บทที่ 13 จงฉลาดไปเถิด
บทที่ 13
จงฉลาดไปเถิด
เมื่อ หลี่มู่ฟาน ได้ยินสิ่งนี้เขาตะโกนด้วยความโกรธ “จางเถี่ยเจ้าซื่อบื้อ ถ้าเขาไม่แย่งมันมาในตอนนี้แล้วจะมาเมื่อไหร่กัน?คลังเงินของเมืองตงซานมีเหรียญทองหลายแสนเหรียญแต่เขากลับมามือเปล่าได้อย่างไร?”
หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่เขาก็ตะโกนว่า “อาเฉียง! เจ้าไปหากระสอบมาสัก 2-3 มัด พาพี่น้องครึ่งหนึ่งไปปล้นคลังเงินให้ข้า ได้เท่าไหร่ก็เอา ใครขัดขวางฆ่าให้หมด!”
“รับทราบ!”
อาเฉียง ตะโกนและโบกมือให้ทหารองครักษ์อีกครึ่งหนึ่งวิ่งตามเขาไปที่คลังเงิน
เมื่อเห็นว่าพวกเขาจากไป หลี่มู่ฟาน ก็ด่าทหารที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นว่า “เจ้าลุกขึ้นแล้วไปบอกหลิวหลงกับจางเถี่ยทันที ให้พวกเขาหาจุดเสี่ยงแล้วรีบออกไปภายในครึ่งชั่วโมง!”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทหารที่สวมชุดเกราะหนังสุริยันจันทรารีบมาถึงประตูเมือง แต่ประตูเมืองปิดสนิทกำแพงเมืองเต็มไปด้วยทหาร
แม่ทัพหนุ่มที่นำหน้าตะโกนใส่ประตูเมืองว่า “ข้าเป็นคนของแม่ทัพมู่หรง คนต่างเผ่าในเมืองกำลังก่อกบฏ แม่ทัพมู่หรงสั่งให้ข้าออกไปตรวจสอบข่าวรีบเปิดประตูเมืองเร็วเข้า!”
คนที่เฝ้าประตูเมืองคือแม่ทัพวัยกลางคนที่สวมชุดเกราะและรูปร่างสูงใหญ่ เมื่อเขาได้ยินดังนั้นก็ตะโกนขึ้นว่า “แม่ทัพ มู่หรงเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ของคนรุ่นใหม่ในอาณาจักร มิใช่ว่าปกป้องฝ่าบาทอยู่ในเมืองหลวงหรอกหรอ?ทำไมจู่ๆถึงมาที่นี่?”
แม่ทัพหนุ่มตอบว่า “ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้แม่ทัพของข้าออกจากเมืองเพื่อตามล่าผู้หลบหนี ตลอดทางมานี้เห็นความวุ่นวายในเมืองจึงส่งข้าออกจากเมืองไปส่งข่าวก่อน รีบเปิดประตูเมืองหากผิดพลาดกองทัพของเจ้าคงรับโทษทัณฑ์ไม่ไหว!”
แม่ทัพพิทักษ์เมืองขมวดคิ้วและกล่าวอย่างลังเล “มีใบรับรองหรือไม่?”
ชายหนุ่มหยิบเหรียญตราที่สลักหัวหมาป่าออกมาจากอกเสื้อและโยนไปที่กำแพงพังตะโกนว่า “เหรียญตรานี่ยืนยันได้ รีบเปิดประตูเมืองเร็วเข้า!”
แม่ทัพผู้พิทักษ์ประตูเมืองได้รับเหรียญตราและสำรวจดูอย่างรวดเร็วเห็นหัวหมาป่าดุร้ายและสลักคำด้านล่างว่ามู่หรง เขาจึงพยักหน้าแล้วตะโกนว่า “เป็นเหรียญของแม่ทัพมู่หรงจริงๆ ทุกคนรอสักครู่ข้าจะไปเปิดประตูเมือง!”
พูดจบก็โบกมือให้องครักษ์คนหนึ่งรีบก้าวลงจากกำแพงเมือง หลังจากนั้นไม่นานประตูเมืองก็เปิดออกอย่างช้าๆ และทหารรักษาเมืองก็ตะโกนขึ้นว่า “ทุกคนประตูเมืองเปิดแล้วรีบออกไปเร็วเข้า!”
เมื่อแม่ทัพหนุ่มเห็นดังนั้นก็โบกมือกับทหารสวมเกราะและโบกมือให้ทหาร 200 คนวิ่งไปที่ประตูเมือง
แต่ในตอนนั้นเองความตื่นตระหนกก็เปลี่ยนไป
แม่ทัพผู้พิทักษ์ประตูเมืองก็ตะโกนเสียงดังว่า “พลธนูเตรียม ยิงธนู!”
ทันใดนั้นมีนักธนูยืนเรียงรายอยู่บนกำแพงและลูกธนูก็พุ่งออกมาราวกับสายฝน แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือทหารที่อยู่ด้านล่างมีการตอบสนองอย่างรวดเร็ว พวกเขาขยับตัวไปทีละคนและพุ่งถอยราวกับนกที่ตกใจธนู หลังจากธนูตกลงมาบนพื้นแล้วกลับไม่เหลือแม้เงา
“เกิดอะไรขึ้น ข้าคิดว่าข้าคาดการณ์ไม่ผิดแต่ทำไมเป็นเช่นนี้!”
ทันใดนั้นทหารที่อยู่ใต้กำแพงก็หยิบคันธนูขึ้นมาและยิงสวนกลับขึ้นมายังบนกำแพง
นี่คือธนูสามัญขั้นกลาง มันจะเทียบได้กับคันธนูธรรมดาได้อย่างไรมันทรงพลังพอที่จะเจาะเกราะได้
เสียงธนูดังกังวานและลูกธนูพุ่งตรงเข้าใส่กำแพงเมืองจนเกิดเสียงกรีดร้องออกมา
ภายในการยิงเพียงครั้งเดียวทหาร 50 นายถูกยิงร่วง