451-452
Ep.451
“ไม่ได้โกหกกันใช่ไหม?”
สีหน้าท่าทีของซูเฉินแปรเปลี่ยน ไม่อาจรักษาความสงบได้อีกต่อไป
เพราะด้วยความแข็งแกร่งที่คงกระพันในเลเวลเดียวกันของเขา ด้วยกำลังรบที่สามารถสังหารศัตรูที่เหนือชั้นกว่า หากเขาได้รับหุ่นเชิดที่มีความสามารถในการต่อสู้เช่นเดียวกับร่างเดิม ลองคิดดูเถอะกำลังรบของเขาจะทะยานไปถึงขั้นไหน?
ถึงเวลานั้น เกรงว่าการกดดันหรือกำจัดศัตรูที่มีเลเวลสูงกว่าสองขั้น คงกลายเป็นเรื่องง่ายดาย
“เจ้านาย นี่คือเรื่องจริง” ต้นผลอายุวัฒนะยืนยันหนักแน่น
ซูเฉินค่อยๆใจเย็นลง จากนั้นเอ่ยถามว่า “แล้วการสร้างจิตที่สอง จำเป็นต้องใช้ผลจำลองจิตกี่ผล?”
“สิบ”
ซูเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะตอนนี้เขามีเพียงสามลูกในมือ ยังขาดอีกมากกว่าครึ่ง
เช่นนั้นอีกเจ็ดผลที่เหลืออยู่ที่ไหนกัน? ยังอยู่ในมือของหญิงสาวคนนั้นใช่หรือไม่?
แต่ไม่ว่าจะอยู่ในมืออีกฝ่ายหรือไม่ ความจริงที่ว่าอีกเธอโยนเข้ามาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ฉะนั้นยังไงคงต้องลองไปถามดู
ขณะที่ซูเฉินกำลังจะเอ่ยปากให้ [รถศึกอัจฉริยะ] ไล่ตามเรือไม้ลำเล็กไป เรือเหล็กลำใหญ่ก็แล่นเข้ามาขวางเบื้องหน้า ปิดเส้นทางเอาไว้เสียก่อน
แทบจะในทันทีหลังจากนั้น ปรากฏร่างของชายกว่าสิบคนบนเรือเหล็ก หัวหน้าของพวกเขา คือชายชราที่มีใบหน้าดำขลับ และชายหนุม่หน้าตาดีในชุดจีน
พวกเขามองไปยังซูเฉิน หลังจากกวาดสำรวจดูคร่าวๆ เสียงข่มขู่ของชายหนุ่มก็ดังขึ้นก่อนเป็นคนแรก “เจ้าหนู มอบของในมือมา แล้วฉันจะไว้ชีวิตแก!”
ซูเฉินปาดจมูกเขา กล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ของในมืออะไรไม่รู้เรื่อง ฉันต้องคืนอะไรให้แก?”
แน่นอน เขากระจ่างแก่ใจ ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายขอมาคือผลจำแลงที่หญิงสาวโยนให้เขา แต่แล้วไง? เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับอีกฝ่าย? ทำไมเขาต้องมอบมันให้ด้วย?
“เจ้าหนู อย่าแกล้งทำเป็นโง่ไปหน่อยเลย แกรู้รึเปล่าว่าพวกเราเป็นใคร? ถ้าไม่ยอมยกของมาอย่างว่าง่าย วันนี้ก็อย่าหวังเลยว่าจะมีชีวิตรอดไปได้!” เสียงของชายหนุ่มเริ่มเย็นชา มีกระทั่งร่องรอยสังหารสะท้อนในแววตาเขา
ซูเฉินยิ้ม ขณะเดียวกับดวงตาค่อยๆหรี่แคบลง
เขาเคยเห็นคนที่นึกว่าตัวเองแน่แบบนี้มาแล้วหลายครั้ง เกือบทุกที่ๆเขาไป มักพบเจอคนประเภทนี้เข้ามาคุกคามเสียทุกครั้ง
ทว่า จุดจบของพวกมัน ล้วนตกตายลงด้วยน้ำมือเขา
“แล้วถ้าฉันไม่ส่ง แกจะทำไม?” ซูเฉินกล่าวด้วยท่าทางไม่เป็นมิตร
สรรพคุณของผลจำลองจิตนั้นมีประโยชน์ต่อเขามาก ฉะนั้นไม่ต้องกล่าวถึงการส่งมันคืน ตรงกันข้าม เขาอยากรวบรวมมันให้ครบ
“เป็นแกเองนะที่บังคับให้ฉันลงมือ”
ชายหนุ่มแค่นเสียงฮึ่ม หันไปส่งสายตาให้ชายร่างกำยำในชุดดำที่อยู่ข้างๆเขา
แต่ขณะที่ชายชุดดำกำลังจะเคลื่อนไหว ก็ถูกชายชราหน้าดำขลับหยุดไว้ซะก่อน “นายน้อย อย่าเพิ่งรีบร้อน”
ชายชราหน้าดำกระซิบ หันไปทางซูเฉินอีกครั้ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองว่า “สหายผู้นี้ ผลไม้สามลูกในมือคุณ เดิมมันเป็นของพวกเรา แต่ดันถูกใครบางคนขโมยไป พวกเรารีบไล่ตามหญิงสาวหัวขโมยมานานแล้ว หวังว่าคุณจะส่งคืนให้แก่เรา”
