88 - เตรียมการ
88 - เตรียมการ
“คัมภีร์เต๋าที่แท้จริงนั้นยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน!”
เย่ฟ่านคร่ำครวญด้วยความสุข เขาเชื่อว่าเขาสามารถไปได้ไกลและฝ่าฟันคำสาปของร่างศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เขามี
แม้ว่าจะได้รับทั้งหมดนี้แล้วแต่เขาก็ยังไม่พอใจในตนเอง เขารู้ว่ามีคัมภีร์โบราณสองสามข้อที่สามารถแข่งขันกับคัมภีร์เต๋าและลึกซึ้งอย่างไม่รู้จบ
พวกมันยังเป็นชุดที่สมบูรณ์และไม่สูญหาย ณ จุดนี้พวกมันน่าจะอยู่ในมือของแดนศักดิ์สิทธิ์หรือตระกูลขุนนางโบราณ .
“ในปัจจุบันนี้ ศาสตร์ลึกลับที่ข้าฝึกฝนจะไม่อ่อนด้อยกว่าใคร จุดเริ่มต้นของข้าจะไม่ต่ำกว่าใคร” ดวงตาของเย่ฟ่านดูเหมือนจะเปล่งประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ในขณะที่เขาพูดต่อ
“ข้าจะสร้างทะเลแห่งความทุกข์ของข้าและปล่อยให้น้ำพุศักดิ์สิทธิ์หลั่งไหลออกมา สร้างสะพานจิตวิญญาณและไปถึงอีกฝั่งหนึ่ง
หลังจากนั้นร่างกายของข้าก็จะเปลี่ยนแปลงเก้าครั้งก่อนที่ข้าจะกลายเป็นผีเสื้อ
…………….
หลังจากรับประทานอาหารเย็นเย่ฟ่านยังคงศึกษาคัมภีร์เต๋า ตลอดทั้งคืนเขาถูกแช่อยู่ในสภาวะที่ลึกซึ้งนี้ พลังปราณถูกกระจายอยู่เหนือทะเลสีทองแห่งความทุกข์ของเขา
มันเป็นวันที่สองเย่ฟ่านถึงค่อยๆตื่นจากสภาวะนี้ โดยไม่รู้สึกง่วง แก่นแท้ของพลังปราณแห่งชีวิตภายในทะเลแห่งความทุกข์ของเขาได้ไหลออกมาและทำให้เขารู้สึกสดชื่นและสบายใจ
“พี่ใหญ่ ได้เวลากินข้าวเช้าแล้ว……”
ถิงถิงน้อยกระโดดไปมาขณะที่นางมาเรียกเย่ฟ่านไปทานอาหารเช้า ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข
แม้ว่าเสื้อผ้าบนเรือนร่างของนางจะไม่สมส่วนมิหนำซ้ำยังเก่าและขาดรุ่งริ่งเป็นหย่อมๆ แต่ก็ยากที่จะปกปิดความเปล่งประกายของนางจากวัยเยาว์ที่ร่าเริงได้
เย่ฟ่านคร่ำครวญว่าเด็กยังเป็นเด็ก หลังจากประสบเหตุการณ์เมื่อวานและความคับข้องใจมากมาย เมื่อนางหลับและตื่นขึ้น นางก็ไม่รู้สึกเศร้าอีกต่อไปและได้ลืมความทุกข์ทั้งหมดไปแล้ว
“ถิงถิง มีความสุขหรือเปล่า?” เย่ฟ่านยิ้มขณะที่เขาถาม
"ใช่!" ถิงถิงพยักหน้าอย่างจริงจัง “มีอาหารอยู่แล้วและท่านปู่ไม่ต้องอดอาหารเพื่อข้า ถิงถิงมีความสุขมากจริงๆ!”
เย่ฟ่านจ้องมองอย่างว่างเปล่า ไม่คิดว่าความสุขของคนคนหนึ่งจะเกิดขึ้นอย่างง่ายดายแบบนี้ ขอเพียงได้กินอาหารอย่างเพียงพอถิงถิงก็พึงพอใจแล้ว
เมื่อมองดูใบหน้าที่ร่าเริงของนางซึ่งเต็มไปด้วยความสุข ความสง่างามนั้นส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อเย่ฟ่านในขณะที่เขาเคาะศีรษะของตัวเองเบาๆ
………...
ใกล้เวลาเที่ยง ชายวัยกลางคนที่มาจากตระกูลหลี่กลับมาอีกครั้งและเมื่อเขาเห็นร้านปิดเขาก็ตะคอกออกไปว่า
“เปิด นายท่านคนนี้อยากกิน!”
