”
“ตกลง ดูตามสบาย แต่อย่าได้ทำมันเสียหายและเปลี่ยนตำแหน่งมัน”
เจ้าของร้านมองมา พร้อมกับพยักหน้าตกลง จากนั้นก็หยิบกล่องเครื่องใช้นั้นมาวางไว้ตรงหน้าเย่เทียน
เย่เทียนไม่ได้ยื่นมือไปหยิบมันขึ้นมา แต่รอให้เจ้าของร้านจัดมันก่อนจะค่อยเช็คดูอีกที
แม้ว่าเขาจะเพิ่งเข้ามาในธุรกิจนี้ แต่กฎพื้นฐานบางอย่างเขาก็ยังคงเข้าใจดี
นั่นคือคุณจะต้องไม่แตะต้องของโบราณของคนอื่น นอกจากว่าฝั่งตรงข้ามจะวางมันไว้อย่างมั่นคงแล้ว จากนั้นคุณถึงสามารถดูได้ ส่วนจะสัมผัสมันได้หรือไม่นั้น อันนี้ก็แล้วแต่จะตกลงกัน
ซึ่งแน่นอนว่าชาวต่างชาติจะไม่เล่นของโบราณของจีน อีกทั้งพวกเขายังต่อต้านด้วย!
“มันใจได้ ฉันจะให้ความสนใจกับเรื่องนี้อย่างดี”
เย่เทียนตอบรับ จากนั้นก็นั่งยองๆ พร้อมกับเริ่มเช็คเครื่องใช้ชุดนี้
กระบวนการตรวจสอบเป็นไปอย่างธรรมดามาก เพียงแค่ตรวจดูว่าพวกมันมีตำหนิอะไรหรือเปล่า หรือว่าได้รับความเสียหายจากการกัดเซาะของสนิมพวกนี้หรือไม่
มันไม่ได้รับความเสียหาย นอกจากสนิมแล้ว ก็ไม่มีอะไรผิดปกติอีก
แต่ก็มีสิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่ง นั่นก็คือบนเครื่องใช้พวกนั้น มีสัญลักษณ์พิเศษอยู่!
ซึ่งบนส่วนบนของเครื่องใช้แต่ละชิ้นนั้น ต่างก็มีตัวอักษร J หวัดๆ เล็กๆ อยู่
นี่น่าจะเป็นตัวอักษรตัวเลขของชื่อ ไม่อย่างนั้นก็ต้องเป็นชื่อโรงงาน ไม่ก็ชื่อลูกค้าผู้สั่งทำ
ซึ่งมันน่าเสียดายที่เย่เทียนไม่รู้ว่านี่เป็นชื่อของใคร! เขาไม่รู้ว่ามีช่างฝีมือผู้มีชื่อเสียงในยุคศตวรรษที่สิบแปดคนไหนที่ใช้ตัวอักษรนี้เป็นโลโก้ส่วนตัวของเขา
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าตัวอักษรนี้เป็นของใคร แต่เย่เทียนก็ตัดสินใจว่าชุดเครื่องใช้ทำมือชั้นสูงนี้ จะต้องมาจากช่างฝีมือที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งแน่
ต้องเอามันมาให้ได้! ตราบเท่าที่ราคาอยู่ในขีดจำกัดที่เขารับได้ เขาก็จะเอามันมาเป็นของเขา!
เย่เทียนวางเครื่องใช้พวกนี้ลงทีละชิ้น จากนั้นก็ผลักมันกลับไปตรงหน้าเจ้าของร้าน จากนั้นก็เริ่มการสอบถามราคา
“เครื่องเงินชุดนี้เยี่ยมมาก! คุณคิดจะขายมันเท่าไหร่? หากว่าราคาใช้ได้ ฉันก็อยากจะซื้อมัน”
เจ้าของร้านหน้านิ่ง ในที่สุดก็ได้เผยรอยยิ้มออกมา ราวกับกำลังเห็นแบงก์ดอลลาร์สีเขียวกำลังโบกสะบัดตรงหน้าเขา นั่นจึงทำให้อารมณ์ของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
“เจ้าหนุ่ม นายตาแหลมมาก ที่รับรู้ถึงความงดงามของมัน ชุดเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารนี้ยอดเยี่ยมมาก พร้อมกับประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ยามนายกำลังทานอาหาร ก็จะเหมือนกับกำลังลิ้มลองรสชาติแห่งประวัติศาสตร์ มันให้ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมาก!”
นั่นไง! เจ้าของร้านเริ่มเล่นหลอกคนโง่ด้วยการเล่าประวัติแล้ว! นี่เป็นการเริ่มการแสดงหลอกคน!
เย่เทียนฟังไปพร้อมกับยิ้มไปด้วย และก็ไม่ขวางคนอื่นที่กำลังเล่าประวัติด้วยท่าทางน่าสนใจ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้หลงเชื่ออีกฝ่าย เขายังคงมีสีหน้าที่แน่วแน่ที่ได้ตัดสินใจไปแล้ว!