ซูเฉินแม้ยังดูเด็ก แต่กลับให้ความรู้สึกบางอย่างไม่ธรรมดา เมื่อไม่ทราบถึงที่มาที่ไปของซูเฉิน เขาจึงไม่อยากสร้างความขัดแย้งกับซูเฉิน
“ที่บอกว่าเป็นของพวกแก มีหลักฐานอะไรไหม?” ซูเฉินกล่าวอย่างไม่แยแส
สิ่งที่อีกฝ่ายพูดจะเป็นจริงหรือเท็จ อันนี้เขาไม่รู้ แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจน คือชายชราหน้าดำขลับและคนอื่นๆกำลังไล่ตามหญิงสาว จุดประสงค์ก็เพื่อทวงผลจำแลงจิตคืน
ดังนั้นการที่หญิงสาวโยนผลจำลองจิตให้เขา เห็นได้ชัดว่าเป็นการโยนขี้ ชักนำภัยพิบัติเข้ามา เพื่อบีบให้เขาต้องปะทะกับชายหน้าดำขลับ ส่วนเธอจะได้ใช้โอกาสนี้หลบหนีไป
อาจกล่าวได้เลยว่า แผนการของหญิงสาวคนนี้ฉลาดเฉลียวมาก
“คุณต้องการหลักฐานอะไร?” ใบหน้าของชายชราเริ่มแสดงออกถึงความขุ่นเคือง ในสายตาเขา การที่ยอมพูดกับซูเฉินดีๆ ก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติมากแล้ว
แต่ไม่นึกเลย ว่าซูเฉินจะไม่รู้จักดีชั่ว ยังคงทวงถามหลักฐานจากเขา นี่ทำให้เจ้าตัวเริ่มมีน้ำโหขึ้นมาเล็กน้อย
Ep.452
“เอาพืชวิญญาณต้นนั้นมาให้ฉันดู ถ้าผลบนต้นมันเหมือนกันจริง ฉันจะลองเก็บไปพิจารณา” ซูเฉินกล่าว
เหตุผลที่เขาพูดแบบนี้ หลักๆก็เพื่อตรวจสอบว่าอีกฝ่ายมีต้นผลจำลองจิตหรือไม่
“ผู้เฒ่าจี ดูก็รู้ว่าเจ้าเด็กนี่มันหน้าด้าน ไม่ต้องเสียเวลาคุยกับมันหรอก” ชายหนุ่มขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน สีหน้าเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
ชายชราหน้าดำจ้องมองซูเฉินด้วยความเย็นชา แค่นเสียออกมา “หยวนหลาง จงแสดงความสามารถของเจ้าให้เขาดูเป็นขวัญตา”
ต้นผลจำลองจิต พวกเขาไม่ได้นำมันติดตัวมาด้วย
แต่ต่อให้มันอยู่ที่นี่ พวกเขาก็ไม่คิดนำออกมาให้คนที่ไม่รู้จักดู
ในเมื่อซูเฉินไม่รู้จักประมาณตน เช่นนั้นก็ได้แต่ต้องลงมือ
“ขอรับ”
ชายชุดดำหยวนหลางขานรับ กระโจนขึ้นไปบน [รถศึกอัจฉริยะ] กางฝ่ามือ ฟาดเข้าใส่ลำคอของซูเฉินในทันที
“ก็แค่ผู้วิวัฒนาการเลเวล 4”
ซูเฉินเบ้ปาก ร่องรอยเหยียดหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขา
ผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 หากอยู่ที่อื่น นับเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
แต่ในสายตาซูเฉิน อีกฝ่ายไม่นับเป็นสิ่งใด
ขณะเดียวกับที่ฝ่ามือใหญ่ของหยวนหลางคว้าลงมา ซูเฉินปลดปล่อยพลังแห่งจิตวิญญาณของเขา ตรึงร่างของหยวนหลาง บังคับให้ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศได้อย่างง่ายดาย
“ปรมาจารย์พลังจิต!” หยวนหลางอุทานน้ำเสียงแหบแห้ง
การที่สามารถสะกดเขาในฐานะผู้วิวัฒนาการเลเวล 4 ได้เช่นนี้ หมายความว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าคือปรมาจารย์พลังจิตอย่างไม่ต้องสงสัย
อีกทั้งยังต้องอยู่ในเลเวลสูงมากอีกด้วย อย่างน้อยควรอยู่ในเลเวล 5
เมื่อตระหนักว่าตนกำลังจะลงมือกับปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 5 หัวใจของหยวนหลางบังเกิดระลอกคลื่นของความหวาดกลัวอย่างลึกล้ำ
ความแข็งแกร่งของปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 5 นั้นชัดเจนมาก ชั่วเวลานี้ ชีวิตของเขาตกอยู่ในกำมือของซูเฉินอย่างสิ้นเชิง
ตราบใดที่ซูเฉินสั่งการในความคิด เขาจะกลายเป็นศพตายลงทั้งๆสภาพนี้ทันที
“ปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 5!”