ภายในร้านถิงถิงรู้สึกประหม่าอย่างยิ่งและดวงตาเบิกกว้างของนางก็เต็มไปด้วยความกลัว นางกอดชายชราไว้แน่นขณะที่ลุงเจียงก็ตบหลังนางเบาๆ
เย่ฟ่านยืนอยู่ในบ้านและได้ยินคำหยาบคายเหล่านั้น เขาค่อยๆ ขมวดคิ้วขณะที่ดวงตาของเขาเย็นลง
“เอาล่ะ เฒ่าเจียงถ้าเจ้าไม่เต็มใจทำธุรกิจก็อดตายซะ! เจ้าอายุเจ็ดสิบแปดสิบปีแล้ว ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะทำอะไรได้!”
ผู้คนที่อยู่ข้างนอกซึ่งใช้ความรุนแรงได้ทำลายกระถางดอกไม้สองใบที่อยู่ข้างนอกก่อนที่จะใช้มีดกรีดประตูและส่งเสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่งก่อนจะจัดไป
“ท่านปู่……” เป็นเวลานานก่อนที่ถิงถิงจะถามอย่างอายๆ “พรุ่งนี้คนเลวเหล่านั้นจะยังกลับมาอีกไหม”
“ไม่เป็นไร ถิงถิง ไม่ต้องกลัว ท่านปู่จะไม่ปล่อยให้พวกเขาทำร้ายเจ้า” ชายชราปลอบนางตลอดเวลา
ถิงถิงพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “คนเลวพวกนั้นทำเรื่องแย่ๆทุกวัน ทำไมไม่มีคนดีๆมาสอนบทเรียนให้กับพวกเขาล่ะ?”
เย่ฟ่านรู้สึกว่าคำพูดของเด็กนั้นตรงไปตรงมาที่สุดในโลกนี้ แม้ว่าจะมีความอยุติธรรมเกิดขึ้นอยู่ต่อหน้าแต่ก็ไม่มีใครสนใจที่จะแก้ไขเรื่องนี้
“อย่ากังวลไป ถิงถิง พวกมันจะไม่กลับมาในวันพรุ่งนี้แน่นอน”เย่ฟ่านหมอบลงในขณะที่เขายิ้ม
“มาเถอะ ไปกินข้าวกันเถอะข้าจะทำอาหารอร่อยๆให้เจ้าทานเป็นอาหารกลางวัน”
“พี่ใหญ่รู้วิธีทำอาหารหรือ?” ตาของถิงถิงเต็มไปด้วยความเคลือบแคลง
“ตั้งใจดูให้ดีข้าจะให้เจ้าเห็นทักษะของข้า ข้ารับประกันว่าเจ้าจะไม่เคยกินอะไรแบบนี้มาก่อน”
เด็กหญิงตัวเล็กกระพริบตาโตด้วยความไม่เชื่อ
“ข้าไม่เชื่อเจ้า ท่านปู่ทำอาหารอะไรก็ได้ เมื่อก่อนเรามีร้านอาหาร ท่านปู่จะทำอาหารดีๆให้ข้ากินทุกวัน”
“ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน เจ้าเคยกินมาก่อนหรือเปล่า” แม้ว่ามันจะเป็นอาหารง่ายๆจากบ้านเกิดของเขา แต่เย่ฟ่านไม่เชื่อว่ามันจะเคยปรากฏอยู่ในสถานที่นี้มาก่อน
ใบหน้าของถิงถิงเกิดความสับสนขึ้นเมื่อนางถามว่า
“จะใส่น้ำตาลกับซี่โครงหมูได้อย่างไร”
แม้แต่ชายชราที่อยู่ข้างๆก็แสดงสีหน้าสับสน ดูเหมือนว่าเย่ฟ่านจะเป็นยอดกุนซือที่ถนัดในการถกกลยุทธ์บนกระดานเท่านั้น(เก่งแต่ทฤษฎี)
อย่างไรก็ตามเมื่อเย่ฟ่านปรุงหมูเปรี้ยวหวานที่เตรียมไว้อย่างเหมาะสมแล้ว อาหารจานนี้ก็อร่อยและทำให้ใบหน้าของถิงถิง สดใสด้วยรอยยิ้ม
เย่ฟ่านชอบบรรยากาศที่มีความสุขและสงบสุขแบบนี้ มันทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่บ้านและปล่อยให้เขารู้สึกว่าเขาได้พบที่อยู่อาศัยแล้ว
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ชายชราก็พาถิงถิงไปงีบหลับในยามบ่ายก่อนจะชงชาและวางไว้บนโต๊ะแปดด้าน เขาถามเย่ฟ่านว่า
“เจ้าหนู ไม่ว่าเจ้าจะคิดจะทำอะไร ได้โปรดอย่าฝืนตัวเอง……”
เย่ฟ่านยิ้มแล้วตอบว่า
“ท่านลุง อย่ากังวลไปเลยว่าจะมีอะไรผิดพลาด อันที่จริงใครๆ ก็เป็นคนเลวได้ สำคัญอยู่ที่ว่าเขาต้องการเป็นคนเลวหรือไม่”