เขาตอนนี้ได้ตัดสินคุณค่าของชุดเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารพวกนี้ และเข้าใจในราคาเครื่องเงินของชุดเครื่องใช้พวกนี้ในตลาด ดังนั้น เขาย่อมรู้ว่าเขาสามารถจ่ายได้มากที่สุดแค่ไหน
อย่าฟังว่าเรื่องเล่าของเจ้าของร้านจะดูลื่นไหลอย่างมากแต่ว่าเขาแน่นอนว่าย่อมไม่เข้าใจคุณค่าของชุดเครื่องใช้พวกนี้ ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่เอามันมาขายในตลาดนัดแห่งนี้ หากเขารู้ เขาคงนำมันไปขายยังร้านขายของโบราณนานแล้ว!
บางทีมันอาจมาจากของใช้ในบ้านที่ถูกทิ้งที่เขาซื้อมา และนำมันมาเปลี่ยนเป็นเงินที่นี่
หลังจากพูดจนน้ำไหลไฟดับ สุดท้าย ก็เข้าเรื่องได้ในที่สุด
“จากประวัติด้านบน ฉันคิดว่าเครื่องใช้ชุดนี้ควรมีราคาที่ 800 เหรียญ! นายคิดว่ายังไง? หากนายคิดว่าเหมาะสม นายสามารถซื้อมันไปได้เลย”
เย่เทียนเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาเมื่อได้ฟังราคาที่เจ้าของร้านเสนอมา
อุตส่าห์เล่าประวัติออกมาตั้งยาว แต่สุดท้ายกลับต้องการเพียง 800 เหรียญเท่านั้น
เพื่อน นายนี่ช่างซื่อสัตย์จริงๆ!
หากเปลี่ยนเป็นที่ตลาดขายของจีนโบราณนะ ด้วยประวัติที่เล่ามา มันคงไม่แปลกหากคนขายจะเสนอราคา 8 ล้าน! ไม่อย่างนั้น มันจะคุ้มค่าได้ยังไง?
ต่อให้จะเป็นอย่างนั้น เย่เทียนก็ไม่ได้พยักหน้าตกลงในทันที แต่เริ่มการต่อรองแทน แน่นอนว่ายิ่งได้ราคาถูกเท่าไหร่ยิ่งดี! ในขณะเดียวกัน การได้ต่อราคาก็เป็นเรื่องสนุกอย่างหนึ่ง
“800 เหรียญ? ไม่! นี่มันไม่แพงเกินไปหรือไง? จริงอยู่ที่นั่นราคาของชุดเครื่องเงินสำหรับใช้บนโต๊ะอาหารชั้นดีหนึ่งชุด แต่ว่าของนายเป็นของมือสอง แน่นอนว่าราคาของมันย่อมไม่สูงขนาดนั้นแน่
อีกทั้งฉันยังต้องทำความสะอาดสนิมพวกนั้นอีก ซึ่งต้องใช้ทั้งเงินและเวลา ฉันคิดว่าราคาสัก 300 เหรียญกำลังดี นี่ถือเป็นราคาตลาด และเป็นราคาที่สมเหตุสมผลที่สุด”
ฟังราคาที่เย่เทียนเสนอออกมา เจ้าของร้านก็หน้าแดงนิดหน่อย และเขารู้ว่าราคาที่ตนเสนอมไปนั้นไม่น้อย! แต่หลังจากได้ฟังมัน สีหน้าของเขากลายเป็นน่าเกลียดเล็กน้อย
ราคาที่เย่เทียนเสนอมานั้นนับว่าแม่นยำอย่างมาก แต่หากเป็นอย่างนั้น เขายังจะนำมันมาขายยังตลาดนัดนี้อีกทำไม! คงจะดีกว่าหากเขานำมันไปขายยังร้านทองโดยตรง และเขาก็จะได้ราคานี้ด้วย
ด้วยความพยายามที่มากขึ้นนิดหน่อย คุณจะไม่อยากขายได้ราคาที่สูงกว่านี้เหรอ! ใครมันจะไปเต็มใจทำงานที่เหนื่อยฟรีๆ กัน?
เจ้าของร้านไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เย่เทียนอยู่ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการเงินมาก่อน และทำให้เขารู้ถึงราคาของของล้ำค่าเป็นธรรมดา! แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ปล่อยให้ถูกเอาเปรียบอย่างแน่นอน
“300 เหรียญ ไม่! ฉันไม่สามารถยอมรับได้ มันต่ำเกินไป! 700 เหรียญแล้วกัน ฉันยอมถอยให้นายก้าวหนึ่ง”
เจ้าของร้านส่ายหัวอย่างแน่วแน่ พร้อมกับเสนอราคาใหม่
เย่เทียนยิ้มและเพิ่มราคาขึ้นอีกครั้ง
“แล้วถ้าหากเป็น 400 เหรียญล่ะ? นี่มันเกินราคาจริงของชุดเครื่องใช้พวกนี้แล้ว นายจะว่าไง!”
ประกายความสุขวาบผ่านสายตาของเจ้าของร้าน แต่เขาก็ทำการคิดสักพัก พร้อมกับส่ายหัวปฏิเสธ
“ฉันยังคงยอมรับราคานี้ไม่ได้ 650 เหรียญแล้วกัน นี่เป็นขีดต่ำสุดที่ฉันให้ได้แล้ว! หากตกลง นายก็จ่ายเงินแล้วรับมันไป แต่หากว่าไม่ งั้นก็ลืมมันไปเถอะ!”
เย่เทียนไม่เชื่อว่านี่จะเป็นราคาต่ำสุดของอีกฝ่าย!