บนเรือเหล็กลำใหญ่ก็เกิดความโกลาหลขึ้นเช่นกัน คนที่สามารถเป็นปรมาจารย์พลังจิตได้มีน้อยนิด ยิ่งเป็นเลเวล 5 ถือว่าหาได้ยากไม่ต่างจากขนหงสาหรือเขากิเลน
ไม่นึกฝันเลย ว่าจะได้พบเจอคนเช่นนั้นที่นี่
“จะมีปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 5 ที่อายุน้อยขนาดนี้ได้อย่างไร?”
ท่าทีของชายหน้าดำแสดงออกถึงความไม่มั่นใจ หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก็ตะโกนว่า “สหายผู้นี้ โปรดหยุดมือก่อน พวกเรามาจากตระกูลเฝิงของราชวงศ์เฝิงซีแห่งทวีปเสวียนเทียน
เพื่อให้ซูเฉินรู้สึกหวาดกลัว และช่วยชีวิตหยวนหลาง เขาได้แต่ยอมเปิดเผยสถานะของตน
“ตระกูลเฝิง? ราชวงศ์เฝิงซี?” ซูเฉินพึมพำ
ในตอนที่ออกจากเกาะเฉียนหยู เขาเคยลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับทวีปเสวียนเทียนมานิดหน่อย
และพบว่าทวีปเสวียนเทียนถูกแบ่งออกเป็นสี่ขุมกำลังหลัก อันได้แก่ ราชวงศ์เฝิงซี , ขุนเขาหวังเฉียว , จักรวรรดิเฉินเชิ่ง , วิหารศักดิ์สิทธิ์หมานหยู
ส่วนตระกูลเฝิง คาดว่าน่าจะเป็นตระกูลที่ถูกปกครองโดยราชวงศ์เฝิงซี ฉะนั้นความแข็งแกร่งย่อมไม่อาจดูแคลน
“เจ้าหนู ในเมื่อรู้แล้วว่าพวกเราเป็นใคร ยังไม่รีบปล่อยหยวนหลางอีก?” ชายหนุ่มกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
เขาคิดว่าเมื่อเปิดเผยสถานะตน จะสามารถข่มขู่ซูเฉินได้ตามต้องการ และซูเฉินจะไม่กล้าทำอะไร
“ราชวงศ์เฝิงซียอดเยี่ยมขนาดนั้นเชียว?”
ซูเฉินเบ้ปาก กล่าวหยอกเย้า “ถ้าฉันยอมปล่อยตามที่แกขอ แบบนั้นไม่เท่ากับฉันเสียศักดิ์ศรีหรอกหรอ?”
ว่าจบ ซูเฉินก็ควบคุมพลังจิตของเขา ระเบิดหัวหยวนหลางโผล๊ะ! อย่างไม่ลังเล
ราชวงศ์เฝิงซีค่อนข้างทรงพลังก็จริง แต่แล้วไง?
ซูเฉินสังหารผู้แข็งแกร่งจากสุดยอดห้าเผ่าพันธุ์ไปตั้งมากมาย ดังนั้นไม่ต้องกล่าวถึงกับอีแค่คนของราชวงศ์เฝิงซี
เมื่อเห็นซูเฉินเอ่ยปากว่าจะฆ่าก็ฆ่าทันที ไร้ปราณี ไม่มีไตร่ตรองใดๆ
ชายชราหน้าดำกับคนอื่นๆกลายเป็นโง่งม
พวกเขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเหตุใดซูเฉินถึงยังกล้าทำเช่นนี้ ทั้งๆที่ฝ่ายเขาเองก็เปิดเผยสถานะตัวเองแล้ว
เป็นไปได้ไหมว่าเพราะเขาคิดว่าตัวเองคือปรมาจารย์พลังจิตเลเวล 5 แล้วจะสามารถอาละวาดไปได้ทั่วโลก?
บังเกิดความเงียบงันไปพักหนึ่ง ก่อนที่เพลิงพิโรธจะลุกโชนขึ้นบนเรือเหล็ก
“พวกเราร่วมมือกัน ฆ่ามันซะ!”
ชายหนุ่มร้องคำรามด้วยความโกรธ
“ฆ่า!”
พริบตาเดียว ชายกว่าสิบคนพร้อมอาวุธครบมือ กระโจนเข้าสังหารซูเฉิน