“เจ้าคิดจะทำอะไร”
“ถ้าคิดไตร่ตรองให้ดี การทำร้ายใครก็ไม่ใช่เรื่องยาก ข้ามีหลายร้อยวิธีที่จะแก้แค้นพวกเขา แต่ข้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น ข้าจะใช้วิธีการที่ง่ายที่สุดในการจัดการกับพวกเขา
ข้าจะทำให้พวกเขายุ่งอยู่กับการดูแลตัวเอง หลังจากนั้นพวกเขาจะไม่มีเวลามายุ่งเกี่ยวกับท่าน เมื่อข้าแข็งแกร่งขึ้นในอนาคตพวกมันจะไม่มีโอกาสมาที่นี่อีกได้ซ้ำ”
เย่ฟ่านออกจากเมืองเล็กๆแห่งนี้ในตอนบ่าย เขาไม่ต้องการที่จะวางแผนต่อต้านตระกูลหลี่ ตราบใดที่ผู้บ่มเพาะของพวกเขาไม่กลับมาเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น
เขารู้อยู่แล้วว่าตระกูลหลี่จะไปที่เมืองใหญ่ทุกเดือนเพื่อซื้อสินค้าและอาหาร พวกเขาผูกขาดธุรกิจมากกว่าครึ่งในเมืองเล็กๆแห่งนี้
และพรุ่งนี้จะเป็นวันที่พวกเขามุ่งหน้าไปยังเมืองเพื่อซื้อสินค้า ชายวัยกลางคนที่มีผิวสีเหลืองเป็นผู้รับผิดชอบภายในตระกูลหลี่ และเรื่องเหล่านี้มักจะถูกจัดการโดยเขา
เมืองในเขตปกครองอยู่ห่างจากเมืองเล็กๆเจ็ดถึงแปดลี้และมีความเจริญรุ่งเรืองมากกว่าเมืองเล็กๆมาก
มีคนมากกว่าหมื่นคนที่นั่น และสองข้างทางของถนนก็เต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย เนื่องจากเสียงของการซื้อและขายของได้บุกเข้ามาในประสาทสัมผัสอย่างต่อเนื่อง
สำหรับเย่ฟ่านที่มีร่างกายอันโดดเด่น ระยะทางนี้ไม่ใช่ปัญหาและอีกเพียงหนึ่งชั่วยามต่อมาเขาก็ไปถึงตลาดได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับขายหมูป่า 2-3 ตัวที่เขาล่ามาจากป่า
เขาซื้อขนมและของเล่นหลายอย่างให้ถิงถิงรวมถึงเสื้อผ้าและรองเท้าสองสามชุด ในที่สุดเขาก็ซื้อของบางอย่างเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันถัดไป
ในตอนที่ท้องฟ้ามืดเขาก็กลับมาที่ร้าน จุดประสงค์หลักในการออกเดินทางในวันนี้คือการตรวจสอบเส้นทางระหว่างเมืองเล็กๆ กับเมืองในมณฑลเพื่อมองหาพื้นที่ที่รกร้างและเปลี่ยว
ถิงถิงรู้สึกยินดีและตื่นเต้นที่ได้เห็นเสื้อผ้าที่สวยงามและรอยยิ้มกว้างๆก็ปรากฏบนใบหน้าของนาง เมื่อเปิดห่อที่บรรจุขนมและของเล่น นางวางขนมลงในปากของชายชราและเย่ฟ่านก่อนจะกินบางอย่างด้วยตัวนางเองอย่างมีความสุข
“ถิงถิง ทำไมเจ้าไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าล่ะ”เย่ฟ่านถามนาง
“ข้าอยากใส่มันในอนาคต เสื้อผ้าที่ข้าใส่ยังใส่ได้” นางห่อเสื้อผ้าใหม่อย่างระมัดระวัง
เมื่อมองดูการแต่งกายของนางในเสื้อผ้าที่เย็บและปะติดเย่ฟ่านก็คร่ำครวญ เด็กจากตระกูลที่ยากจนทำให้หัวใจเจ็บปวดและเมื่อยังเด็กเขาก็เข้าใจเรื่องนี้ดีแล้ว แต่เมื่อมันออกมาจากปากของเด็กหญิงตัวเล็กๆมันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก
“ไม่ต้องห่วงในอนาคตถิงถิงจะมีเสื้อผ้าใหม่ให้ใส่ทุกวัน รีบไปเปลี่ยนเร็วเข้า”
เย่ฟ่านรู้สึกเห็นใจถิงถิงซึ่งเป็นเด็กสาวที่น่ารักและลุงเจียงที่เป็นผู้อาวุโส หากพวกเขาถูกรังแกอีกครั้งสวรรค์คงใจร้ายมากเกินไป